ณ ตำหนักจินหวู
อินชิงเสวียนกำลังรอเย่จิ่งอวี้เลิกประชุมเช้า
ในช่วงนี้ นางดื่มน้ำพุวิญญาณ และเช็ดบาดแผลด้วยน้ำพุวิญญาณ
ซึ่งไม่เจ็บ แต่กลับรู้สึกอบอุ่น สุขสบายมาก
ตอนที่เย่จั้นและเย่จิ่งอวี้ได้รับบาดเจ็บทั้งคู่ก็ไปแช่ตัวในน้ำพุวิญญาณ การอาบน้ำไม่ใช่เรื่องยาก แต่สามัญสำนึกทำให้อินชิงเสวียนไม่อาจทดลองได้ง่ายๆ
นางเปลี่ยนผ้าก๊อซฆ่าเชื้อ แล้วพันแผลใหม่ ทันทีที่นางทำเสร็จ เย่จิ่งอวี้ก็เดินเข้ามาจากด้านนอก
“เสวียนเอ๋อร์ วันนี้เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง”
“ดีขึ้นมากแล้วเพคะ”
อินชิงเสวียนลุกขึ้นยืน ขณะที่กำลังจะพูดเรื่องของหวังซุ่น ก็ได้ยินเสี่ยวอานจื่อพูดจากข้างนอก “พระสนม องครักษ์ฉินและองครักษ์หลี่ต้องการเข้าพบพ่ะย่ะค่ะ”
“ให้พวกเขาเข้ามาเร็ว”
เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลงแล้วถามว่า “มีอะไรรึ เกิดอะไรขึ้น”
“หม่อมฉันเห็นตำแหน่งโดยประมาณของหวังซุ่น จึงให้ฉินเทียนกับหลี่ชีออกไปตรวจสอบ ที่พวกเขากลับมาในเวลานี้ คงมีข่าวคราวแน่ๆ”
อินชิงเสวียนเล่ากระชับได้ใจความ เล่าสิ่งที่เห็นในกล้องวงจรปิดให้ฟัง เย่จิ่งอวี้ก็พยักหน้า
“เป็นเช่นนี้เอง!”
ทันทีที่เขาพูดจบ ฉินเทียนและหลี่ชีก็เดินเข้ามา
“กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท ถวายพระพรกุ้ยเฟย”
เย่จิ่งอวี้พูดเบาๆ “ลุกขึ้นเถิด พวกเจ้าออกไปข้างนอกพบอะไรหรือไม่”
ฉินเทียนโค้งคำนับและพูดว่า “กระหม่อมพบคนต่างเผ่านั่นแล้ว และเห็นจิ้งอ๋องด้วย”
“โอ้? เขาอยู่ที่ไหน”
เย่จิ่งอวี้ถามด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก
หลี่ชีกล่าว “กลางตรอก ในถนนฉงหยางพ่ะย่ะค่ะ”
ดวงตาของเย่จิ่งอวี้เปลี่ยนเป็นความเย็นชา แล้วหยิบป้ายตราคำสั่งออกมาจากเอว
“รีบรวมพลหน่วยองครักษ์เงาในวัง แล้วตามข้าออกจากวัง”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ทั้งสองรับป้ายตราคำสั่ง และวิ่งออกจากตำหนักจินหวูอย่างรวดเร็ว
“การเสด็จไปคราวนี้ ฝ่าบาทต้องระมัดระวังให้มากๆ นะเพคะ”
อินชิงเสวียนเงยหน้าขึ้น แววตาอ่อนโยนดุจธารา ยังมีความกังวลอยู่ในใจ
เย่จิ่งอวี้งอนิ้ว แล้วดีดหน้าผากอันเกลี้ยงเกลาของนางเบาๆ
“ไม่ต้องห่วง ข้าแยกแยะได้”
อินชิงเสวียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ไม่งั้น ให้ข้าไปกับอาอวี้ด้วยดีกว่า!”
เย่จิ่งอวี้ยิ้มอ่อนโยนแล้วพูดว่า “ไม่ต้องหรอก เสวียนเอ๋อร์พักผ่อนรอในวังให้สบายใจเถิด ข้าไปเดี๋ยวเดียวแล้วก็กลับ ตอนนี้เหลือคนตงหลิวเพียงสองคน มีข้าและเสด็จอาลงมือ การต่อสู้กับพวกเขาก็ไม่ใช่ปัญหา แค่ต้องให้องครักษ์เงาถ่วงตัวอาซือหลานเอาไว้ ถึงเวลานั้นข้ากับเสด็จอาร่วมมือกัน ก็สามารถจับกุมตัวเขาไว้ได้”
อินชิงเสวียนจับมือเย่จิ่งอวี้ กล่าวกำชับ “อาอวี้จำไว้ว่าความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญ ตราบใดที่อาซือหลานยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในเมืองหลวง ไม่ช้าก็เร็วเขาจะถูกจับได้”
เมื่อได้ยินคำว่าอาอวี้ ทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกอบอุ่นในใจ เขายกริมฝีปากบางขึ้นแล้วพูดว่า “วางใจเถิด ข้ายังรอเสวียนเอ๋อร์ให้กำเนิดองค์หญิงน้อยให้ข้าอยู่นะ ร่างกายนี้ไม่เสียหายอยู่แล้ว”
อินชิงเสวียนหยิกหลังมือเขาเบาๆ
“อย่าพูดเหลวไหล”
เย่จิ่งอวี้รักความเย็นชาเกรี้ยวกราดแต่ยังหวาดกลัวของอินชิงเสวียนมาก เขาพูดพร้อมกับหัวเราะเบาๆ “เอาล่ะๆ ข้าไม่พูดก็ได้ วันนี้อากาศหนาว เจ้าไม่ต้องออกไปข้างนอกหรอก ข้าสั่งให้พวกเขาเพิ่มเตาถ่านให้ เสวียนเอ๋อร์อยู่ที่ตำหนักจินหวูให้อบอุ่นสบายเถิด”
อินชิงเสวียนยิ้มอย่างเชื่อฟัง
“รู้แล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นข้าจะออกจากวังแล้ว ไว้เจอกันช่วงค่ำๆ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...
คนที่แสดงตัวเป็นพี่ใหญ่ไม่น่าจะเป็นตัวจริงเพราะมีพฤติกรรมลับลมคมในเรื่องต่างๆและทำให้เรื่องต่างๆแย่ลง เหมือนว่าจะหลงรักน้องสาวตัวเองเลยไม่รู้ว่าเป็นน้องแท้ๆหรือเปล่า...
มีคนเล่นตุกติกกับชุดของเด็กแล้วอยู่ในวังต้องระมัดระวังก็รู้อยู่นะคราวนี้ผ่านมาทางคนที่สนิท...