สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 602

ในคืนที่มีลมหิมะ ไร้ดาวและเดือน

อากาศกลับไม่หนาวมากนัก

เมื่อรู้ว่าเย่จิ่งอวี้มีธุระเฉพาะหน้า อาจจะกลับมาที่ตำหนักจินหวูดึกเล็กน้อย จู่ๆ อินชิงเสวียนก็อยากออกไปเดินเล่นด้านนอก

นางเติบโตในหมู่บ้านแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ จึงมีความรู้สึกบางอย่างเกี่ยวกับหิมะที่แตกต่างออกไป

หิมะสร้างความทรงจำให้นางอย่างมากมาย ตอนที่ยังเล็ก ทุกครั้งที่มีหิมะตก นางมักอ้อนวอนคุณย่าให้ทำลานสเก็ตน้ำแข็งเล็กๆ ให้นางในสวน และเล่นแคร่เลื่อนหิมะด้านบนนั้น ในช่วงปีใหม่ก็จะเกลือกกลิ้งอยู่บนน้ำแข็ง คนเก่าคนแก่เชื่อว่าจะสามารถขจัดโรคร้ายได้นานาชนิด

อินชิงเสวียนแทบไม่เคยเข้าใจเรื่องเล่านี้ แต่รู้สึกว่ามันสนุกอย่างมาก ดังนั้นเมื่อถึงฤดูหนาว นางจะรอคอยวันที่หิมะตก จากนั้นก็จะเล่นทำสงครามหิมะกับเพื่อนบ้านโดยรอบตลอดทาง

เมื่อนึกถึงช่วงเวลาวัยเด็ก อินชิงเสวียนก็ยิ้มออกมาที่มุมปาก

แม้คุณย่าจะมอบชีวิตที่ร่ำรวยให้แก่นางไม่ได้ แต่กลับมอบความทรงจำวัยเด็กที่เต็มไปด้วยความสุขในแก่นาง

เมื่อถอนหายใจเบาๆ แล้ว นางก็คลุมเสื้อคลุมที่ประดับด้วยขนกระต่าย

อวิ๋นฉ่ายกำลังตัดไส้ตะเกียง เมื่อเห็นอินชิงเสวียนสวมเสื้อคลุมด้านนอก นางจึงถามขึ้นด้วยความสงสัย “พระสนม ดึกขนาดนี้แล้ว พระองค์จะออกไปด้านนอกหรือเพคะ?”

อินชิงเสวียนพยักหน้า

“ดูแลเสี่ยวหนานเฟิงให้ดี ข้าจะออกไปเดินเล่นด้านนอก”

อวิ๋นฉ่ายรีบสวมโป๊ะโคมไฟ

“หม่อมฉันจะไปกับพระสนมด้วยเพคะ”

อินชิงเสวียนยิ้มจางๆ แล้วพูดว่า “ไม่ต้องหรอก ข้าอยากออกไปเดินเล่นเองคนเดียว”

อวิ๋นฉ่ายขานรับ และช่วยอินชิงเสวียนรัดเสื้อคลุมด้านนอก

“เช่นนั้นพระสนมต้องรีบกลับมานะเพคะ อย่าตากลมหนาวนาน”

เมื่อนึกถึงนางสนมนางกำนัลที่จิตใจชั่วร้ายเหล่านั้น หากไม่ถูกส่งไปที่วังเย็น บ้างก็ถูกลงโทษจนตาย ตอนนี้ตำแหน่งสนมยังเหนือเพียงซูฉ่ายเวยผู้เดียวเท่านั้น นางมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพระสนมของตัวเอง ส่วนคนที่เหลือคือนายหญิงที่ยังไม่มีตำแหน่งอีกไม่กี่คน ซึ่งไม่มีภัยร้ายแรงให้ต้องกลัว

อวิ๋นฉ่ายจึงไม่ค่อยเป็นห่วง

อีกทั้งตั้งแต่อินชิงเสวียนฟื้นขึ้นมา นิสัยของนางก็เปลี่ยนไปค่อนข้างมาก ดูเหมือนว่านางชอบอยู่เพียงลำพังมากขึ้น นอกจากความจำเป็น นางไม่ค่อยให้ใครอยู่ด้วย เมื่อเวลานานวันเข้า อวิ๋นฉ่ายก็เริ่มชินชา

จังอวี้จิ่นกำลังเข้าเวรดึกที่หน้าประตู เมื่อเห็นอินชิงเสวียนก็รีบมาต้อนรับ และพูดอย่างเคารพว่า “เหนียงเหนียง พระองค์ต้องการให้รับใช้เรื่องใดหรือเพคะ?”

อินชิงเสวียนยกมือขึ้นมา และช่วยจังอวี้จิ่นปัดหิมะที่อยู่บนร่างกาย พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า “ยังไม่มีอะไรให้เจ้าทำหรอก เจ้ากลับไปรอที่ตำหนักด้านข้างกับอวิ๋นฉ่ายเถอะนะ”

นางเดินสองก้าวและหยุดฝีเท้าลง พร้อมหันกลับมาพูดว่า “ข้าตามหาตัวฆาตกรตัวจริงที่ฆ่าครอบครัวของเจ้าพบแล้ว อีกไม่นานก็จะนำตัวเขามาลงโทษตามกฎหมาย ถึงตอนนั้น เจ้าสามารถไปชี้ตัวผู้ร้ายได้ด้วยตัวเอง และเจ้าจะรู้ว่าข้าไม่ได้โกหกเจ้า”

จังอวี้จิ่นรีบคุกเข่าลงทันที

“หม่อมฉันไม่กล้าสงสัยเหนียงเหนียงเลยเพคะ ก่อนหน้านี้เป็นเพราะหม่อมฉันเป็นคนตาบอดและโง่เขลา เหนียงเหนียงโปรดอภัยให้หม่อมฉันด้วยนะเพคะ”

อินชิงเสวียนดึงตัวนางขึ้นยืน และพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนมากขึ้น

“ไม่ต้องคิดมาก ข้าไม่เคยคิดกล่าวโทษเจ้า เจ้าเติบโตในหมู่บ้านประมงตั้งแต่ยังเล็ก จึงไม่รู้อันตรายของโลกใบนี้ และถูกเอารัดเอาเปรียบโดยคนที่มีเจตนาร้ายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”

เสียงที่อ่อนโยนดังขึ้นข้างหู จังอวี้จิ่นอดไม่ได้ที่จะคิดถึงแม่ที่จากไปตั้งแต่ยังสาว นางรู้สึกหน่วงที่จมูก น้ำตาแทบไหลออกมา

เหนียงเหนียงช่างดีต่อนางจริงๆ หากชาตินี้ตอบแทนได้ไม่หมด เช่นนั้นนางก็จะจงรักภักดี ซื่อสัตย์ไม่แปรเปลี่ยน และกลับมาทดแทนบุญคุณในชาติหน้าอีก

“หม่อมฉันจะจดจำพระกรุณาของเหนียงเหนียงไว้เป็นอย่างดี หากเหนียงเหนียงต้องการใช้งานหม่อมฉัน หม่อมฉันยินยอมบุกน้ำลุยไฟ แม้จะต้องตายเป็นหมื่นครั้งก็จะไม่ปฏิเสธเพคะ”

“เอาล่ะ ไม่ต้องพูดเรื่องเหล่านี้แล้ว อวิ๋นฉ่าย พาอวี้จิ่นไปที่ตำหนักด้านข้างเถอะ”

อวิ๋นฉ่ายตอบรับ และดึงตัวจังอวี้จิ่นไป

ตอนที่เดินเข้าประตู จังอวี้จิ่นก็หันกลับไปมองอีกครั้งอย่างอดไม่ได้

อินชิงเสวียนตรงออกไปที่หน้าประตูวัง ตะเกียงเจ้าพายุที่มืดสลัว ทำให้เงาของอินชิงเสวียนถูกลากยาว ในช่วงวินาทีนั้น ภาพลักษณ์ของเหนียงเหนียงเปลี่ยนเป็นเหมือนกับหุบเขาในหัวใจของจังอวี้จิ่นทันที กลายเป็นที่สามารถปกป้องนางจากลมและฝนได้

ณ นอกพระราชวัง

“ไร้สาระ ในมิติมีของปลอมด้วยงั้นหรือ?”

แต่ดูเหมือนว่าจะมีของปลอมด้วยเช่นกัน ตัวอย่างเช่น มือถือสับปะรดเครื่องนั้น อินชิงเสวียนกระแอมไอเสียงแห้งแล้วถามว่า “หวังซุ่นเป็นอย่างไรบ้าง?”

เย่จิ่งหลานพูดตัดพ้อว่า “คิดไว้แล้วว่าท่านต้องมาหาเจ้าทึ่มนั่น”

อินชิงเสวียนหยิบสไปร์ทกระป๋องออกมา และดื่มเข้าปากตัวเอง

“ข้าเพียงถามดูเท่านั้น ท่านจะตื่นเต้นขนาดนั้นไปทำไมกัน”

เย่จิ่งหลานเลียริมฝีปากของตัวเองทันที เขาไม่ได้ลิ้มรสชาตินี้มานานแล้ว

อินชิงเสวียนแลกอีกขวดและโยนให้เขา เย่จิ่งหลานดื่มลงท้องอย่างเอร็ดอร่อย จากนั้นก็พูดว่า “วางใจได้เลย เจ้าทึ่มนั่นสบายดีมาก ข้าให้เขาพักอยู่ในมิติไปก่อนชั่วคราว เพื่อไม่ให้ถูกคนจับตัวไป”

จากนั้นก็พูดเสริมอีกว่า “เรื่องที่ท่านมอบหมายให้ข้าทำ มีตอนไหนที่ข้าทำได้ไม่ดีบ้าง คนภาคเหนือใจนักเลงพอ”

อินชิงเสวียนประหลาดใจเล็กน้อย

“ท่านก็เป็นคนทางเหนืองั้นหรือ?”

เย่จิ่งหลานพยักหน้า

“ถูกต้อง เพียงแต่มาอยู่ข้างนอกนานเกินไป สำเนียงเริ่มไม่ได้แล้ว”

จากนั้นก็พูดด้วยภาษาทางเหนือหนึ่งประโยค

“อี่น้องคนงาม ยอกเหล้าสักกำบ่?”

อินชิงเสวียนขำพรวดออกมา

“ข้าเองก็เช่นกัน ดูเหมือนว่าพวกเราจะเป็นคนบ้านเดียวกันอย่างแท้จริง ชนแก้วกันหน่อย”

อินชิงเสวียนชูกระป๋องสไปร์ทขึ้นมา ทันทีทั้งสองชนแก้วกัน ด้านนอกก็มีเสียงสะบัดชายเสื้อดังขึ้นเล็กน้อย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์