การเคลื่อนไหวของอินชิงเสวียนหยุดนิ่ง เย่จิ่งหลานก็ตื่นตัวในทันที
“ทำไมงั้นหรือ?”
“มีคนมา”
อินชิงเสวียนพูดเสียงเบาและต่ำ
อาจเป็นเพราะดื่มน้ำพุวิญญาณมาโดยตลอด นางจึงมีประสาทสัมผัสที่ดีกว่าคนทั่วไป
เย่จิ่งหลานเคยเห็นฝีมือของนาง และแน่นอนว่าเขาเชื่อนาง
“หรือว่า... พวกเราจะเข้าไปในมิติก่อนดี?”
เย่จิ่งหลานยังไม่ทันได้แลกปืนเลเซอร์ จึงไม่มีความสามารถในการป้องกันตัวเอง ทำได้เพียงหดหัวเป็นเต่า
“ท่านเข้ามิติไปก่อน ข้าจะออกไปดู”
เนื่องจากมีพละกำลังและความว่องไวของมิติอยู่ติดตัว อินชิงเสวียนจึงถือเป็นผู้มีวิทยายุทธ์ที่กล้าหาญ เมื่อพูดจบนางจึงเปิดประตูและเดินออกไป
เมื่อมาถึงหน้าประตูก็ได้ยินเสียงกรีดร้อง เสียงตะโกนร้องของผู้หญิงคนหนึ่ง “ปล่อยข้า ช่วยด้วย!”
ท่ามกลางแสงจันทร์ที่เลือนราง จึงเห็นเพียงเงาคนที่อยู่ภายใต้ชุดคลุมสีดำทั้งตัวยืนอยู่ท่ามกลางลานบ้าน คนที่เขาจับไว้ในมือก็คือเป่าเล่อเอ่อร์ที่อินชิงเสวียนช่วยไว้จากเรือนจุ้ยหง
วันนี้ท้องฟ้าสีดำมืด ตะเกียงเจ้าพายุถูกลมเป่าให้สว่างและสลัว และทั้งคู่ก็ไม่สามารถมองเห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของอีกฝ่ายได้
“เจ้าคือใคร มาที่นี่ทำไม?”
อินชิงเสวียนยืนอยู่ที่หน้าประตู น้ำเสียงเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง สายตาไร้ซึ่งความหวาดกลัว และจับจ้องไปที่ชายชุดคลุมสีดำนั่น
เมื่อได้ยินเสียงของนาง ชายชุดดำตกใจเล็กน้อย และพูดกดน้ำเสียงว่า “หวังซุ่นอยู่ที่ใด ส่งคนมาให้ข้า ข้าจะไม่ทำร้ายพวกเจ้าโดยเด็ดขาด”
อินชิงเสวียนพูดด้วยสายตานิ่งเฉยว่า “หวังซุ่นถูกอาซือหลานจับตัวไปแล้ว ในเมื่อเจ้ารู้จักชื่อของเขา ก็ควรรู้ว่าเขาคือลูกน้องของอาซือหลาน”
หากอาซือหลานมาด้วยตัวเอง เขาไม่มีทางปิดบังซ่อนเร้นตัวตน เจ้าหมอนั่นเป็นคนจองหองมาโดยตลอด นอกจากตอนแรกที่สวมหน้ากากใบหน้าของอาโฉ่วและอินสิงอวิ๋น จากนั้นก็กลับมาเป็นตัวเองในที่สุด
ดังนั้น อินชิงเสวียนจึงมั่นใจได้ว่าคนคนนี้ไม่ใช่อาซือหลานแน่นอน
ชายชุดดำครุ่นคิดครู่หนึ่ง และแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขาไม่เชื่อ
พูดด้วยเสียงแหบแห้งว่า “ข้าไม่อยากลงไม้ลงมือกับเจ้า เจ้าก็อย่าคิดที่จะโกหกข้า ข้าเคยพบกับอาซือหลาน เขาบอกว่าหวังซุ่นอยู่ที่นี่”
อินชิงเสวียนเดินไปด้านหน้าสองสามก้าวอย่างไม่รีบร้อน และส่งสายตาเพื่อให้เป่าเล่อเอ่อร์รู้สึกสบายใจ
จากนั้นก็พูดเสียงเย็นว่า “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าอาซือหลานไม่ได้หลอกลวงเจ้า เขาคนนี้เป็นผู้ที่มีกลอุบายมากมาย เจ้าเล่ห์อย่างมาก เขาให้เจ้ามาตามหาคนที่นี่ เป็นเพียงแค่การยืมมีดในการฆ่าคนเท่านั้น”
ชายชุดดำพูดอีกว่า “ข้าไม่เชื่อ นอกเสียงจากเจ้าจะให้ข้าตรวจค้นด้วยตัวเอง”
อินชิงเสวียนพูดเสียงเย้ยหยันว่า “เจ้าอย่าได้คิดอวดดีมากเกินไป จวนท่านอ๋องเป็นสวนผักบ้านเจ้างั้นหรือ รีบปล่อยคนมาเดี๋ยวนี้”
นางได้แลกความว่องไวของมิติไว้แล้ว เมื่อนางสะกิดปลายเท้าเพียงเล็กน้อย ร่างกายของนางเคลื่อนไหวว่องไวราวกับภาพติดตา และพุ่งไปด้านหน้าของชายชุดดำอย่างรวดเร็ว มือซ้ายฟาดอย่างรุนแรง และมือขวาก็คว้าเป่าเล่อเอ่อร์เอาไว้
ดูเหมือนว่าชายชุดดำไม่อยากลงไม้ลงมือกับนาง เขารีบหลบด้วยความว่องไว และปล่อยตัวเป่าเล่อเอ่อร์
อินชิงเสวียนใช้โอกาสนี้พาเป่าเล่อเอ่อร์มายังทางเข้าห้องโถงของจวนอ๋อง และพูดเสียงเบาว่า “รีบเข้าไปซ่อนในบ้าน”
เป่าเล่อเอ่อร์ตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ ราวกับไม่คาดคิดว่าอินชิงเสวียนจะมีวิทยายุทธ์ที่ดีเช่นนี้ จากนั้นก็มองไปที่ชายชุดดำคนนั้นอีกครั้ง
บนร่างกายของเขา นางได้กลิ่นที่คุ้นเคย ซึ่งเหมือนกับอามู่เอ่อร์ของนาง
เพียงแต่น้ำเสียงแตกต่างกัน อามู่เอ่อร์ไม่เคยดุขนาดนี้มาก่อน เป่าเล่อเอ่อร์จึงแยกแยะไม่ได้ในเวลาอันสั้น และรีบเข้าไปซ่อนตัวในบ้าน
บนหลังคาที่ไม่ไกลนัก มีชายคนหนึ่งถือพัดนั่งยองๆ อยู่ที่มุมของบ้าน คนคนนี้ก็คืออาซือหลาน
เดิมทีเขาต้องการมาเพื่อเป็นฝ่ายหนุนอินสิงอวิ๋น ไม่คาดคิดว่าเขาจะได้พบกับอินชิงเสวียนที่ทำให้เขาลุ่มหลงงมงายจนติดตามไปถึงในฝันที่นี่ และยิ่งไม่คาดคิดว่าน้องสาวสุดที่รักของเขาจะอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน
อินสิงอวิ๋นสูญเสียความทรงจำ บวกกับท้องฟ้าที่มืดสนิท จึงไม่อาจจำได้ในเวลาสั้นๆ แต่สายตาของอาซือหลานกลับแหลมคมเป็นอย่างมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...