สรุปเนื้อหา บทที่ 614 สังหรณ์ใจไม่ดี – สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ โดย GoodNovel
บท บทที่ 614 สังหรณ์ใจไม่ดี ของ สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ ในหมวดนิยายโรแมนติก เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย GoodNovel อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ณ ตำหนักจินหวู
อินชิงเสวียนกำลังรอเย่จิ่งอวี้เลิกประชุมเช้า
ในช่วงนี้ นางดื่มน้ำพุวิญญาณ และเช็ดบาดแผลด้วยน้ำพุวิญญาณ
ซึ่งไม่เจ็บ แต่กลับรู้สึกอบอุ่น สุขสบายมาก
ตอนที่เย่จั้นและเย่จิ่งอวี้ได้รับบาดเจ็บทั้งคู่ก็ไปแช่ตัวในน้ำพุวิญญาณ การอาบน้ำไม่ใช่เรื่องยาก แต่สามัญสำนึกทำให้อินชิงเสวียนไม่อาจทดลองได้ง่ายๆ
นางเปลี่ยนผ้าก๊อซฆ่าเชื้อ แล้วพันแผลใหม่ ทันทีที่นางทำเสร็จ เย่จิ่งอวี้ก็เดินเข้ามาจากด้านนอก
“เสวียนเอ๋อร์ วันนี้เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง”
“ดีขึ้นมากแล้วเพคะ”
อินชิงเสวียนลุกขึ้นยืน ขณะที่กำลังจะพูดเรื่องของหวังซุ่น ก็ได้ยินเสี่ยวอานจื่อพูดจากข้างนอก “พระสนม องครักษ์ฉินและองครักษ์หลี่ต้องการเข้าพบพ่ะย่ะค่ะ”
“ให้พวกเขาเข้ามาเร็ว”
เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลงแล้วถามว่า “มีอะไรรึ เกิดอะไรขึ้น”
“หม่อมฉันเห็นตำแหน่งโดยประมาณของหวังซุ่น จึงให้ฉินเทียนกับหลี่ชีออกไปตรวจสอบ ที่พวกเขากลับมาในเวลานี้ คงมีข่าวคราวแน่ๆ”
อินชิงเสวียนเล่ากระชับได้ใจความ เล่าสิ่งที่เห็นในกล้องวงจรปิดให้ฟัง เย่จิ่งอวี้ก็พยักหน้า
“เป็นเช่นนี้เอง!”
ทันทีที่เขาพูดจบ ฉินเทียนและหลี่ชีก็เดินเข้ามา
“กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท ถวายพระพรกุ้ยเฟย”
เย่จิ่งอวี้พูดเบาๆ “ลุกขึ้นเถิด พวกเจ้าออกไปข้างนอกพบอะไรหรือไม่”
ฉินเทียนโค้งคำนับและพูดว่า “กระหม่อมพบคนต่างเผ่านั่นแล้ว และเห็นจิ้งอ๋องด้วย”
“โอ้? เขาอยู่ที่ไหน”
เย่จิ่งอวี้ถามด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก
หลี่ชีกล่าว “กลางตรอก ในถนนฉงหยางพ่ะย่ะค่ะ”
ดวงตาของเย่จิ่งอวี้เปลี่ยนเป็นความเย็นชา แล้วหยิบป้ายตราคำสั่งออกมาจากเอว
“รีบรวมพลหน่วยองครักษ์เงาในวัง แล้วตามข้าออกจากวัง”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ทั้งสองรับป้ายตราคำสั่ง และวิ่งออกจากตำหนักจินหวูอย่างรวดเร็ว
“การเสด็จไปคราวนี้ ฝ่าบาทต้องระมัดระวังให้มากๆ นะเพคะ”
อินชิงเสวียนเงยหน้าขึ้น แววตาอ่อนโยนดุจธารา ยังมีความกังวลอยู่ในใจ
เย่จิ่งอวี้งอนิ้ว แล้วดีดหน้าผากอันเกลี้ยงเกลาของนางเบาๆ
“ไม่ต้องห่วง ข้าแยกแยะได้”
อินชิงเสวียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ไม่งั้น ให้ข้าไปกับอาอวี้ด้วยดีกว่า!”
เย่จิ่งอวี้ยิ้มอ่อนโยนแล้วพูดว่า “ไม่ต้องหรอก เสวียนเอ๋อร์พักผ่อนรอในวังให้สบายใจเถิด ข้าไปเดี๋ยวเดียวแล้วก็กลับ ตอนนี้เหลือคนตงหลิวเพียงสองคน มีข้าและเสด็จอาลงมือ การต่อสู้กับพวกเขาก็ไม่ใช่ปัญหา แค่ต้องให้องครักษ์เงาถ่วงตัวอาซือหลานเอาไว้ ถึงเวลานั้นข้ากับเสด็จอาร่วมมือกัน ก็สามารถจับกุมตัวเขาไว้ได้”
อินชิงเสวียนจับมือเย่จิ่งอวี้ กล่าวกำชับ “อาอวี้จำไว้ว่าความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญ ตราบใดที่อาซือหลานยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในเมืองหลวง ไม่ช้าก็เร็วเขาจะถูกจับได้”
เมื่อได้ยินคำว่าอาอวี้ ทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกอบอุ่นในใจ เขายกริมฝีปากบางขึ้นแล้วพูดว่า “วางใจเถิด ข้ายังรอเสวียนเอ๋อร์ให้กำเนิดองค์หญิงน้อยให้ข้าอยู่นะ ร่างกายนี้ไม่เสียหายอยู่แล้ว”
อินชิงเสวียนหยิกหลังมือเขาเบาๆ
“อย่าพูดเหลวไหล”
เย่จิ่งอวี้รักความเย็นชาเกรี้ยวกราดแต่ยังหวาดกลัวของอินชิงเสวียนมาก เขาพูดพร้อมกับหัวเราะเบาๆ “เอาล่ะๆ ข้าไม่พูดก็ได้ วันนี้อากาศหนาว เจ้าไม่ต้องออกไปข้างนอกหรอก ข้าสั่งให้พวกเขาเพิ่มเตาถ่านให้ เสวียนเอ๋อร์อยู่ที่ตำหนักจินหวูให้อบอุ่นสบายเถิด”
อินชิงเสวียนยิ้มอย่างเชื่อฟัง
“รู้แล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นข้าจะออกจากวังแล้ว ไว้เจอกันช่วงค่ำๆ”
“อาการบาดเจ็บของพระสนมยังไม่หาย อย่าเพิ่งออกแรงดีกว่าเพคะ”
ในความเห็นของพวกนาง อาการบาดเจ็บประเภทนี้จะใช้เวลาหนึ่งหรือสองเดือนในการรักษา ซึ่งอันที่จริงอินชิงเสวียนเกือบจะหายดีแล้ว ขอเพียงไม่ออกแรงมาก ก็ไม่รู้สึกเจ็บบาดแผลเลย
แต่ถึงกระนั้นนางไม่ต้องการให้ยายหลี่และคนอื่นๆ เห็นนางเป็นคนประหลาด จึงไม่ได้ฝืนต่อ
นางก้มลงลูบใบหน้าเล็กๆ ที่ค่อนข้างเย็นเฉียบของเสี่ยวหนานเฟิง แล้วถามด้วยความรักความเอ็นดู “ออกไปเล่นข้างนอกอีกแล้วหรือ ใบหน้าน้อยๆ เย็นหมดแล้ว”
เสี่ยวหนานเฟิงเหยียดมือเล็กๆ ออกมากอดขาของอินชิงเสวียน เกลือกหน้าถูไปมาเหมือนแมว
ปากเล็กจ้อยพูดด้วยเสียงใส “ออกไปเล่น จ้าวเอ๋อร์ออกไปเล่น”
อินชิงเสวียนยิ้มอย่างอ่อนใจ แล้วบีบแก้มกลมๆ ป้อมๆ ของเขาเบาๆ
“อากาศหนาวเย็นเช่นนี้ จะสนุกอะไร รอพรุ่งนี้เมื่อพระอาทิตย์ขึ้น เสด็จแม่จะพาเจ้าออกไปเดินเล่น”
ยายหลี่พูดด้วยรอยยิ้มว่า “องค์ชายน้อยของเรา เริ่มชอบเที่ยวเล่นขึ้นแล้ว”
อินชิงเสวียนนั่งลงบนเก้าอี้ไม้แดงข้างๆ บนมวยผมสวยปักไว้เพียงดอกไห่ถังสีขาวเท่านั้น สวมชุดกระโปรงเรียบๆ สีฟ้าอ่อน เมื่อประกอบกับใบหน้าที่งดงามเหนือโลกหล้า ทำให้ดูองอาจสง่างาม ให้ความรู้สึกเหมือนมิใช่ปุถุชนคนธรรมดา
“ถ้าโตขึ้นหน่อยก็ให้เขาไปร่ำเรียน ไม่เช่นนั้นเขาจะคึกคะนองเกินไป ต้องหาอะไรให้เขาทำฆ่าเวลาเสียหน่อย”
อวิ๋นฉ่ายที่อยู่ข้างๆ พูดว่า “องค์ชายน้อยยังอายุไม่ถึงหนึ่งขวบเลย เริ่มเรียนเร็วขนาดนี้ ไม่น่าสงสารแย่หรือเพคะ”
อินชิงเสวียนกล่าวว่า “ไม่เช่นนั้นจะทำอย่างไร แทนที่จะวิ่งเล่นไปทั่ววัง ไม่สู้ร่ำเรียนหาวิชาความรู้”
ยายหลี่ก็ทำใจไม่ได้ รีบช่วยไกล่เกลี่ยทันที
“เด็กยังเล็กไปหน่อยจริงๆ นิสัยก็ยังไม่นิ่ง คอยดูก่อนว่าเขาจะชอบหรือไม่”
“อืม”
อินชิงเสวียนพยักหน้า นางแค่พูดไปอย่างนั้นเอง เด็กขนาดนี้จะเรียนอะไรได้ อย่างมากก็ใช้พู่กันขีดเขียนไปมั่วๆ เท่านั้น
เสี่ยวหนานเฟิงปีนขึ้นไปบนเก้าอี้อย่างซุกซน ดวงตาคู่โตสีเข้มจ้องมองตรงไปที่กระถางธูปข้างๆ ราวกับสงสัยว่าทำไมจึงมีควันลอยอ้อยอิ่งออกมาจากประตู
ขณะที่เขาดูอย่างตั้งใจ ไป๋เสวี่ยก็เห่าขึ้นมาครั้งหนึ่ง ทำให้เสี่ยวหนานเฟิงสะดุ้งตกใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...