สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 65

สรุปบท บทที่ 65 น้ำพุวิญญาณกลายเป็นสายฝน: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์

สรุปเนื้อหา บทที่ 65 น้ำพุวิญญาณกลายเป็นสายฝน – สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ โดย GoodNovel

บท บทที่ 65 น้ำพุวิญญาณกลายเป็นสายฝน ของ สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ ในหมวดนิยายโรแมนติก เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย GoodNovel อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

เย่จิ่งอวี้วางพู่กันลงแล้วรีบไปที่ประตู

กลิ่นสดชื่นของพืชพรรณผสมกับดินลอยเข้ามาในจมูกของเขา ทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกสดชื่นทันที

เสี่ยวอานจื่อและผู้อื่นที่ยืนอยู่ที่กลางลานเรือน เมื่อพวกเขาเห็นฝน พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะกระโดดขึ้นมาด้วยความดีใจ

“ฝนตกแล้ว ฝนตกแล้ว”

“สดชื่นจริงๆ!”

หลายคนเสียกิริยาของตัวเองไปชั่วขณะหนึ่ง

เมื่อพวกเขาหันกลับมาและเห็นฮ่องเต้ก็ต่างก็ปิดปาก

แต่เย่จิ่งอวี้กลับไม่ได้ต่อว่าต่อขานพวกเขา ฝนไม่ตกมาเป็นเวลานาน ในใจของเขาก็มีความสุขไม่แพ้กัน

ในตอนนี้ หลี่เต๋อฝูก็พาคนขนน้ำแข็งยักษ์กลับมา ขณะที่วิ่งเขาก็พูดว่า “ฝ่าบาท ฝนกำลังตกลงมาจากท้องฟ้า นี่เป็นลางดี ต้องเป็นเพราะฝ่าบาทอุทิศตนเพื่อประชาชน ทำให้สวรรค์ซาบซึ้ง ฝนจึงตกมาเช่นนี้”

อินชิงเสวียนยืนอยู่ข้างหลังเย่จิ่งอวี้ เมื่อได้ยินเช่นนี้ก็เบะปาก ตาแก่นี่ประจบสอพลอเก่งจจริงๆ

สีหน้าของเย่จิ่งอวี้ราบเรียบ ดวงตาของเขายังคงมองดูเม็ดฝนที่ตกลงมาจากท้องฟ้า

การประชุมเช้าวันนี้ เขาได้ถามเรื่องฝนฟ้าอากาศกับโหราจารย์โดยเฉพาะ โหราจารย์ตอบว่าระยะนี้ยังไม่มีฝนตก แต่เพิ่งผ่านไปไม่ถึงสองชั่วยาม ฝนก็ตกลงมาจากฟ้าแล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการคำนวณของโหราจารย์ใช้ไม่ได้เลย

เมื่อนึกถึงข่าวลือล่าสุด ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย

นับตั้งแต่เย่จิ่งเย่าออกจากสุสานหลวง ประชาชนก็มีเรื่องซุบซิบกันมากขึ้น

การเคลื่อนไหวเล็กน้อยนี้จะปิดบังเขาได้อย่างไร

วันนี้เขาเคยก่อความวุ่นวายขึ้น แต่กลับคิดจะกลับมาทำงานให้ราชสำนัก ช่างเป็นความปรารถนาที่อยู่เหนือเหตุผลจริงๆ

เมื่อนึกถึงคำขอของเย่จิ่งเย่า เย่จิ่งอวี้ก็อดไม่ได้ที่จะยกมุมปากบางขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มเยาะ

“ฝ่าบาท ที่แขนของฉลองพระองค์”

หลี่เต๋อฝูวางน้ำแข็งไว้แล้ว อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลเมื่อเห็นรอยน้ำหมึกบนแขนเสื้อของเย่จิ่งอวี้

ฮ่องเต้ทรงเป็นโรครักความสะอาด ทนกับสิ่งสกปรกไม่ได้แม้แต่น้อย ดังนั้นเขาจึงสั่งให้คนไปนำชุดลำลองมา

ความคิดของเย่จิ่งอวี้ถูกขัดจังหวะทันที เขาก้มลงมอง จู่ๆ ก็นึกถึงตอนที่เสี่ยวเสวียนจื่อกอดแขนของเขาในทันใด รอยยิ้มที่มุมปากของเขาลึกขึ้นเล็กน้อย

“ไม่เป็นไร”

หลี่เต๋อฝูตกใจ นี่ใช่ฝ่าบาทองค์จริงหรือ

เย่จิ่งอวี้ได้กลับเข้าห้องหนังสือแล้ว นำผ้าไหมทองสำหรับเขียนประกาศราชโองการออกมา และจรดพู่กันเขียนอักษรขึ้นหนึ่งแถว

ยกข้อมือขึ้น แล้วโยนให้หลี่เต๋อฝู

“ถ่ายทอดโองการของเรา อันผิงอ๋องทำหน้าที่อย่างดีในการเฝ้าสุสานหลวง เราอนุญาตให้เขารักษาสุขภาพในจวนอ๋องโดยเฉพาะ ใช้ชีวิตกับครอบครัวให้ดี หากไม่มีธุระใด ไม่จำเป็นต้องเข้าวัง”

หลี่เต๋อฝูรับราชโองการ “กระหม่อมน้อมรับบัญชา”

เย่จิ่งอวี้สะบัดแขนเสื้อ

“ไปเถอะ”

ขันทีน้อยสองคนเดินถือฉลองพระองค์เดินเข้ามา

“หลี่กงกง...”

เย่จิ่งอวี้พูดเบาๆ “พวกเจ้าออกไปเถอะ ให้เสี่ยวเสวียนจื่อช่วยเราเปลี่ยนเสื้อผ้าก็พอ”

“พ่ะย่ะค่ะ”

อินชิงเสวียนรับเสื้อผ้ามาอย่างจำใจ

แม้ว่านางจะรู้วิธีผูกผ้าคาดเอวแล้ว แต่นางก็ยังรู้สึกอึดอัดใจเมื่อคิดว่าจะมีการสัมผัสร่างกายของเย่จิ่งอวี้

แต่เมื่อคิดถึงราชโองการเมื่อครู่ ในใจก็รู้สึกโล่งใจเล็กน้อย

เย่จิ่งเย่าไม่สามารถเข้ามาในวังได้ นางจึงปลอดภัยขึ้นมาก

เย่จิ่งอวี้กางแขนออกแล้ว อินชิงเสวียนก็วางถาดเสื้อผ้าลงบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว แล้วถอดผ้าคาดเอวของเขาออก

ไอแห้งๆ แล้วพูดว่า “ฝ่าบาท เมื่อครู่กระหม่อมตกใจกลัว ทำให้พระองค์ขุ่นเคืองมาก หวังว่าฝ่าบาทจะยกโทษให้กระหม่อมด้วย”

เย่จิ่งอวี้ก้มศีรษะลง บังเอิญเห็นลำคอระหงของอินชิงเสวียนพอดี เขารู้สึกว่าผิวพรรณนั้นช่างละเอียดอ่อนราวกับหยก จู่ๆ ก็มีความคิดอยากจะสัมผัสขึ้นมา

เมื่ออินชิงเสวียนเห็นว่าเขาไม่ได้พูด ก็คิดว่าเย่จิ่งอวี้กำลังตำหนิตัวเอง จึงอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้น

บังเอิญสบกับดวงตาที่ลึกราวกับท้องทะเลของเย่จิ่งอวี้ หัวใจของนางก็เต้นแรงอย่างควบคุมไม่ได้

นางก้าวถอยหลังทันที “ฝ่าบาท โปรดอภัยโทษด้วย”

ทันทีที่ดวงตาทั้งสองคู่สบตากัน เย่จิ่งอวี้ก็มีความรู้สึกอธิบายไม่ถูกในใจ

ตัวเองแค่ทำตัวน่าสงสาร แสดงถึงความภักดีเล็กน้อย เย่จิ่งอวี้ก็ยอมให้เขากลับราชสำนัก ตราบใดที่เขาสามารถกลับราชสำนักได้ เขาก็ใกล้จะได้บัลลังก์คืนแล้ว

เขายกเสื้อคลุมขึ้นและคุกเข่าลงทันที “กระหม่อมน้อมรับราชโองการ”

หลี่เต๋อฝูกลอกตามองเขา เชิดคางขึ้นแล้วอ่าน “ด้วยโองการแห่งฟ้า ฮ่องเต้มีบัญชา ผิงอันอ๋องเฝ้าสุสานหลวงสุดแสนลำบาก บัดนี้ครบหนึ่งปีแล้ว จึงมีบัญชาให้อันผิงอ๋องรักษาสุขภาพอยู่กับครอบครัวที่จวน หากไม่จำเป็นได้รับยกเว้นไม่ต้องเข้าวัง ด้วยประการฉะนี้!”

สีหน้าของเย่จิ่งเย่าเปลี่ยนไปทันที

“หลี่กงกง นี่หมายความว่าอย่างไร”

หลี่เต๋อฝูหัวเราะเบาๆ และกล่าวว่า “ฝ่าบาททรงเป็นห่วงพระวรกายของท่านอ๋อง มีบัญชาให้ท่านอ๋ฮงรักษาสุภาพโดยเฉพาะ ช่วงนี้ท่านอ๋องก็พักผ่อนอยู่ในจวนให้ดี กระหม่อมยังต้องกลับไปรับใช้ฝ่าบาทอีก ไม่รบกวนท่านแล้ว”

หลี่เต๋อฝูมอบราชโองการของฮ่องเต้แก่เย่จิ่งเย่า และจากไปพร้อมกับผู้อื่น

เย่จิ่งเย่าเปิดออกดู แล้วลุกขึ้นยืนด้วยความโกรธ

เขาสาปแช่งด้วยความโกรธ “เย่จิ่งอวี้ เจ้าคนสารเลว ไม่เพียงแต่ขโมยบัลลังก์ของข้าเท่านั้น แต่ยังต้องการแยกข้าออกจากราชสำนักด้วย ข้าจะทำสิ่งที่เจ้าต้องการได้อย่างไร เด็กๆ เตรียมเกี้ยว ข้าอยากจะ ไปที่ที่หนึ่ง...”

...

ณ พระราชวัง

เมฆดำมืดค่อยๆ สลายไป และฝนที่ตกหนักก็ค่อยๆ หยุดลง

อากาศหลังฝนตกสดชื่นแจ่มใส อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะสูดกลิ่นแรงๆ สองครั้ง

กลิ่นนี้ชวนให้นึกถึงการเก็บเห็ดกับย่าเมื่อสมัยเด็กๆ ทั้งสองคนเดินเข้าไปในป่า และได้กลิ่นเช่นนี้

เมื่อคิดถึงหลังที่โค้งงอและใบหน้าเหี่ยวย่นของย่า อินชิงเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าเสียใจ

ย่าที่อยู่อีกโลกหนึ่ง คงจะคิดถึงนางอย่างแน่นอน

ในขณะที่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็มีข้อความแจ้งเตือนมาจากมิติ

ต้องการใช้น้ำพุวิญญาณทำฝนตกต่อเนื่องหรือไม่ ใช้ 100 คะแนน

คราวนี้อินชิงเสวียนเห็นชัดเจน อดไม่ได้ที่จะตกใจ

น้ำพุวิญญาณทำให้ฝนตกงั้นหรือ

หรือว่าที่ฝนตกเมื่อครู่...

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์