สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 64

เย่จิ่งเย่ายกยิ้มมุมปาก ทว่าดวงตาของเขากลับทำให้รู้สึกอึดอัดมาก

ทันใดนั้นอินชิงเสวียนก็ขนลุกไปทั่วทั้งร่างกาย รีบก้มศีรษะลงอย่างรวดเร็ว

“กระหม่อมถวายพระพรอันผิงอ๋อง”

“ตามสบาย”

เย่จิ่งเย่ายืนนิ่งและโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย

เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่มีเพียงเขาและอินชิงเสวียนเท่านั้นที่ได้ยิน “เจ้าต้องรับใช้ฮ่องเต้ให้ดี!”

อินชิงเสวียนสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อนางเงยหน้าขึ้นก็เห็นเย่จิ่งอวี้ยืนอยู่ที่ประตูแล้ว

เขาเอามือไพล่หลัง ดวงตาหงส์หรี่เล็กน้อย และเสื้อคลุมตัวยามสีเหลืองทองขับเน้นให้รูปร่างสูงโปร่งสง่างาม เผยให้เห็นถึงความน่าครั่นคร้ามของโอรสสวรรค์

เมื่อสบตากัน หัวใจของอินชิงเสวียนก็สั่นสะท้านน้อยๆ

ทันใดนั้นจึงเข้าใจได้ทันทีว่าคนสารเลวเย่จิ่งเย่าจงใจเข้ามาใกล้ชิด เพื่อใส่ร้ายตัวเอง

เย่จิ่งเย่าเหลือบมองจากมุมตา แล้วเดินจากไปพร้อมกับหัวเราะเบาๆ

อินชิงเสวียนสาปแช่งในใจ เดรัจฉานผู้นี้เลวทรามจริงๆ

แล้วจึงรีบปล่อยไป๋เสวี่ยอย่างรวดเร็ว ดึงเสื้อคลุมขึ้นและคุกเข่าต่อหน้าเย่จิ่งอวี้

“กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท”

เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาของเขาจับจ้องไปที่อินชิงเสวียน

“ลุกขึ้น”

“ขอบพระทัยฝ่าบาท”

อินชิงเสวียนลูบเข่าแล้วยืนขึ้น เมื่อนางเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าเย่จิ่งอวี้ยังคงจ้องมองนางด้วยแววตาเย็นชา

เย่จิ่งอวี้คงไม่ได้ถูกคนสารเลวเย่จิ่งเย่ายุแยงตะแคงรั่วกระมัง

จึงรีบพูดว่า “กระหม่อมเห็นว่าฝ่าบาทกำลังพูดคุยอยู่กับพระสนมหลิงผิน จึงขอร้องให้หลี่กงกงอนุญาตให้กระหม่อมไปพบน้องสาวที่วังเย็น ขากลับมาก็แวะไปที่สวนอวิ๋นเซียง”

เย่จิ่งอวี้รับคำเบาๆ ถามว่า “ที่สวนอวิ๋นเซียงต้นกล้าเติบโตอย่างไรบ้างแล้ว”

อินชิงเสวียนตอบว่า “ทุกอย่างเรียบร้อยดี พืชผลเติบโตขึ้นมากพ่ะย่ะค่ะ”

“ดีแล้ว”

หลังจากที่เย่จิ่งอวี้พูดจบ เขาก็หันหลังกลับไปที่ห้องหนังสือ

อินชิงเสวียนชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงเดินตามเข้าไป

“ฝ่าบาท เมื่อครู่นี้อันผิงอ๋องให้กระหม่อมรับใช้ฝ่าบาทให้ดี โดยเน้นคำว่า ‘ต้อง’ กระหม่อมไม่ทราบว่าหมายความว่าอย่างไร หรือว่าอันผิงอ๋องคิดว่ากระหม่อมทำหน้าที่ได้ไม่ดี”

เย่จิ่งอวี้มาถึงที่โต๊ะ เมื่อเขาได้ยินคำพูดเหล่านี้ ดวงตาของเขาก็ไหวระริกราวกับมีเกลียวคลื่น

จากนั้นเขาก็เลิกคิ้วและพูดอย่างเย็นชา “เจ้าคิดว่าเจ้าทำงานเหมาะสมกับหน้าที่กระนั้นหรือ เข้านอนเร็วกว่าสุกร นอนตื่นสายกว่าสุนัข”

อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเขินอาย เมื่อคิดได้ว่าทุกวันตัวเองรีบเข้านอนเร็วๆ รอให้เย่จิ่งอวี้ไปประชุมเช้าก่อนถึงจะตื่น

นางก้มหน้าขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “กระหม่อมผิดไปแล้ว กระหม่อมไม่เหมาะที่จะรับใช้พระองค์จริงๆ เหตุใดฝ่าบาทไม่ถอดกระหม่อมออกจากการเป็นขันทีรับใช้หน้าพระพักตร์ ให้กระหม่อมมุ่งความสนใจไปที่การดูแลดอกไม้และพืชเหล่านั้นแทน”

เย่จิ่งอวี้เหลือบมองนาง แล้วคำรามในลำคอเบาๆ “ข้าเพิ่งพูดกับเจ้าเพียงสองประโยค เจ้าก็อยากไปแล้ว นอกจากว่าเจ้าจะคิดไม่ซื่อจริงๆ”

อินชิงเสวียนรีบสบถสาบานทันทีว่า “ความภักดีที่กระหม่อมมีต่อฝ่าบาทนั้นฟ้าดินเป็นพยานได้ จะคิดไม่ซื่อได้อย่างไร ฝ่าบาทฉลาดปราดเปรื่องถึงเพียงนี้ จะมองไม่ออกถึงเล่ห์กลต่ำทรามของอันผิงอ๋องได้อย่างไร กระหม่อมเพียงแต่เกรงว่าจะรับใช้ฝ่าบาทได้ไม่ดี จึงได้กล่าวเช่นนั้น”

“เมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าก็ควรรับใช้ให้ดี”

เย่จิ่งอวี้นั่งบนเก้าอี้มังกรแล้วพูดว่า “ข้าได้สั่งให้ขุนนางกรมพระคลังบุกเบิกพื้นที่ในเมืองหลวงแล้ว ยามที่ทำการเพาะปลูกเจ้าค่อยไปตรวจ ดูว่ามีอะไรไม่ถูกต้องหรือไม่”

เมื่อได้ยินว่าสามารถออกจากวังได้ ดวงตาของอินชิงเสวียนก็เปล่งประกายด้วยความดีใจ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์