ระหว่างคำพูดยังมีเสียงหยกกระทบกัน และหญิงงามผู้งดงามที่หน้าตาแตกต่างกันทั้งสี่คนก็เข้ามาจากข้างนอก
ทุกคนมาที่ห้องโถงและโค้งคำนับพร้อมกัน
“น้อมคำนับหลิงผิน”
ทันใดนั้นซูฉ่ายเวยก็แสดงสีหน้าภาคภูมิใจ โบกมือให้ทุกคน
“ลุกขึ้น”
“ขอบคุณพระสนมหลิงผิน”
หนึ่งในนั้นเงยหน้าขึ้น อดไม่ได้ที่จะพูดด้วยความประหลาดใจ “ใบหน้าของพระสนมช่างงดงามนัก ขาวเนียนชุ่มชื้นราวกับฉ่ำน้ำ”
อีกคนหนึ่งรีบพูดเสริมอย่างประจบ “มิน่าเล่าฝ่าบาทถึงได้โปรดปรานพระสนม พระสนมงดงามที่สุดในแผ่นดินจริงๆ”
“ก็ใช่น่ะสิ พระสนมงดงามปานนี้ คาดว่าอีกไม่นานจะคงได้รับการแต่งตั้งขึ้นเป็นสนมขั้นเฟย”
ขณะที่คนเหล่านี้กำลังพูดคุยกัน แต่มีหญิงงามผู้หนึ่งยืนอยู่ข้างๆ กำผ้าเช็ดหน้าไว้แน่น โดยที่ทำอะไรไม่ถูก
อินชิงเสวียนเหลือบมองนาง รู้สึกว่าหญิงงามผู้นี้หน้าตาสะสวย ดวงตาคู่งามฉายแววเฉลียวฉลาด
เมื่อเห็นว่าอินชิงเสวียนกำลังมองตัวเอง ก็พยักหน้าและยิ้มให้นาง
เมื่อเทียบกับคนเหล่านี้ที่ได้แค่ประจบประแจง หญิงงามผู้นี้กลับดูพิเศษมากกว่า
อินชิงเสวียนก็ส่งยิ้มให้นางเช่นกัน
หญิงงามที่พูดก่อนหน้านี้มองเห็นแผ่นพอกหน้าบนโต๊ะแล้ว อดไม่ได้ที่จะถามด้วยความประหลาดใจ “พระสนมหลิงผิน สิ่งนี้คืออะไรหรือเจ้าคะ”
ซูฉ่ายเวยกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “นี่เป็นของดีที่ทำให้ผิวของข้าเนียนนุ่ม เสี่ยวเสวียนจื่อขันทีคนสนิทของฝ่าบาทนำมาให้ข้า”
เหล่าหญิงงามที่อยู่ในตำหนักล้วนว่างไม่มีอะไรทำ มักจะรวมตัวกันซุบซิบนินทา แน่นอนว่าพวกนางย่อมเคยได้ยินชื่อเสี่ยวเสวียนจื่อ
ทุกคนหันมองขันทีน้อยผู้นั้น ดวงตาของพวกนางไหวระยับพร้อมที่จะประจบประแจงอีกคน
อินชิงเสวียนโค้งคำนับทุกคน
“บ่าวน้อมคำนับเจ้านายทุกท่าน”
หญิงสาวในชุดสีเขียวที่พูดก่อนหน้านี้จู่ๆ ก็พูดด้วยรอยยิ้ม “ที่แท้ก็เป็นเสี่ยวเสวียนจื่อกงกง กงกงไม่ต้องเกรงใจ หากกงกงมีข่าวดีใดๆ โปรดอย่าลืมแจ้งให้พวกเราทราบด้วย จะส่งผลดีต่อกงกงด้วยเช่นกัน”
ซูฉ่ายเวยขมวดคิ้วและกระแอมไอเบาๆ หญิงชั้นต่ำเหล่านี้ถึงกับกล้ามาแย่งคนต่อหน้าต่อตานาง
เมื่อทุกคนเห็นความไม่พอใจฉายชัดบนใบหน้าของหลิงผิน ทุกคนจึงปิดปากทันที
เมื่อเห็นว่าบรรยากาศไม่ดีนัก อินชิงเสวียนจึงกล่าวขึ้นทันที “บ่าวต้องพาไป๋เสวี่ยกลับแล้ว ต้องขอตัวลา หากพระสนมหลิงผินมีการเปลี่ยนแปลง โปรดส่งคนมาแจ้งให้บ่าวทราบด้วยขอรับ”
ซูฉ่ายเวยขยิบตาให้เซียงหลานทันที
“เซียงหลาน เจ้าไปส่งเสี่ยวเสวียนจื่อกงกง”
“เจ้าค่ะ กงกงน้อยรอข้าสักครู่”
เมื่อเห็นเซียงหลานเข้าไปในห้องชั้นใน อินชิงเสวียนก็เดาได้ทันทีว่านางจะเข้าไปเอาเงิน
น่าเสียดายที่ซูฉ่ายเวยเห็นแก่ตัวเกินไป ไม่เช่นนั้นคงสามารถขายเครื่องประทินโฉมที่นำมาให้กับหญิงงามเหล่านี้ได้
“เช่นนั้นบ่าวขอตัวลา”
อินชิงเสวียนโค้งลาทุกคน ทันทีที่ออกจากประตูไป๋เสวี่ยก็รีบวิ่งเข้ามาหาอย่างยินดี
อินชิงเสวียนตบหัวโตๆ ของไป๋เสวี่ย
“รอแย่แล้วกระมัง พวกเราไปกันเถอะ”
ไป๋เสวี่ยกระดิกหางใหญ่อย่างมีความสุข ซึ่งหางใหญ่นั้นฟาดพื้นเสียงดัง
เซียงหลานออกมาจากด้านใน หยิบตั๋วเงินหนาๆ ออกมาจากแขนเสื้อของนาง
“พระสนมมอบสิ่งนี้ให้กับกงกงน้อย”
อินชิงเสวียนลูบดูความหนา แล้วยิ้มแฉ่งเหมือนดอกไม้บานทันที
“ขอบคุณพระสนมหลิงผินแทนข้าด้วย”
“ถ้ามีอะไรดีๆ อย่าลืมพระสนมของพวกเราก็พอ หากพระสนมได้รับความโปรดปราน กงกงน้อยก็จะมีความดีความชอบใหญ่หลวงกับหอฉงฮวาของพวกเรา”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...