ฟางรั่วตามหาตัวเองทำไมกัน?
ต้องการจัดการกับนางอยู่พอดี ไปดูหน่อยสิว่านางจะเล่นลูกไม้อะไรอีก
เย่จิ่งอวี้หันหน้ากลับมา หิมะแรกกระทบลงบนใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา มีความแวววาวราวกับหยกขาว
“ข้าจะไปกับเสวียนเอ๋อร์”
อินชิงเสวียนครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ก็ดีเพคะ ข้าเองก็เคยใช้ประโยชน์จากฟางรั่ว จึงไม่อยากปลิดชีวิตของนาง ถือว่าข้าตอบแทนน้ำใจของนาง ฝ่า...”
เมื่อเห็นเย่จิ่งอวี้หรี่ตามอง สายตาคมเผยความไม่พอใจออกมา อินชิงเสวียนรู้สึกเซ็งเล็กน้อย และรีบเปลี่ยนคำพูด
“อาอวี้ทำลายวิชาการต่อสู้ของนางก็พอเพคะ”
เย่จิ่งอวี้ยิ้มที่มุมปาก การเรียกขานเช่นนี้ เมื่อเทียบกับคำว่า ‘ฝ่าบาท’ ที่แสนเย็นชา เย่จิ่งอวี้ชอบให้อินชิงเสวียนเรียกชื่อตัวเองมากกว่า
“ได้สิ แล้วแต่เสวียนเอ๋อร์ทุกอย่างเลย”
เป็นเพียงแค่สาวรับใช้เท่านั้น คาดว่านางคงไม่มีฤทธิ์มากแล้ว
อินชิงเสวียนนำเสี่ยวหนานเฟิงมอบให้กับเสี่ยวอานจื่อ เจ้าเด็กอ้วนกลับไม่ยอมไป และคว้ากิ่งดอกเหมยโดยไม่ยอมปล่อยมือ
ตอนนี้ไม่มีความน่ากลัวอะไรในพระราชวังแล้ว อีกทั้งการเดินทางครั้งนี้ยังมีองครักษ์ติดตามอีกมาก อินชิงเสวียนจึงให้เสี่ยวอานจื่อและอวิ๋นฉ่ายพาเจ้าเด็กอ้วนเล่นที่นี่ก่อนสักครู่
เมื่อออกจากสวนดอกเหมย หิมะก็ตกลงมาอีกครั้ง และส่งเสียงเอี๊ยดๆ เมื่อเหยียบลงบนพื้น
เย่จิ่งอวี้กางชุดคลุมออก และคลุมให้อินชิงเสวียน
“หนาวใช่ไหม”
“พอได้เพคะ”
อินชิงเสวียนเงยหน้าแล้วยิ้ม ดวงตาสีขาวดำที่แยกกันชัดเจน ราวกับพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว ซ่อนตัวอยู่ในสายน้ำของใบไม้ผลิ เย่จิ่งอวี้มองแล้วใจเต้นตุ้บๆ
เขาเบนสายตาออก กระแอมไอเสียงแห้งแล้วพูดว่า “หากเสวียนเอ๋อร์ให้กำเนิดลูกสาว จะต้องหน้าตางดงามเหมือนเจ้าแน่นอน”
อินชิงเสวียนดึงแขนของเขาแล้วพูดว่า “ส่วนมากลูกสาวจะหน้าตาเหมือนพ่อ แต่ถ้าเหมือนอาอวี้ก็คงสวยมากทีเดียวเพคะ”
เย่จิ่งอวี้ดีใจขึ้นมาในทันที
“เสวียนเอ๋อร์รับปากว่าจะมีลูกสาวให้ข้าแล้วใช่หรือไม่?”
อินชิงเสวียนเม้มปากเล็กน้อยแล้วพูดว่า “เรื่องแบบนี้ใครจะกล้ารับปากเพคะ ต้องแล้วแต่เทวดาท่านจะเมตตาประทานให้!”
เมื่อก่อนนางไม่เห็นด้วยกับการมีลูก การเสียชีวิตอันน่าสลดใจของเจ้าของร่างเดิมยังคงชัดเจนอยู่ในใจ ซึ่งทำให้นางรู้สึกหวาดกลัว แต่เมื่อใช้ชีวิตกับเย่จิ่งอวี้นานวันเข้า จู่ๆ อินชิงเสวียนก็รู้สึกว่าการมีลูกเป็นของตัวเองก็ดีเช่นกัน
ต่อให้คลอดยาก ก็ยังมีหมอใหญ่อย่างเย่จิ่งหลานอยู่ที่นี่ด้วย คงไม่ถึงขั้นที่นางต้องจบชีวิตแน่นอน
แน่นอนว่าเมื่อนางมีลูกแล้ว นางไม่มีทางเพิกเฉยต่อเสี่ยวหนานเฟิง และจะปฏิบัติต่อเขาให้ดีมากขึ้น นี่คือสิ่งที่นางควรตอบแทนเจ้าของร่างเดิม
เย่จิ่งอวี้ขยับผ้าคลุมให้แน่นขึ้นอีกครั้ง และพูดด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความสุข
“เช่นนี้คืนนี้ข้าต้องพยายามต่ออีก!”
อินชิงเสวียนบีบคอของเขาอย่างอดไม่ได้
“ใครจะพยายามกับท่านกัน?”
พูดจบก็เดินออกจากเสื้อคลุม และวิ่งหนีไป
เย่จิ่งอวี้วิ่งตามไปเหมือนเด็กทันที และหัวเราะด้วยความสนุกสนานกับอินชิงเสวียนบนพื้นหิมะ
ในช่วงเวลานั้น จู่ๆ อินชิงเสวียนก็รู้สึกถึงความรู้สึกของคู่รักหนุ่มสาวยุคใหม่ ตอนเรียนมหาวิทยาลัย นางเคยเห็นคู่รักคนอื่นๆ ทำสงครามหิมะในมหาวิทยาลัยอยู่บ่อยๆ นางรู้สึกอิจฉาเป็นอย่างมาก ไม่คิดว่าวันนี้ความฝันจะเป็นจริงแล้ว
เย่จิ่งอวี้ก็เผยใบหน้าผ่อนคลายที่หาดูได้ยากยิ่งออกมาเช่นกัน ปล่อยวางตัวตน ปล่อยวางประเทศชาติและประชาชน วินาทีนี้ เขาเป็นเพียงแค่สามีของอินชิงเสวียน
นางสนมหลายคนที่ออกมาชมดอกไม้ ต่างก็หลบอยู่หลังพุ่มไม้ และมองภาพเหตุการณ์นี้ด้วยความอิจฉาริษยา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...