สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 599

สรุปบท บทที่ 599 กำจัดให้สิ้นซาก: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์

สรุปเนื้อหา บทที่ 599 กำจัดให้สิ้นซาก – สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ โดย GoodNovel

บท บทที่ 599 กำจัดให้สิ้นซาก ของ สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ ในหมวดนิยายโรแมนติก เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย GoodNovel อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ฟางรั่วตามหาตัวเองทำไมกัน?

ต้องการจัดการกับนางอยู่พอดี ไปดูหน่อยสิว่านางจะเล่นลูกไม้อะไรอีก

เย่จิ่งอวี้หันหน้ากลับมา หิมะแรกกระทบลงบนใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา มีความแวววาวราวกับหยกขาว

“ข้าจะไปกับเสวียนเอ๋อร์”

อินชิงเสวียนครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ก็ดีเพคะ ข้าเองก็เคยใช้ประโยชน์จากฟางรั่ว จึงไม่อยากปลิดชีวิตของนาง ถือว่าข้าตอบแทนน้ำใจของนาง ฝ่า...”

เมื่อเห็นเย่จิ่งอวี้หรี่ตามอง สายตาคมเผยความไม่พอใจออกมา อินชิงเสวียนรู้สึกเซ็งเล็กน้อย และรีบเปลี่ยนคำพูด

“อาอวี้ทำลายวิชาการต่อสู้ของนางก็พอเพคะ”

เย่จิ่งอวี้ยิ้มที่มุมปาก การเรียกขานเช่นนี้ เมื่อเทียบกับคำว่า ‘ฝ่าบาท’ ที่แสนเย็นชา เย่จิ่งอวี้ชอบให้อินชิงเสวียนเรียกชื่อตัวเองมากกว่า

“ได้สิ แล้วแต่เสวียนเอ๋อร์ทุกอย่างเลย”

เป็นเพียงแค่สาวรับใช้เท่านั้น คาดว่านางคงไม่มีฤทธิ์มากแล้ว

อินชิงเสวียนนำเสี่ยวหนานเฟิงมอบให้กับเสี่ยวอานจื่อ เจ้าเด็กอ้วนกลับไม่ยอมไป และคว้ากิ่งดอกเหมยโดยไม่ยอมปล่อยมือ

ตอนนี้ไม่มีความน่ากลัวอะไรในพระราชวังแล้ว อีกทั้งการเดินทางครั้งนี้ยังมีองครักษ์ติดตามอีกมาก อินชิงเสวียนจึงให้เสี่ยวอานจื่อและอวิ๋นฉ่ายพาเจ้าเด็กอ้วนเล่นที่นี่ก่อนสักครู่

เมื่อออกจากสวนดอกเหมย หิมะก็ตกลงมาอีกครั้ง และส่งเสียงเอี๊ยดๆ เมื่อเหยียบลงบนพื้น

เย่จิ่งอวี้กางชุดคลุมออก และคลุมให้อินชิงเสวียน

“หนาวใช่ไหม”

“พอได้เพคะ”

อินชิงเสวียนเงยหน้าแล้วยิ้ม ดวงตาสีขาวดำที่แยกกันชัดเจน ราวกับพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว ซ่อนตัวอยู่ในสายน้ำของใบไม้ผลิ เย่จิ่งอวี้มองแล้วใจเต้นตุ้บๆ

เขาเบนสายตาออก กระแอมไอเสียงแห้งแล้วพูดว่า “หากเสวียนเอ๋อร์ให้กำเนิดลูกสาว จะต้องหน้าตางดงามเหมือนเจ้าแน่นอน”

อินชิงเสวียนดึงแขนของเขาแล้วพูดว่า “ส่วนมากลูกสาวจะหน้าตาเหมือนพ่อ แต่ถ้าเหมือนอาอวี้ก็คงสวยมากทีเดียวเพคะ”

เย่จิ่งอวี้ดีใจขึ้นมาในทันที

“เสวียนเอ๋อร์รับปากว่าจะมีลูกสาวให้ข้าแล้วใช่หรือไม่?”

อินชิงเสวียนเม้มปากเล็กน้อยแล้วพูดว่า “เรื่องแบบนี้ใครจะกล้ารับปากเพคะ ต้องแล้วแต่เทวดาท่านจะเมตตาประทานให้!”

เมื่อก่อนนางไม่เห็นด้วยกับการมีลูก การเสียชีวิตอันน่าสลดใจของเจ้าของร่างเดิมยังคงชัดเจนอยู่ในใจ ซึ่งทำให้นางรู้สึกหวาดกลัว แต่เมื่อใช้ชีวิตกับเย่จิ่งอวี้นานวันเข้า จู่ๆ อินชิงเสวียนก็รู้สึกว่าการมีลูกเป็นของตัวเองก็ดีเช่นกัน

ต่อให้คลอดยาก ก็ยังมีหมอใหญ่อย่างเย่จิ่งหลานอยู่ที่นี่ด้วย คงไม่ถึงขั้นที่นางต้องจบชีวิตแน่นอน

แน่นอนว่าเมื่อนางมีลูกแล้ว นางไม่มีทางเพิกเฉยต่อเสี่ยวหนานเฟิง และจะปฏิบัติต่อเขาให้ดีมากขึ้น นี่คือสิ่งที่นางควรตอบแทนเจ้าของร่างเดิม

เย่จิ่งอวี้ขยับผ้าคลุมให้แน่นขึ้นอีกครั้ง และพูดด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความสุข

“เช่นนี้คืนนี้ข้าต้องพยายามต่ออีก!”

อินชิงเสวียนบีบคอของเขาอย่างอดไม่ได้

“ใครจะพยายามกับท่านกัน?”

พูดจบก็เดินออกจากเสื้อคลุม และวิ่งหนีไป

เย่จิ่งอวี้วิ่งตามไปเหมือนเด็กทันที และหัวเราะด้วยความสนุกสนานกับอินชิงเสวียนบนพื้นหิมะ

ในช่วงเวลานั้น จู่ๆ อินชิงเสวียนก็รู้สึกถึงความรู้สึกของคู่รักหนุ่มสาวยุคใหม่ ตอนเรียนมหาวิทยาลัย นางเคยเห็นคู่รักคนอื่นๆ ทำสงครามหิมะในมหาวิทยาลัยอยู่บ่อยๆ นางรู้สึกอิจฉาเป็นอย่างมาก ไม่คิดว่าวันนี้ความฝันจะเป็นจริงแล้ว

เย่จิ่งอวี้ก็เผยใบหน้าผ่อนคลายที่หาดูได้ยากยิ่งออกมาเช่นกัน ปล่อยวางตัวตน ปล่อยวางประเทศชาติและประชาชน วินาทีนี้ เขาเป็นเพียงแค่สามีของอินชิงเสวียน

นางสนมหลายคนที่ออกมาชมดอกไม้ ต่างก็หลบอยู่หลังพุ่มไม้ และมองภาพเหตุการณ์นี้ด้วยความอิจฉาริษยา

คำพูดนี้เป็นการชี้ทางรอดให้นางอย่างไม่ต้องสงสัย และเป็นตัวเลือกสำหรับนาง

ฟางรั่วส่ายหน้าด้วยความดื้อรั้น

“ทุกสิ่งต่อจากนี้ไม่มีความหมายใดๆ กับข้าอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้ข้าเพียงต้องการหาเขาให้พบ และกำจัดเขาให้สิ้นซาก”

หลายวันนี้นางคิดอย่าถี่ถ้วนแล้วว่า หากต้องคอยไล่ตามคนที่มีทางรักเราไปตลอดชีวิต สู้ทำลายเขาให้สิ้นซากด้วยตัวเองจะดีกว่า ครั้งนั้นอาซือหลานบีบให้นางฆ่าพ่อแม่ของตัวเอง ถึงเวลาที่นางต้องแก้แค้นเพื่อพวกเขาแล้ว

สายตาที่แหลมคมของเย่จิ่งอวี้กวาดไปทั่วใบหน้าของฟางรั่ว และพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือกว่า “ในเมื่อเจ้าได้ทำการตัดสินใจแล้ว ข้าก็จะช่วยให้เจ้าสมความปรารถนา แต่ว่านับตั้งแต่นี้ไป เจ้าจะไม่สามารถฝึกวรยุทธ์ได้อีก หลังออกจากวังไปแล้ว เจ้าจะเป็นหรือตายจะขึ้นอยู่กับความสามารถของเจ้าทั้งหมด”

เขาสะบัดชายเสื้อคลุมและเดินไปด้านหน้า วางฝ่ามือลงบนศีรษะของฟางรั่ว

พลังที่แข็งแกร่งแผ่ออกมาจากฝ่ามือของเขา ทันใดนั้นฟางรั่วก็ร้องโหยหวนออกมาในทันที

หลังจากนั้นไม่นาน เย่จิ่งอวี้ก็ดึงฝ่ามือกลับ เมื่อตรวจสอบลมหายใจของฟางรั่วแล้ว ก็พบว่าจุดตันเถียนถูกทำลายเรียบร้อย เขาจึงวางใจลง

“เห็นแก่ที่เสวียนเอ๋อร์เคยใช้ประโยชน์จากเจ้าครั้งหนึ่ง ข้าจะให้เข้าพักผ่อนก่อนหนึ่งคืน และพรุ่งนี้จะปล่อยเจ้าออกจากวัง หากเจ้าพบตัวอาซือหลาน ข้าจะดูแลความปลอดภัยในช่วงชีวิตที่เหลือของเจ้า”

ฟางรั่วเงยหน้าขึ้นด้วยความอ่อนเปลี้ยเพลียแรง

“ขอบพระทัยฝ่าบาท ขอบพระทัยกุ้ยเฟย”

เมื่อเห็นใบหน้าของนางมีเหงื่อไหล เสื้อผ้าก็เปียกปอนไปหมด อินชิงเสวียนก็อดใจไม่ได้ที่จะกวักมือเรียกผู้คุมเรือนจำเข้ามา

“ไปตามหญิงรับใช้มาสองคน เปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาดให้แก่นาง ให้นางพักผ่อนอย่างดีและรอคำสั่งจากฝ่าบาท”

ผู้คุมเรือนจำขานรับ และนำคนยกตัวของฟางรั่วออกไป อินชิงเสวียนและเย่จิ่งอวี้ก็ออกจากคุกหลวงเช่นกัน

“สำหรับเรื่องทั้งหมดที่ฟางรั่วพูด เสวียนเอ๋อร์คิดเห็นอย่างไร?”

อินชิงเสวียนครุ่นคิดแล้วพูดว่า “ข้าคิดว่าเป็นเรื่องจริงเพคะ ในสายตาของฟางรั่วมีความปรารถนาที่จะตาย นางไม่น่าจะพูดโกหก เพียงแต่ว่าเหตุใดอาซือหลานจึงได้ติดต่อกับชาวตงหลิว?”

เย่จิ่งอวี้เอามือไพล่หลังแล้วพูดว่า “เกรงว่าเรื่องนี้ต้องรอจับเขาให้ได้ก่อน แล้วค่อยถามให้กระจ่าง”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์