“แล้ว...พี่ใหญ่อิน...”
เมื่อคิดว่าจะได้พบหน้าอินสิงอวิ๋นเร็วๆ นี้ เป่าเล่อเอ่อร์ก็รู้สึกเป็นกันเองมากขึ้น หัวใจพะวักพะวน
จู่ๆ อินชิงเสวียนก็จำได้ว่าอินสิงอวิ๋นเคยถามตัวเอง ว่านางรู้จักสตรีคนหนึ่งหรือไม่ ซึ่งสตรีที่เขาพูดถึงคงเป็นเป่าเล่อเอ่อร์
แม้ว่าความทรงจำจะสูญหายไป แต่ความประทับใจนี้ยังคงอยู่ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความรักอันลึกซึ้ง
ซึ่งก็เป็นอย่างนั้น มนุษย์ล้วนไม่อาจหลีกหนีคำว่ารักได้ อินชิงเสวียนคิดถึงตัวเองและเย่จิ่งอวี้ นางคลี่ยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “ได้พบเจ้า พี่ใหญ่คงจะดีใจมาก ข้าจะกลับไปหาจ้าวเอ๋อร์ก่อน แล้วค่อยไปส่งเจ้ากลับตระกูลอิน”
“อื้ม ข้ารู้แล้ว”
เสียงของเป่าเล่อเอ่อร์แผ่วเบา ว่าง่ายมาก
เมื่อมองดูท่าทางอ่อนโยนของนาง อินชิงเสวียนก็ยิ่งรู้สึกชอบ
ในเวลานี้ เย่จั้นได้เดินเข้ามาจากห้องโถงด้านนอก
อินชิงเสวียนตกอยู่ในความงุนงงอยู่ครู่หนึ่ง รูปร่างของพวกเขาสองอาหลานดูคล้ายกันมาก หลังจากสวมหน้ากากแล้ว ก็แทบจะแทนกันได้เลย
เย่จั้นรู้สึกขัดเขินเล็กน้อย ไอแห้งๆ
อินชิงเสวียนตื่นจากภวังค์ทันที นางกระแอมและพูดว่า “ถ้าเสด็จอารู้สึกไม่สบาย ก็พักผ่อนในตำหนักเฉิงเทียนเถิด ข้าจะกลับไปหาจ้าวเอ๋อร์ที่ตำหนักจินหวูก่อน”
เย่จั้นพยักหน้า แล้วนั่งลงบนเก้าอี้
แล้วอินชิงเสวียนก็หันไปหาเย่จิ่งหลาน
“อยากกลับไปเยี่ยมที่ตำหนักฉู่เย่ว์ไหม”
“ไม่ล่ะ ข้าจะตามเจ้าไปที่ตำหนักจินหวู”
แล้วเย่จิ่งหลานก็นึกให้เป่าเล่อเอ่อร์และหวังซุ่นเข้าไปอยู่ในในมิติ
อินชิงเสวียนเห็นเช่นนั้นก็เกิดความคิดแวบหนึ่งขึ้นมา ถ้าเย่จิ่งหลานตามไปด้วย ก็สามารถพาจ้าวเอ๋อร์และอวิ๋นฉ่ายไปด้วยได้ อวิ๋นฉ่ายไม่สามารถเข้าไปในมิติของตัวเองได้ แต่มิติของเย่จิ่งหลานทำได้ จะให้อยู่ในนั้นห้าหกคนก็ไม่เป็นปัญหา
เดิมทียังคิดหนักใจอยู่ว่า ถ้าตัวเองพาลูกไปด้วยใครจะเป็นคนคอยดูแล จะอยู่ในมิติด้วยตลอดเวลาก็คงไม่ได้ แบบนั้นก็ไม่สามารถเร่งเดินทางได้ แต่ตอนนี้ทุกอย่างคลี่คลายแล้ว
จู่ๆ อินชิงเสวียนก็นึกอิจฉามิติของเย่จิ่งหลาน ไม่เหมือนของตัวเอง ที่มีข้อจำกัดมากมาย
แต่นางไม่รู้ว่าเย่จิ่งหลานก็อิจฉานางเช่นกัน หากมิติของเขาสามารถแลกเปลี่ยนพลังและความเร็วได้ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะไปหาจอมยุทธ์ยอดฝีมือ จะต่อสู้ให้สะใจไปเลย
ทั้งสองต่างครุ่นคิดกันต่างๆ นานา เดินไปจนถึงตำหนักจินหวู ไป๋เสวี่ยก็ตามกลับมาเช่นกัน
ราวกับว่าจะรู้ว่าเจ้านายถูกจับ มันเดินก้มหน้าตลอดทาง ท่าทางห่อเหี่ยว ทันทีที่เข้าไปในเรือน มันก็นอนลงที่หน้าประตู และไม่ขยับตัวอีก
อินชิงเสวียนตบหัวมันเบาๆ พูดปลอบใจสองสามคำ แล้วเดินเข้าประตูไป
เสี่ยวหนานเฟิงกำลังวิ่งเล่นในเรือน เขาสวมชุดผ้าฝ้ายกระต่ายชิ้นเดียวสีน้ำเงิน เมื่อเดิน ร่างกลมๆ ป้อมๆ ก็ขยับต้วมเตี้ยม เหมือนเพนกวินตัวน้อยที่ดูน่ารักน่าเอ็นดู
เมื่อเห็นอินชิงเสวียน เขาก็วิ่งอ้าแขนเข้ามาหาทันที
“สวยแม่ อุ้มอุ้ม”
อินชิงเสวียนก้มลง และอุ้มลูกชายขึ้นมา
แล้วแนบแก้มกับใบหน้าที่เย็นเล็กน้อยของเขา อยู่ๆ ก็คิดถึงเย่จิ่งอวี้ขึ้นมา
เขาในฐานะกษัตริย์ กลับยินดีที่จะก้มศีรษะช่วยตัวเองและเย่จั้น ความรู้สึกนี้ นางจะใช้เวลาที่เหลือทั้งชีวิตเพื่อตอบแทนเขา
เมื่อมองย้อนกลับไปถึงฉากที่ได้อยู่ด้วยกันในอดีต อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าเสียใจ
หลังจากสูดจมูก อินชิงเสวียนก็พยายามระงับอารมณ์ด้านลบในใจ พูดด้วยรอยยิ้ม “จ้าวเอ๋อร์เก่งมาก ข้างนอกหนาวหรือไม่”
เสี่ยวหนานเฟิงพูดด้วยน้ำแจ๋วๆ เหมือนเด็ก “ไม่หนาวหนาว”
จังอวี้จิ่นรีบวิ่งเข้ามาคำนับอินชิงเสวียนทันที
“หม่อมฉันจะอุ้มองค์ชายน้อยเข้ามาเล่นข้างใน แต่องค์ชายน้อยไม่ยอม”
อินชิงเสวียนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่เป็นไร ข้าแค่ถามดูเท่านั้น เด็กๆ วิ่งเล่นข้างนอกก็ยิ่งแข็งแรง”
จังอวี้จิ่นถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที เพราะกลัวว่าพระสนมจะตำหนินาง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...