อินชิงเสวียนพยักหน้า
“เป็นจริงดังนั้นเพคะ ตราบใดที่เจอตัวอาซือหลาน เราจะสืบหาความจริงให้ปรากฏทุกอย่าง”
“อืม มีไป๋เสวี่ยและเจวี๋ยอิ่งติดตามตัวอยู่ รวมทั้งฟางรั่วอีกคน ครั้งนี้ต่อให้เขาติดปีกก็ยากที่จะหนีรอดไปได้”
นับตั้งแต่ได้ยินคำพูดชั้นต่ำเหล่านั้นของอาซือหลาน เย่จิ่งอวี้ก็แทบอยากจับตัวเขาไว้ แล้วสับร่างให้เป็นหมื่นท่อน
ตอนนี้ได้รับความร่วมมือจากหลายฝ่าย เรียกได้ว่ามีความมั่นใจอย่างล้นหลาม
ทั้งสองฝ่าหิมะกลับมาที่ตำหนักจินหวู เย่จิ่งอวี้เห็นว่าเวลายังไม่เย็นมาก จึงกลับไปที่ห้องหนังสือก่อน
อินชิงเสวียนเปิดหน้าต่างออก มองดูเกล็ดหิมะที่ปลิวไสว ก็รู้สึกหดหู่อย่างบอกไม่ถูก
ในเวลานี้ ทางภาคเหนือก็คงมีหิมะตกเช่นเดียวกัน ไม่รู้ว่าบ้านเก่าจะเป็นอย่างไรบ้างแล้ว อารองคงรับคุณย่าไปอยู่ด้วยนานแล้ว
อินชิงเสวียนถอนหายใจยาวๆ และปิดหน้าต่างลง
ขณะนั้นเอง กวนเซี่ยวก็มองหิมะที่นอกหน้าต่าง จิตใจเหม่อลอย
เวลาผ่านไปหลายวันแล้ว ฟางรั่วคงจบเห่แล้วแน่นอน
แม้ว่าเขาจะรู้ตัวตนของฟางรั่ว แต่ยังคงถลำลึกลงไป ตอนนี้หมดหวังโดยสิ้นเชิง
เขารู้นานแล้วว่านายท่านผู้เฒ่ากวนไม่มีทางยินยอมให้ฟางรั่วที่เคยเป็นสายลับเข้าบ้านอย่างแน่นอน ความรู้สึกเช่นนี้ถูกกำหนดให้ไร้ผล
แต่เขาก็ไม่อาจยอมได้ และไม่ยอมให้ผู้หญิงที่ตัวเองรักที่สุดต้องตายตั้งแต่อายุยังน้อยเช่นนี้
ทว่าการเผชิญหน้ากับพระราชวังที่ป้องกันอย่างหนาแน่น เขากลับไม่มีความสามารถมากพอ และรู้สึกแค้นอินชิงเสวียนขึ้นมา
นางเป็นกุ้ยเฟยของต้าโจว และได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้อย่างมาก การปล่อยตัวฟางรั่วเป็นเพียงแค่เรื่องง่ายๆ แต่นางกลับไม่ยอมช่วยเหลือเขา
เมื่อได้ยินข่าวสายลับของเจียงวูถูกฆ่าตาย กวนเซี่ยวก็นั่งไม่ติดพื้นอีกเลย
หลายวันก่อนเขาถูกนายท่านผู้เฒ่ากวนทำร้ายจนบาดเจ็บ ตอนนี้อาการดีขึ้นมากแล้ว จึงสวมเสื้อคลุม สาวเท้าออกจากจวนจอมพล และตรงไปที่โรงเตี๊ยม
ขณะเดียวกันนั้นเอง เงาสูงของอีกคนหนึ่งก็เดินเข้าไปในถนนเทียนเจีย ซึ่งก็คืออินสิงอวิ๋นที่สีหน้าเฉื่อยเนือย
ในด้านของสติปัญญา เขาสามารถยอมรับตระกูลอินได้ แต่ในด้านของความรู้สึกแล้ว กลับมีความรู้สึกบางอย่างที่เข้ากันไม่ได้
เพราะเขาจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้ ในใจทั้งรู้สึกผิด และก็รู้สึกแปลกหน้า ซึ่งไม่สบายใจเท่ากับการอยู่คนเดียว
เขาตามหาผู้หญิงที่อยู่ในความฝันมาโดยตลอด ไม่รู้ว่าเป็นเพียงแค่ความฝัน หรือมีนางคนนั้นอยู่จริงๆ
เมื่อมองดอกหิมะที่ล่องลอยและร่างหล่น จู่ๆ ในใจของอินสิงอวิ๋นก็รู้สึกอ้างว้างอย่างอธิบายไม่ได้
เขาถอนหายใจเบาๆ และเดินเข้าไปในโรงเตี๊ยม
กวนเซี่ยวเดินมาจากอีกด้าน ทั้งสองมาถึงหน้าประตูในเวลาเดียวกัน
ไม่มีใครพูดจา และนั่งลงข้างโต๊ะตัวหนึ่ง
หลังจากนั้นไม่นาน ลูกจ้างก็เสิร์ฟสุราชั้นดีสองไห และเนื้อวัวที่หั่นแล้วสองจาน
เพราะอากาศที่มืดครึ้ม ด้านในโรงเตี๊ยมมืดครึ้มมากกว่าด้านนอก และได้ทำการจุดเทียนเรียบร้อยแล้ว
ทั้งสองหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาพร้อมกัน และดื่มลงคอโดยไม่พูดจาสักคำ
ไม่นานนัก สุราหนึ่งไหก็เหลือเพียงก้นขวด บนโต๊ะยังคงเงียบสงบและไร้เสียง
ท้องฟ้ามืดลงโดยสมบูรณ์แล้ว ลมหิมะก็พัดแรงขึ้นกว่าเมื่อครู่
อินสิงอวิ๋นเหลือบมองไปด้านนอก และเตรียมจะกลับ หลับเห็นคนคนหนึ่งถือร่มสีดำ และเดินเข้ามาจากด้านนอก
เมื่อเข้าไปในโรงเตี๊ยม คนคนนั้นยังคงไม่หุบร่ม ราวกับรู้ว่าทั้งสองคนอยู่ที่นี่ และเดินตรงเข้ามาด้านหน้าโต๊ะ
อินสิงอวิ๋นรีบคว้าดาบเล่มยาว คนคนนั้นกลับจับที่ข้อศอกของเขาเอาไว้ก่อน
“พี่สิงอวิ๋น ข้านำข่าวมาบอกเจ้า เจ้าไม่อยากรู้หรือว่าภรรยาของเจ้าอยู่ที่ใด?”
อินสิงอวิ๋นตกใจเล็กน้อย คนคนนั้นหุบร่มลง และเผยใบหน้าที่หล่อร้ายออกมาจากร่ม
“เจ้านี่เอง อาซือหลาน!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...