สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 63

ระหว่างคำพูดยังมีเสียงหยกกระทบกัน และหญิงงามผู้งดงามที่หน้าตาแตกต่างกันทั้งสี่คนก็เข้ามาจากข้างนอก

ทุกคนมาที่ห้องโถงและโค้งคำนับพร้อมกัน

“น้อมคำนับหลิงผิน”

ทันใดนั้นซูฉ่ายเวยก็แสดงสีหน้าภาคภูมิใจ โบกมือให้ทุกคน

“ลุกขึ้น”

“ขอบคุณพระสนมหลิงผิน”

หนึ่งในนั้นเงยหน้าขึ้น อดไม่ได้ที่จะพูดด้วยความประหลาดใจ “ใบหน้าของพระสนมช่างงดงามนัก ขาวเนียนชุ่มชื้นราวกับฉ่ำน้ำ”

อีกคนหนึ่งรีบพูดเสริมอย่างประจบ “มิน่าเล่าฝ่าบาทถึงได้โปรดปรานพระสนม พระสนมงดงามที่สุดในแผ่นดินจริงๆ”

“ก็ใช่น่ะสิ พระสนมงดงามปานนี้ คาดว่าอีกไม่นานจะคงได้รับการแต่งตั้งขึ้นเป็นสนมขั้นเฟย”

ขณะที่คนเหล่านี้กำลังพูดคุยกัน แต่มีหญิงงามผู้หนึ่งยืนอยู่ข้างๆ กำผ้าเช็ดหน้าไว้แน่น โดยที่ทำอะไรไม่ถูก

อินชิงเสวียนเหลือบมองนาง รู้สึกว่าหญิงงามผู้นี้หน้าตาสะสวย ดวงตาคู่งามฉายแววเฉลียวฉลาด

เมื่อเห็นว่าอินชิงเสวียนกำลังมองตัวเอง ก็พยักหน้าและยิ้มให้นาง

เมื่อเทียบกับคนเหล่านี้ที่ได้แค่ประจบประแจง หญิงงามผู้นี้กลับดูพิเศษมากกว่า

อินชิงเสวียนก็ส่งยิ้มให้นางเช่นกัน

หญิงงามที่พูดก่อนหน้านี้มองเห็นแผ่นพอกหน้าบนโต๊ะแล้ว อดไม่ได้ที่จะถามด้วยความประหลาดใจ “พระสนมหลิงผิน สิ่งนี้คืออะไรหรือเจ้าคะ”

ซูฉ่ายเวยกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “นี่เป็นของดีที่ทำให้ผิวของข้าเนียนนุ่ม เสี่ยวเสวียนจื่อขันทีคนสนิทของฝ่าบาทนำมาให้ข้า”

เหล่าหญิงงามที่อยู่ในตำหนักล้วนว่างไม่มีอะไรทำ มักจะรวมตัวกันซุบซิบนินทา แน่นอนว่าพวกนางย่อมเคยได้ยินชื่อเสี่ยวเสวียนจื่อ

ทุกคนหันมองขันทีน้อยผู้นั้น ดวงตาของพวกนางไหวระยับพร้อมที่จะประจบประแจงอีกคน

อินชิงเสวียนโค้งคำนับทุกคน

“บ่าวน้อมคำนับเจ้านายทุกท่าน”

หญิงสาวในชุดสีเขียวที่พูดก่อนหน้านี้จู่ๆ ก็พูดด้วยรอยยิ้ม “ที่แท้ก็เป็นเสี่ยวเสวียนจื่อกงกง กงกงไม่ต้องเกรงใจ หากกงกงมีข่าวดีใดๆ โปรดอย่าลืมแจ้งให้พวกเราทราบด้วย จะส่งผลดีต่อกงกงด้วยเช่นกัน”

ซูฉ่ายเวยขมวดคิ้วและกระแอมไอเบาๆ หญิงชั้นต่ำเหล่านี้ถึงกับกล้ามาแย่งคนต่อหน้าต่อตานาง

เมื่อทุกคนเห็นความไม่พอใจฉายชัดบนใบหน้าของหลิงผิน ทุกคนจึงปิดปากทันที

เมื่อเห็นว่าบรรยากาศไม่ดีนัก อินชิงเสวียนจึงกล่าวขึ้นทันที “บ่าวต้องพาไป๋เสวี่ยกลับแล้ว ต้องขอตัวลา หากพระสนมหลิงผินมีการเปลี่ยนแปลง โปรดส่งคนมาแจ้งให้บ่าวทราบด้วยขอรับ”

ซูฉ่ายเวยขยิบตาให้เซียงหลานทันที

“เซียงหลาน เจ้าไปส่งเสี่ยวเสวียนจื่อกงกง”

“เจ้าค่ะ กงกงน้อยรอข้าสักครู่”

เมื่อเห็นเซียงหลานเข้าไปในห้องชั้นใน อินชิงเสวียนก็เดาได้ทันทีว่านางจะเข้าไปเอาเงิน

น่าเสียดายที่ซูฉ่ายเวยเห็นแก่ตัวเกินไป ไม่เช่นนั้นคงสามารถขายเครื่องประทินโฉมที่นำมาให้กับหญิงงามเหล่านี้ได้

“เช่นนั้นบ่าวขอตัวลา”

อินชิงเสวียนโค้งลาทุกคน ทันทีที่ออกจากประตูไป๋เสวี่ยก็รีบวิ่งเข้ามาหาอย่างยินดี

อินชิงเสวียนตบหัวโตๆ ของไป๋เสวี่ย

“รอแย่แล้วกระมัง พวกเราไปกันเถอะ”

ไป๋เสวี่ยกระดิกหางใหญ่อย่างมีความสุข ซึ่งหางใหญ่นั้นฟาดพื้นเสียงดัง

เซียงหลานออกมาจากด้านใน หยิบตั๋วเงินหนาๆ ออกมาจากแขนเสื้อของนาง

“พระสนมมอบสิ่งนี้ให้กับกงกงน้อย”

อินชิงเสวียนลูบดูความหนา แล้วยิ้มแฉ่งเหมือนดอกไม้บานทันที

“ขอบคุณพระสนมหลิงผินแทนข้าด้วย”

“ถ้ามีอะไรดีๆ อย่าลืมพระสนมของพวกเราก็พอ หากพระสนมได้รับความโปรดปราน กงกงน้อยก็จะมีความดีความชอบใหญ่หลวงกับหอฉงฮวาของพวกเรา”

เซียงหลานช่างเจรจานัก

“พี่เซียงหลานโปรดวางใจ เช่นนั้นข้าขอตัวกลับก่อน”

อินชิงเสวียนจูงไป๋เสวี่ยออกจากตำหนัก

เดินไปได้ไม่ไกลนักก็ได้ยินเสียงคนตะโกนว่า “กงกงน้อยโปรดรอสักครู่”

อินชิงเสวียนหันกลับมา ก็เห็นกลุ่มหญิงงามที่ไปหาซูฉ่ายเวยเมื่อครู่

ทุกคนเลี้ยวเข้าไปในตรอกด้านหนึ่ง และโบกมือให้อินชิงเสวียน

อินชิงเสวียนขอให้เจ้าสุนัขรอตนเองก่อน แล้วเดินไปถามว่า “เจ้านายทุกท่านมีสิ่งใดหรือ”

สตรีในชุดสีเขียวพูดว่า “ได้ยินมาว่าของดีของพระสนมหลิงผิน ล้วนเป็นของที่กงกงน้อยมอบให้ ไม่ทราบว่ากงกงน้อยยังมีของสิ่งนั้นเหลืออยู่หรือไม่”

วันนี้อินชิงเสวียนแลกแผ่นพอกหน้ามาสามกล่องพอดี ตอนนี้จึงยังมีเหลืออยู่

นางยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “แผ่นพอกหน้านั้นผลิตโดยแคว้นฮว๋าเซี่ย ได้มาไม่ง่ายนัก หากเจ้านายทุกท่านได้ใช้ ผิวพรรณย่อมเนียนนุ่มราวกับหยก เปล่งปลั่งแวววาว เพียงแต่ราคาค่อนข้างแพง หนึ่งร้อยตำลึงต่อแผ่น”

โดยปกติผู้ที่สามารถเข้าวังได้ย่อมไม่ใช่คนธรรมดา เงินร้อยแปดพันตำลึงสามารถนำออกมาได้อยู่แล้ว

หญิงสาวในชุดสีเขียวรีบพูดว่า “ข้าต้องการสิบแผ่น”

อีกสองคนก็ไม่ยอมแพ้ “ข้าก็จะเอาสิบแผ่นเช่นกัน”

เมื่อได้ยินว่าธุรกิจมาหาถึงที่ อินชิงเสวียนก็ยิ้มแย้มแจ่มใสทันที

“ข้ามีเหลืออยู่เพียงยี่สิบแผ่นเท่านั้น แบ่งให้เจ้านายทั้งสี่ได้คนละห้าแผ่นพอดี”

หญิงสาวในชุดสีเขียวพูดอย่างเอาแต่ใจ “ไม่ได้ ข้าต้องการสิบแผ่น พวกนางสองคนเอาไปคนละห้าแผ่น ถึงอย่างไรสวีจือย่วนก็ไม่ต้องการอยู่ดี”

สวีจือย่วนคือหญิงงามผู้ที่พยักหน้าส่งยิ้มให้อินชิงเสวียนก่อนหน้านี้ พอได้ยินหญฺงงามในชุดสีเขียวกล่าวเช่นนั้น นางกล่าวเสียงแผ่วค่อย “ให้พี่หลิงอวี้ซื้อเถอะ ข้าไม่อยากได้”

“เช่นนั้นก็ได้”

อินชิงเสวียนล้วงแผ่นพอกหน้าออกมาจากอกเสื้อ ฉู่หลิงอวี้ที่สวมชุดสีเขียวรีบแย่งไปก่อนสิบแผ่น ส่วนสองคนที่เหลือก็แบ่งกันคนละห้าแผ่น

แล้วสาวใช้ของแต่ละคนก็รีบขึนมาจ่ายเงิน อินชิงเสวียนระงับรอยยิ้มบนริมฝีปาก นำตั๋วเงินยัดเข้าไปในอกเสื้อ

หาเงินในวังหลวงนี่ดีจริงๆ นางแทบไม่อยากจากไปเลย

เหลือบมองดูพวกนางประหนึ่งว่าตัวเองขาดทุน อินชิงเสวียนพูดอีกครั้ง “บ่าวยังมีเครื่องหอมชั้นดีอยู่หลายขวด ไม่ทราบว่าเจ้านายทุกท่านสนใจหรือไม่ เพียงแต่ราคาแพงเล็กน้อย ขวดละห้าร้อยตำลึง”

อินชิงเสวียนหยิบน้ำหอมลูกกลิ้งออกมาสี่ขวด เปิดฝา และกลิ่นหอมแปลกๆ ก็ลอยกรุ่นอยู่ในอากาศ

คนหนึ่งประหลาดใจ “เป็นขวดแก้วทีเดียว ลำพังแค่ขวดคุ้มราคาห้าร้อยตำลึงแล้ว”

อินชิงเสวียนจับมือของฉู่หลิงอวี้ขึ้นมา แล้วแต้มใส่มือนาง เมื่อได้กลิ่นดวงตาของฉู่หลิงอวี้พลันเปล่งประกายวาววับ

“ข้าต้องการสองขวด ที่เหลือพวกเจ้าสองคนแบ่งกัน” พูดจบก็หยิบไปสองขวด

ทั้งสองคนรีบหยิบคนละขวดทันที จากนั้นให้สาวจ่ายเงิน

เพียงพริบตาเดียวก็ได้เงินถึงห้าพันตำลึง อินชิงเสวียนแววตาเป็นประกายด้วยความดีใจ โดยไม่รอให้ทุกคนรู้สึกเสียดายในภายหลัง นางรึบจูงไป๋เสวี่ยออกมาทันที

ฉู่หลิงอวี้และผู้อื่นก็ตื่นเต้นมากเช่นกัน ของดีเช่นนี้ในราคาไม่กี่พันตำลึงไม่ถือว่าแพง หลังจากพูดคุยอย่างตื่นเต้นอยู่พักหนึ่ง พวกนางต่างคนก็ต่างเดินทางกลับตำหนักไปชื่นชม

สวีจือย่วนเหลือบมองไปทางอินชิงเสวียน จากนั้นก้มศีรษะลงและเดินตามหลังผู้อื่นไป สีหน้าของนางมืดมนแฝงนัยบางอย่าง

อินชิงเสวียนไม่ได้กลับห้องหนัสือทันที หากแต่ตรงไปที่สวนอวิ๋นเซียงก่อน เผื่อเย่จิ่งอวี้ถามนางว่าเหตุใดจึงกลับช้า แล้วนางบอกนางไม่ได้ เช่นนี้จึงจะสามารถกลบเกลื่อนไปได้

ขันทีน้อยหลายคนเคารพต่อนางมาก ต่างก็รีบเข้ามาทักทาย

อินชิงเสวียนโบกมืออย่างร่าเริง แล้วเดินเข้าไปดูในสวน

ไม่ได้มาดูหลายวัน ต้นกล้าโตขึ้นมาก มองไกลๆ ก็เห็นเป็นสีเขียวชอุ่ม น่าชื่นใจนัก

“ไม่เลว นี่คือความหวังในอนาคตของแคว้นต้าโจว พวกเจ้าต้องเฝ้าดูให้ดี”

ขันทีน้อยรีบเอ่ยขึ้นทันที “เสี่ยวเสวียนจื่อกงกงวางใจ พวกเรารับรองว่าจะจับตาดูที่ดินผืนนี้อย่างใกล้ชิด”

“ดีแล้ว ข้าจะกลับไปรับใช้ต่อแล้ว”

อินชิงเสวียนว่าแล้วก็จูงไป๋เสวี่ยกลับไปที่ห้องหนังสือ ทันทีที่เข้าไปในประตู ก็เห็นเย่จิ่งเย่าเดินสวนออกมา

ดวงตาประหนึ่งอสรพิษคู่หนึ่งจ้องเขม็งใบหน้าของนางอย่างไม่วางตา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์