สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 605

“เย่จิ่งหลาน!”

อินชิงเสวียนออกมาจากมิติ เย่จิ่งหลานก็ได้จับตัวอาซือหลานไปแล้ว

เป่าเล่อเอ่อร์กำลังซ่อมตัวอยู่ในบ้าน เมื่อได้ยินเสียงก็รีบวิ่งออกมาทันที

เมื่อเห็นอินชิงเสวียนเลือดไหลเต็มตัวก็ตกใจอย่างมาก และรีบวิ่งเข้ามาพยุงนางไว้

“คุณหนู ท่านเป็นอะไรมากหรือไม่ ข้าจะไปตามหมอมาให้”

เป่าเล่อเอ่อร์และอินชิงเสวียนไม่รู้จักตัวตนของกันและกัน จึงคิดว่านางเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่สักครอบครัวหนึ่ง

อินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตาย จึงกัดฟันพูดว่า “ไม่ต้องหรอก รบกวนเจ้าช่วยจูงม้ามาให้ข้าด้วย”

เป่าเล่อเอ่อร์มือเท้าเป็นระวิง นางไม่รู้ว่าควรช่วยอินชิงเสวียนอย่างไรดี จึงทำได้เพียงทำตามคำสั่งเท่านั้น

เมื่อเห็นว่าเจ้านายมีเลือดไหลท่วมตัว หนิงซวงก็ร้องหวยโหยออกมาด้วยความเจ็บปวด มันรีบงอขาหน้าเพื่อให้อินชิงเสวียนปีนขึ้นมา

อินชิงเสวียนพยายามใช้แรงปีนขึ้นหลังม้า เลือดสดทำให้ขนของหนิงซวงแดงเถือกไปทั้งตัว

“ส่งข้ากลับไปที่พระราชวังเถอะ!”

อินชิงเสวียนพูดจบก็ตักน้ำพุวิญญาณมาหนึ่งขวดและดื่มมันลงไป โดยไม่สนใจว่าเป่าเล่อเอ่อร์จะตกใจ

รักษาชีวิตเอาไว้ก่อน เรื่องอื่นๆ ต่างไม่สำคัญ

หนิงซวงร้องฮี้เสียงยาว ยกกีบม้าและวิ่งออกไป

อินสิงอวิ๋นไล่ตามคนกลับมา เมื่อเห็นว่าอินชิงเสวียนมีเลือดไหลท่วมตัว จึงรีบใช้วิชาตัวเบาตามไป

“น้องใหญ่ น้องใหญ่!”

แม้อินสิงอวิ๋นไม่มีความทรงจำต่อคนในครอบครัว แต่เส้นเลือดที่ไหลอยู่ในร่างกาย กลับไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้

เมื่อเห็นว่าอินชิงเสวียนได้รับบาดเจ็บ อินสิงอวิ๋นไม่สนใจชุดในยามราตรีอีกแล้ว เขากระชากหน้ากากออกแล้ววิ่งตามไป

ด้วยระยะทางที่ใกล้เช่นนี้ อินชิงเสวียนจึงจำอินสิงอวิ๋นได้ในที่สุด และจำชุดในยามราตรีนั่นได้ด้วยเช่นกัน

“คนเมื่อครู่... คือท่านพี่งั้นหรือ?”

“เรื่องเหล่านี้ค่อยคุยกันคราวหลัง บาดแผลของเจ้าสาหัสหรือไม่?”

ม้าควบด้วยความว่องไว อินสิงอวิ๋นใช้วิชาตัวเบาตามประกบข้าง หนิงซวง และคุ้มครองน้องสาวตลอดทาง

เมื่อเห็นสีหน้าที่รีบร้อนของอินสิงอวิ๋น อินชิงเสวียนก็ฉีกยิ้มออกมา

“ขอบคุณพี่ใหญ่ ข้าไม่เป็นไร”

“อย่าเพิ่งพูดอะไรเลย รีบเข้าวังไปตามหาหมอหลวงเถอะ”

เมื่อเห็นร่างม้าเต็มไปด้วยสีแดง อินสิงอวิ๋นก็ยิ่งร้อนใจ

อินชิงเสวียนผ่อนลมหายใจแล้วพูดว่า “วางใจเถอะ ข้าตายไม่ได้หรอก พี่ใหญ่คงอยากรู้สินะว่าผู้ใดโจมตีข้า?”

อินสิงอวิ๋นกลัวปากแผลนางจะขยับ จึงออกแรงพูดว่า “อย่าได้พูดเลย รอให้เจ้าหายดีก่อนแล้วค่อยคุยกัน”

อินชิงเสวียนรู้ว่าตัวเองตายไม่ได้ บาดแผลสาหัสมากเพียงใด หากดื่มน้ำพุวิญญาณต่างก็ช่วยชีวิตเอาไว้ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ก้านใบพัดทั้งทั้งสองชิ้นไม่ได้กระทบจุดสำคัญใดๆ เลย

จึงจงใจพูดอย่างกระหืดกระหอบว่า “ข้ากลัวว่าหากไม่พูด... ก็อาจจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว... ยิ่งไม่ต้องการให้พี่ใหญ่ถูกผู้อื่นหลอกใช้ ผู้ที่ทำร้ายข้าก็คือ... อาซือหลาน!”

“จริงหรือ?”

อินสิงอวิ๋นถามเสียงเข้ม ความเร็วลดน้อยลงครึ่งหนึ่ง

“ท่านเป็นพี่ใหญ่ของข้า ข้าจะโกหกท่านได้อย่างไร?”

อินชิงเสวียนกัดฟัน แต่ความเจ็บปวดนั้นมากเกินบรรยายจริงๆ

อินสิงอวิ๋นพยักหน้า

“เจ้าไม่ต้องพูดอะไรมากแล้ว พี่ใหญ่รู้แล้ว ข้าจะช่วยเจ้าแก้แค้นให้ได้”

เดิมทีเย่จิ่งอวี้ต้องการเรียกอินชิงเสวียนเข้ามา เมื่อนึกถึงอากาศที่หนาวเย็นและพื้นที่เปียกลื่น จึงล้มเลิกความคิดนี้ไป

แต่หากว่าในวังสามารถทำได้ ด้านนอกก็ไม่น่ามีปัญหา เพียงแต่แคว้นต้าโจวยังไม่สามารถผลิตพลาสติกได้ เย่จิ่งอวี้เตรียมจะกลับไปถามอินชิงเสวียนว่าทราบวิธีการผลิตพลาสติกหรือไม่ เขาก็ได้รับรายงานจากองครักษ์ บอกว่าอินชิงเสวียนได้รับบาดเจ็บ

เย่จิ่งอวี้ลุกพรวดขึ้นมา คว้าคอเสื้อขององครักษ์คนนั้นแล้วถามว่า “เสวียนเอ๋อร์ถูกผู้ใดทำร้าย บาดแผลสาหัสหรือไม่?จับคนลอบสังหารได้หรือไม่?”

ภายใต้แรงกดดันของฮ่องเต้ องครักษ์มีเหงื่อเย็นไหลผุดออกมาท่วมตัว จึงก้มหน้าถามว่า “กระหม่อมไม่ทราบแน่ชัด คุณชายใหญ่อินเป็นผู้ส่งกุ้ยเฟยกลับมาพ่ะย่ะค่ะ”

เย่จิ่งอวี้ถามเสียงเข้มว่า “เสวียนเอ๋อร์ออกจากวังงั้นหรือ?”

“พ่ะย่ะค่ะ ออกไปเมื่อหนึ่งชั่วยามก่อน ตอนนี้อยู่ที่สำนักหมอหลวง”

เย่จิ่งอวี้รีบผลักองครักษ์ออกทันที และหายตัวไปจากห้องหนังสืออย่างรวดเร็ว

เมื่อได้ยินว่าอินชิงเสวียนได้รับบาดเจ็บ เสนาบดีหานก็ร้อนใจเช่นกัน เขายังหวังให้กุ้ยเฟยช่วยเขาปลูกผักในฤดูหนาวนี้

จึงรีบถามว่า “บาดเจ็บที่ใด หมอหลวงบอกว่าอย่างไรบ้าง?”

องครักษ์ลุกขึ้นแล้วพูดว่า “เหมือนจะเป็นใต้ซี่โครงพ่ะย่ะค่ะ หมอหลวงไม่ได้ให้ข้าน้อยเข้าไป เพียงแค่ให้ข้าน้อยมาทูลรายงานต่อฝ่าบาท”

เสนาบดีหานถอนหายใจ หวังว่าเทวดาจะคุ้มครองกุ้ยเฟยให้ปลอดภัย

เรื่องโรงเรียนสอนการต่อสู้ เขาก็เคยได้ยินมาบ้าง วิธีการนี้ดีมากทีเดียว อีกไม่นานแคว้นต้าโจวก็จะปรากฏแม่ทัพผู้มีความสามารถอีกมากมาย

และอาจารย์อินแห่งสำนักศึกษาหลวง หานสือไม่ต้องคิดก็รู้ว่าเป็นใคร เวลาว่าง เขาก็เคยสอบถามฉางจี้จิ่วเรื่องโจทย์ปัญหาที่อาจารย์อินสอน อดชื่นชมไม่ได้ว่าเหนียงเหนียงมีจิตใจที่ดีงาม มีความรู้ที่กว้างขวางมากจริงๆ

สิ่งที่นางสอน หานสือไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่สามารถรับรู้ได้ถึงว่าลึกลับที่อยู่ด้านในนั้น หากสามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันหรือในราชสำนัก จะต้องสร้างบุญบารมีมากแน่นอน

ผู้หญิงที่เฉลียวฉลาดเช่นนี้ เทวดาจะต้องให้นางมีอายุยืนนาน และสร้างกุศลต่อประชาชนใต้หล้า

จากนั้นก็ถอนหายใจอีกครั้ง เสนาบดีหานสวมเสื้อคลุมกันลม ฝ่าลมหิมะออกจากห้องหนังสือ

ในขณะเดียวกันนั้น เย่จิ่งอวี้ก็มาถึงสำนักหมอหลวงแล้ว

เมื่อเข้าประตูมา ก็พบผ้าสีขาวที่ชุ่มไปด้วยเลือด เลือดทั่วร่างกายแข็งตัวในทันที เขาใช้มือคว้าปกเสื้อท้ายทอยของหัวหน้าเหลียง และถามด้วยความร้อนใจว่า “เสวียนเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง อันตรายถึงชีวิตหรือไม่?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์