สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 603

สรุปบท บทที่ 603 อ้อนแอ้นดังมังกรร่ายรำ: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์

ตอน บทที่ 603 อ้อนแอ้นดังมังกรร่ายรำ จาก สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 603 อ้อนแอ้นดังมังกรร่ายรำ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายโรแมนติก สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ ที่เขียนโดย GoodNovel เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

การเคลื่อนไหวของอินชิงเสวียนหยุดนิ่ง เย่จิ่งหลานก็ตื่นตัวในทันที

“ทำไมงั้นหรือ?”

“มีคนมา”

อินชิงเสวียนพูดเสียงเบาและต่ำ

อาจเป็นเพราะดื่มน้ำพุวิญญาณมาโดยตลอด นางจึงมีประสาทสัมผัสที่ดีกว่าคนทั่วไป

เย่จิ่งหลานเคยเห็นฝีมือของนาง และแน่นอนว่าเขาเชื่อนาง

“หรือว่า... พวกเราจะเข้าไปในมิติก่อนดี?”

เย่จิ่งหลานยังไม่ทันได้แลกปืนเลเซอร์ จึงไม่มีความสามารถในการป้องกันตัวเอง ทำได้เพียงหดหัวเป็นเต่า

“ท่านเข้ามิติไปก่อน ข้าจะออกไปดู”

เนื่องจากมีพละกำลังและความว่องไวของมิติอยู่ติดตัว อินชิงเสวียนจึงถือเป็นผู้มีวิทยายุทธ์ที่กล้าหาญ เมื่อพูดจบนางจึงเปิดประตูและเดินออกไป

เมื่อมาถึงหน้าประตูก็ได้ยินเสียงกรีดร้อง เสียงตะโกนร้องของผู้หญิงคนหนึ่ง “ปล่อยข้า ช่วยด้วย!”

ท่ามกลางแสงจันทร์ที่เลือนราง จึงเห็นเพียงเงาคนที่อยู่ภายใต้ชุดคลุมสีดำทั้งตัวยืนอยู่ท่ามกลางลานบ้าน คนที่เขาจับไว้ในมือก็คือเป่าเล่อเอ่อร์ที่อินชิงเสวียนช่วยไว้จากเรือนจุ้ยหง

วันนี้ท้องฟ้าสีดำมืด ตะเกียงเจ้าพายุถูกลมเป่าให้สว่างและสลัว และทั้งคู่ก็ไม่สามารถมองเห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของอีกฝ่ายได้

“เจ้าคือใคร มาที่นี่ทำไม?”

อินชิงเสวียนยืนอยู่ที่หน้าประตู น้ำเสียงเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง สายตาไร้ซึ่งความหวาดกลัว และจับจ้องไปที่ชายชุดคลุมสีดำนั่น

เมื่อได้ยินเสียงของนาง ชายชุดดำตกใจเล็กน้อย และพูดกดน้ำเสียงว่า “หวังซุ่นอยู่ที่ใด ส่งคนมาให้ข้า ข้าจะไม่ทำร้ายพวกเจ้าโดยเด็ดขาด”

อินชิงเสวียนพูดด้วยสายตานิ่งเฉยว่า “หวังซุ่นถูกอาซือหลานจับตัวไปแล้ว ในเมื่อเจ้ารู้จักชื่อของเขา ก็ควรรู้ว่าเขาคือลูกน้องของอาซือหลาน”

หากอาซือหลานมาด้วยตัวเอง เขาไม่มีทางปิดบังซ่อนเร้นตัวตน เจ้าหมอนั่นเป็นคนจองหองมาโดยตลอด นอกจากตอนแรกที่สวมหน้ากากใบหน้าของอาโฉ่วและอินสิงอวิ๋น จากนั้นก็กลับมาเป็นตัวเองในที่สุด

ดังนั้น อินชิงเสวียนจึงมั่นใจได้ว่าคนคนนี้ไม่ใช่อาซือหลานแน่นอน

ชายชุดดำครุ่นคิดครู่หนึ่ง และแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขาไม่เชื่อ

พูดด้วยเสียงแหบแห้งว่า “ข้าไม่อยากลงไม้ลงมือกับเจ้า เจ้าก็อย่าคิดที่จะโกหกข้า ข้าเคยพบกับอาซือหลาน เขาบอกว่าหวังซุ่นอยู่ที่นี่”

อินชิงเสวียนเดินไปด้านหน้าสองสามก้าวอย่างไม่รีบร้อน และส่งสายตาเพื่อให้เป่าเล่อเอ่อร์รู้สึกสบายใจ

จากนั้นก็พูดเสียงเย็นว่า “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าอาซือหลานไม่ได้หลอกลวงเจ้า เขาคนนี้เป็นผู้ที่มีกลอุบายมากมาย เจ้าเล่ห์อย่างมาก เขาให้เจ้ามาตามหาคนที่นี่ เป็นเพียงแค่การยืมมีดในการฆ่าคนเท่านั้น”

ชายชุดดำพูดอีกว่า “ข้าไม่เชื่อ นอกเสียงจากเจ้าจะให้ข้าตรวจค้นด้วยตัวเอง”

อินชิงเสวียนพูดเสียงเย้ยหยันว่า “เจ้าอย่าได้คิดอวดดีมากเกินไป จวนท่านอ๋องเป็นสวนผักบ้านเจ้างั้นหรือ รีบปล่อยคนมาเดี๋ยวนี้”

นางได้แลกความว่องไวของมิติไว้แล้ว เมื่อนางสะกิดปลายเท้าเพียงเล็กน้อย ร่างกายของนางเคลื่อนไหวว่องไวราวกับภาพติดตา และพุ่งไปด้านหน้าของชายชุดดำอย่างรวดเร็ว มือซ้ายฟาดอย่างรุนแรง และมือขวาก็คว้าเป่าเล่อเอ่อร์เอาไว้

ดูเหมือนว่าชายชุดดำไม่อยากลงไม้ลงมือกับนาง เขารีบหลบด้วยความว่องไว และปล่อยตัวเป่าเล่อเอ่อร์

อินชิงเสวียนใช้โอกาสนี้พาเป่าเล่อเอ่อร์มายังทางเข้าห้องโถงของจวนอ๋อง และพูดเสียงเบาว่า “รีบเข้าไปซ่อนในบ้าน”

เป่าเล่อเอ่อร์ตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ ราวกับไม่คาดคิดว่าอินชิงเสวียนจะมีวิทยายุทธ์ที่ดีเช่นนี้ จากนั้นก็มองไปที่ชายชุดดำคนนั้นอีกครั้ง

บนร่างกายของเขา นางได้กลิ่นที่คุ้นเคย ซึ่งเหมือนกับอามู่เอ่อร์ของนาง

เพียงแต่น้ำเสียงแตกต่างกัน อามู่เอ่อร์ไม่เคยดุขนาดนี้มาก่อน เป่าเล่อเอ่อร์จึงแยกแยะไม่ได้ในเวลาอันสั้น และรีบเข้าไปซ่อนตัวในบ้าน

บนหลังคาที่ไม่ไกลนัก มีชายคนหนึ่งถือพัดนั่งยองๆ อยู่ที่มุมของบ้าน คนคนนี้ก็คืออาซือหลาน

เดิมทีเขาต้องการมาเพื่อเป็นฝ่ายหนุนอินสิงอวิ๋น ไม่คาดคิดว่าเขาจะได้พบกับอินชิงเสวียนที่ทำให้เขาลุ่มหลงงมงายจนติดตามไปถึงในฝันที่นี่ และยิ่งไม่คาดคิดว่าน้องสาวสุดที่รักของเขาจะอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน

อินสิงอวิ๋นสูญเสียความทรงจำ บวกกับท้องฟ้าที่มืดสนิท จึงไม่อาจจำได้ในเวลาสั้นๆ แต่สายตาของอาซือหลานกลับแหลมคมเป็นอย่างมาก

โดยที่นางไม่รู้เลยว่าอาซือหลานรู้อยู่นานแล้วว่าสุนัขกำลังตามหาตัวเอง จึงจงใจสาดเครื่องหอมมากมายบนร่างกาย นี่คือเหตุผลที่เขากล้าไปที่โรงเตี๊ยม เพื่อพบกับอินสิงอวิ๋นและกวนเซี่ยว

วันนี้สุนัขฮ่องเต้ไม่อยู่ โอกาสนี้หาได้ยากยิ่ง หากไปนำตัวอินชิงเสวียนไปด้วยก็คงต้องเสียใจไปตลอดชีวิต

แน่นอนว่าอินชิงเสวียนไม่มีทางยืนนิ่งรอให้เขามาจับตัว ความเร็วของมิติรวมตัวกันบนขาของนาง และนางก็โผบินถอยหลัง กระโปรงและแขนเสื้อกระพือปีกราวกับเทพธิดา ท่าทางของนางช่างงดงามงามจริงๆ

อาซือหลานหรี่ปรายตามอง กล่าวเอ่ยชมอย่างใจกว้างว่า “ไม่นึกเลยว่าชิงเสวียนจะมีวิชาตัวเบาที่เก่งกาจเช่นนี้ ช่างเหมือนกับอรชรดุจหงส์ร่อน อ้อนแอ้นดังมังกรร่ายรำเสียจริง”

“หุบปาก คนปากสุนัขไม่มีทางพูดสิ่งที่ดีออกมาได้”

อินชิงเสวียนตบฝ่ามือเข้ามา ประสานกับลมแรง

อาซือหลานสะกิดปลายเท้าเพียงเล็กน้อย ตัวเขาก็ลอยผ่านไปอย่างว่องไว นิ้วมือของเขาลูบผ่านใบหน้าของอินชิงเสวียน และพูดด้วยสีหน้าที่ลุ่มหลงว่า “หอมจัง”

อินชิงเสวียนรู้สึกขนลุกทั่วทั้งตัวในทันที

“ไอ้โจรสุนัข อยากตายหรือไง!”

รอยยิ้มของอาซือหลานมีความชั่วร้ายมากยิ่งขึ้น

“ต่อให้ต้องตาย ข้าก็อยากตายใต้กระโปรงพับกลีบของเจ้า และเป็นผีที่สง่างาม”

“เจ้าเพ้อฝันเกินไปแล้ว”

เมื่อเห็นว่าอาซือหลานจะมาจับตัวเองอีกครั้ง อินชิงเสวียนจึงแลกทักษะห้าสิบห้าสิบในทันที

ต่อให้วันนี้ต้องบอบช้ำทั้งสองฝ่าย นางก็ต้องจับตัวอาซือหลานไว้ให้ได้

อาซือหลานเคยต่อสู้กับอินชิงเสวียน เขารู้ขีดจำกัดของนางดี จึงไม่ได้ใส่ใจฝ่ามือนี้ของนาง

ทว่าเวลาเพียงพริบตาเดียว นิ้วมือของอินชิงเสวียนก็ฟาดเข้าที่บนข้อมือของอาซือหลาน

พละกำลังอันมหาศาลไหลผ่านนิ้วมือของอินชิงเสวียน และกระแทกบนร่างกายของอาซือหลาน อาซือหลานรู้สึกว่าเลือดลมปราณเกิดการพลิกตัว และกระเด็นถอยออกมาหลายก้าว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์