สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 603

การเคลื่อนไหวของอินชิงเสวียนหยุดนิ่ง เย่จิ่งหลานก็ตื่นตัวในทันที

“ทำไมงั้นหรือ?”

“มีคนมา”

อินชิงเสวียนพูดเสียงเบาและต่ำ

อาจเป็นเพราะดื่มน้ำพุวิญญาณมาโดยตลอด นางจึงมีประสาทสัมผัสที่ดีกว่าคนทั่วไป

เย่จิ่งหลานเคยเห็นฝีมือของนาง และแน่นอนว่าเขาเชื่อนาง

“หรือว่า... พวกเราจะเข้าไปในมิติก่อนดี?”

เย่จิ่งหลานยังไม่ทันได้แลกปืนเลเซอร์ จึงไม่มีความสามารถในการป้องกันตัวเอง ทำได้เพียงหดหัวเป็นเต่า

“ท่านเข้ามิติไปก่อน ข้าจะออกไปดู”

เนื่องจากมีพละกำลังและความว่องไวของมิติอยู่ติดตัว อินชิงเสวียนจึงถือเป็นผู้มีวิทยายุทธ์ที่กล้าหาญ เมื่อพูดจบนางจึงเปิดประตูและเดินออกไป

เมื่อมาถึงหน้าประตูก็ได้ยินเสียงกรีดร้อง เสียงตะโกนร้องของผู้หญิงคนหนึ่ง “ปล่อยข้า ช่วยด้วย!”

ท่ามกลางแสงจันทร์ที่เลือนราง จึงเห็นเพียงเงาคนที่อยู่ภายใต้ชุดคลุมสีดำทั้งตัวยืนอยู่ท่ามกลางลานบ้าน คนที่เขาจับไว้ในมือก็คือเป่าเล่อเอ่อร์ที่อินชิงเสวียนช่วยไว้จากเรือนจุ้ยหง

วันนี้ท้องฟ้าสีดำมืด ตะเกียงเจ้าพายุถูกลมเป่าให้สว่างและสลัว และทั้งคู่ก็ไม่สามารถมองเห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของอีกฝ่ายได้

“เจ้าคือใคร มาที่นี่ทำไม?”

อินชิงเสวียนยืนอยู่ที่หน้าประตู น้ำเสียงเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง สายตาไร้ซึ่งความหวาดกลัว และจับจ้องไปที่ชายชุดคลุมสีดำนั่น

เมื่อได้ยินเสียงของนาง ชายชุดดำตกใจเล็กน้อย และพูดกดน้ำเสียงว่า “หวังซุ่นอยู่ที่ใด ส่งคนมาให้ข้า ข้าจะไม่ทำร้ายพวกเจ้าโดยเด็ดขาด”

อินชิงเสวียนพูดด้วยสายตานิ่งเฉยว่า “หวังซุ่นถูกอาซือหลานจับตัวไปแล้ว ในเมื่อเจ้ารู้จักชื่อของเขา ก็ควรรู้ว่าเขาคือลูกน้องของอาซือหลาน”

หากอาซือหลานมาด้วยตัวเอง เขาไม่มีทางปิดบังซ่อนเร้นตัวตน เจ้าหมอนั่นเป็นคนจองหองมาโดยตลอด นอกจากตอนแรกที่สวมหน้ากากใบหน้าของอาโฉ่วและอินสิงอวิ๋น จากนั้นก็กลับมาเป็นตัวเองในที่สุด

ดังนั้น อินชิงเสวียนจึงมั่นใจได้ว่าคนคนนี้ไม่ใช่อาซือหลานแน่นอน

ชายชุดดำครุ่นคิดครู่หนึ่ง และแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขาไม่เชื่อ

พูดด้วยเสียงแหบแห้งว่า “ข้าไม่อยากลงไม้ลงมือกับเจ้า เจ้าก็อย่าคิดที่จะโกหกข้า ข้าเคยพบกับอาซือหลาน เขาบอกว่าหวังซุ่นอยู่ที่นี่”

อินชิงเสวียนเดินไปด้านหน้าสองสามก้าวอย่างไม่รีบร้อน และส่งสายตาเพื่อให้เป่าเล่อเอ่อร์รู้สึกสบายใจ

จากนั้นก็พูดเสียงเย็นว่า “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าอาซือหลานไม่ได้หลอกลวงเจ้า เขาคนนี้เป็นผู้ที่มีกลอุบายมากมาย เจ้าเล่ห์อย่างมาก เขาให้เจ้ามาตามหาคนที่นี่ เป็นเพียงแค่การยืมมีดในการฆ่าคนเท่านั้น”

ชายชุดดำพูดอีกว่า “ข้าไม่เชื่อ นอกเสียงจากเจ้าจะให้ข้าตรวจค้นด้วยตัวเอง”

อินชิงเสวียนพูดเสียงเย้ยหยันว่า “เจ้าอย่าได้คิดอวดดีมากเกินไป จวนท่านอ๋องเป็นสวนผักบ้านเจ้างั้นหรือ รีบปล่อยคนมาเดี๋ยวนี้”

นางได้แลกความว่องไวของมิติไว้แล้ว เมื่อนางสะกิดปลายเท้าเพียงเล็กน้อย ร่างกายของนางเคลื่อนไหวว่องไวราวกับภาพติดตา และพุ่งไปด้านหน้าของชายชุดดำอย่างรวดเร็ว มือซ้ายฟาดอย่างรุนแรง และมือขวาก็คว้าเป่าเล่อเอ่อร์เอาไว้

ดูเหมือนว่าชายชุดดำไม่อยากลงไม้ลงมือกับนาง เขารีบหลบด้วยความว่องไว และปล่อยตัวเป่าเล่อเอ่อร์

อินชิงเสวียนใช้โอกาสนี้พาเป่าเล่อเอ่อร์มายังทางเข้าห้องโถงของจวนอ๋อง และพูดเสียงเบาว่า “รีบเข้าไปซ่อนในบ้าน”

เป่าเล่อเอ่อร์ตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ ราวกับไม่คาดคิดว่าอินชิงเสวียนจะมีวิทยายุทธ์ที่ดีเช่นนี้ จากนั้นก็มองไปที่ชายชุดดำคนนั้นอีกครั้ง

บนร่างกายของเขา นางได้กลิ่นที่คุ้นเคย ซึ่งเหมือนกับอามู่เอ่อร์ของนาง

เพียงแต่น้ำเสียงแตกต่างกัน อามู่เอ่อร์ไม่เคยดุขนาดนี้มาก่อน เป่าเล่อเอ่อร์จึงแยกแยะไม่ได้ในเวลาอันสั้น และรีบเข้าไปซ่อนตัวในบ้าน

บนหลังคาที่ไม่ไกลนัก มีชายคนหนึ่งถือพัดนั่งยองๆ อยู่ที่มุมของบ้าน คนคนนี้ก็คืออาซือหลาน

เดิมทีเขาต้องการมาเพื่อเป็นฝ่ายหนุนอินสิงอวิ๋น ไม่คาดคิดว่าเขาจะได้พบกับอินชิงเสวียนที่ทำให้เขาลุ่มหลงงมงายจนติดตามไปถึงในฝันที่นี่ และยิ่งไม่คาดคิดว่าน้องสาวสุดที่รักของเขาจะอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน

อินสิงอวิ๋นสูญเสียความทรงจำ บวกกับท้องฟ้าที่มืดสนิท จึงไม่อาจจำได้ในเวลาสั้นๆ แต่สายตาของอาซือหลานกลับแหลมคมเป็นอย่างมาก

โดยที่นางไม่รู้เลยว่าอาซือหลานรู้อยู่นานแล้วว่าสุนัขกำลังตามหาตัวเอง จึงจงใจสาดเครื่องหอมมากมายบนร่างกาย นี่คือเหตุผลที่เขากล้าไปที่โรงเตี๊ยม เพื่อพบกับอินสิงอวิ๋นและกวนเซี่ยว

วันนี้สุนัขฮ่องเต้ไม่อยู่ โอกาสนี้หาได้ยากยิ่ง หากไปนำตัวอินชิงเสวียนไปด้วยก็คงต้องเสียใจไปตลอดชีวิต

แน่นอนว่าอินชิงเสวียนไม่มีทางยืนนิ่งรอให้เขามาจับตัว ความเร็วของมิติรวมตัวกันบนขาของนาง และนางก็โผบินถอยหลัง กระโปรงและแขนเสื้อกระพือปีกราวกับเทพธิดา ท่าทางของนางช่างงดงามงามจริงๆ

อาซือหลานหรี่ปรายตามอง กล่าวเอ่ยชมอย่างใจกว้างว่า “ไม่นึกเลยว่าชิงเสวียนจะมีวิชาตัวเบาที่เก่งกาจเช่นนี้ ช่างเหมือนกับอรชรดุจหงส์ร่อน อ้อนแอ้นดังมังกรร่ายรำเสียจริง”

“หุบปาก คนปากสุนัขไม่มีทางพูดสิ่งที่ดีออกมาได้”

อินชิงเสวียนตบฝ่ามือเข้ามา ประสานกับลมแรง

อาซือหลานสะกิดปลายเท้าเพียงเล็กน้อย ตัวเขาก็ลอยผ่านไปอย่างว่องไว นิ้วมือของเขาลูบผ่านใบหน้าของอินชิงเสวียน และพูดด้วยสีหน้าที่ลุ่มหลงว่า “หอมจัง”

อินชิงเสวียนรู้สึกขนลุกทั่วทั้งตัวในทันที

“ไอ้โจรสุนัข อยากตายหรือไง!”

รอยยิ้มของอาซือหลานมีความชั่วร้ายมากยิ่งขึ้น

“ต่อให้ต้องตาย ข้าก็อยากตายใต้กระโปรงพับกลีบของเจ้า และเป็นผีที่สง่างาม”

“เจ้าเพ้อฝันเกินไปแล้ว”

เมื่อเห็นว่าอาซือหลานจะมาจับตัวเองอีกครั้ง อินชิงเสวียนจึงแลกทักษะห้าสิบห้าสิบในทันที

ต่อให้วันนี้ต้องบอบช้ำทั้งสองฝ่าย นางก็ต้องจับตัวอาซือหลานไว้ให้ได้

อาซือหลานเคยต่อสู้กับอินชิงเสวียน เขารู้ขีดจำกัดของนางดี จึงไม่ได้ใส่ใจฝ่ามือนี้ของนาง

ทว่าเวลาเพียงพริบตาเดียว นิ้วมือของอินชิงเสวียนก็ฟาดเข้าที่บนข้อมือของอาซือหลาน

พละกำลังอันมหาศาลไหลผ่านนิ้วมือของอินชิงเสวียน และกระแทกบนร่างกายของอาซือหลาน อาซือหลานรู้สึกว่าเลือดลมปราณเกิดการพลิกตัว และกระเด็นถอยออกมาหลายก้าว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์