สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 66

หรือว่าที่ฝนตกเมื่อครู่เป็นนางที่ใช้คะแนนสะสมแลกมา

บ้าเอ้ย!

นี่เรื่องบ้าอะไรเนี่ย

จู่ๆ อินชิงเสวียนก็นึกขึ้นได้ว่าตอนที่นางใช้คะแนนแลกนมผงให้เจ้าหมาน้อย ป้ายที่อยู่ถัดจากร้านค้าคะแนนสะสมได้อัปเดตคำบางคำ และดูเหมือนจะเขียนไว้ว่าน้ำพุวิญญาณอะไรสักอย่าง ตอนนั้นนางรีบมาก จึงไม่ได้อ่านอะไรมากนัก

หรือว่าน้ำพุวิญญาณได้อัพเกรดฟังก์ชั่นบางอย่าง

ยิ่งอินชิงเสวียนคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเท่าใด นางก็ยิ่งกังวลมากขึ้นเท่านั้น แล้วก็พูดกับทุกคนตรงนั้นทันที “ข้าอยากไปปลดทุกข์หน่อย พวกเจ้ารออยู่ที่นี่”

ขันทีน้อยยิ้มแล้วพูดว่า “ไปเถอะ ถ้าฮ่องเต้ถามถึงเจ้า พวกเราจะช่วยแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าให้เจ้า”

“ขอบใจนะ”

อินชิงเสวียนเดินออกจากห้องหนังสือ ห่างออกไปสองร้อยเมตรมีห้องน้ำสำหรับนางกำนัลและขันทีที่รับใช้ฮ่องเต้อยู่

เมื่อนึกได้ดังนี้ อินชิงเสวียนก็ค้นพบบางสิ่งบางอย่าง

ผู้คนที่รับใช้เย่จิ่งอวี้ดูเหมือนจะเป็นขันทีทั้งหมด ไม่มีนางกำนัลเลย

ช่างเถอะ อยากใช้งานผู้ใดก็ใช้เถอะ ตอนนี้นางแค่อยากกลับไปดูที่มิติแล้ว

อินชิงเสวียนมาที่ประตูห้องน้ำ มองไปรอบๆ ไม่เห็นผู้ใด จึงรีบเข้าไปในมิติทันที

เมื่อตรวจสอบคะแนนสะสมของตัวเอง พบว่าหายไปหนึ่งร้อยคะแนน

อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเหมือนหัวใจขาดเลือด สิ่งของส่วนใหญ่ที่ใช้แลกในร้านค้าคะแนนต้องใช้เพียง 1 คะแนน 100 คะแนนนี้จะแลกได้กี่อย่างกัน บัดนี้แลกฝนตกได้หนึ่งครั้ง เป็นการสูญเสียครั้งใหญ่จริงๆ

นางรีบที่ป้าย บนนั้นเขียนไว้ว่าน้ำพุวิญญาณถูกใช้ไป 100 ครั้ง การใช้งานนอกพื้นที่ได้เปิดใช้งานแล้ว สามารถใช้ทำฝนและรดน้ำ ทุกการใช้หนึ่งครั้งต้องจ่าย 100 คะแนน

หลังจากเห็นคำพูดเหล่านี้ อินชิงเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะทุบหน้าอกของนาง

เมื่อวานนางไม่ควรรีบร้อนเพียงนั้น หากช้าลงเพียงไม่กี่ก้าว นางก็สามารถประหยัดได้ถึง 100 คะแนน แน่นอน การเร่งรีบไม่เกิดผลดี

ยิ่งอินชิงเสวียนคิดเรื่องนี้มากเท่าใด นางก็ยิ่งหดหู่ใจมากขึ้นเท่านั้น แต่คะแนนถูกใช้ไปแล้ว จะเสียใจภายหลังก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ดังนั้นนางจึงเข้าไปในร้านค้าคะแนนแล้วแลกเครื่องประทินโฉมเพิ่ม นางจะได้ทำการขายให้ได้เงินมากขึ้น เพื่อชดเชยความเสียหายที่นางได้รับ

อินชิงเสวียนถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ เดินออกจากร้านค้าคะแนนสะสมในมิติ ยืนอยู่หน้าป้ายและมองดูเป็นเวลานาน ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีการอัปเดตข้อมูลใดๆ จากนั้นจึงออกมาจากมิติ

เมื่อย้อนกลับไปถึงห้องหนังสือ เสี่ยวอานจื่อได้ออกมาแล้ว

“เหตุใดเจ้าไม่รอรับใช้อยู่ด้านในล่ะ”

อินชิงเสวียนถามอย่างกังวล หรือว่าเมื่อครู่นี้ฮ่องเต้เรียกตัวนางอีก

เสี่ยวอานจื่อหัวเราะเบาๆ พูดว่า “อาจารย์ของข้ากลับมาแล้ว ดังนั้นข้าจึงไม่มีอะไรให้ทำ”

อินชิงเสวียนร้องอ๋อออกมาคำหนึ่ง และถามว่า “เช่นนั้นพวกเรามายืนอยู่ตรงนี้กันเถอะ”

เสี่ยวอานจื่อกระซิบ “รอฝ่าบาทกลับตำหนักเฉิงเทียนเถอะ พระองค์พักผ่อนแล้ว พวกเราจะได้พักสักครู่”

อินชิงเสวียนพยักหน้า จนกระทั่งท้องฟ้ามืดสนิท เย่จิ่งอวี้ถึงได้เดินออกจากห้องหนังสือ

ทุกคนรีบก้มศีรษะลงและติดตามขบวนเสด็จไป

เสี่ยวอานจื่อถือตะเกียงเดินนำคนเข้าไปในห้องโถง หลังจากนั้นไม่นานก็ออกมา

“เสี่ยวเสวียนจื่อ ฝ่าบาทบอกว่าวันนี้เจ้าไม่ต้องเข้าไปรับใช้ในตำหนักแล้ว ประเดี๋ยวข้าจะพาเจ้าไปยังที่ที่เราพักกัน”

อินชิงเสวียนมีความสุขมากเมื่อได้ยินสิ่งนี้

ระยะนี้ชีวิตเหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้าย กลัวว่าเย่จิ่งอวี้จะให้ตัวเองช่วยยกกาน้ำชาให้อีก ในที่สุดวันนี้เขาก็คิดได้แล้ว

นางจึงพยักหน้าอย่างมีความสุขทันที “ได้”

เสี่ยวอานจื่อกล่าวเสริมว่า “พวกเราที่รับใช้จะถูกจัดตามเวร เจ้าอยากอยู่ก่อนเที่ยงคืนหรือหลังเทียงคืน”

หลังจากที่เสี่ยวอานจื่อพูดจบ ก็ดึงนางไปข้างๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “เจ้ารับใช้ช่วงหลังเที่ยงคืนกับข้าดีกว่า ฝ่าบาทบรรทมลึกมาก ส่วนใหญ่ไม่ค่อยตื่นบรรทม โดยปกติแล้วช่วงหลังเที่ยงคืนไม่มีอะไรเลย เช้าวันถัดไปพวกเรายังได้นอนช่วงเช้า”

อินชิงเสวียนคิดดูแล้วก็เห็นว่าจริง นางยอมนอนดึกดีกว่าต้องตื่นเช้า

ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อหลี่เต๋อฝูอยู่ในห้องด้วย พวกเขาไม่มีอะไรให้ทำจริงๆ พวกเขาแค่แกล้งทำเป็นจับนั่นจับนี่ ถ้าพวกเขาง่วงจริงๆ ก็สามารถนอนบนระเบียงได้

“ได้ งั้นข้าอยู่เวรช่วงเดียวกับเจ้า”

เสี่ยวอานจื่อพยักหน้า ดึงแขนเสื้อของอินชิงเสวียน แล้วพูดว่า “ข้าจะพาเจ้ากลับที่พักเพื่อพักผ่อนสักครู่”

อินชิงเสวียนตามเสี่ยวอานจื่อไปที่ด้านหลังของห้องโถงข้าง แล้วพบว่าที่นี่มีห้องเล็กๆ เรียงกันเป็นแถว

รูปแบบห้องคล้ายกับหอพักสมัยใหม่มาก โดยห้องหนึ่งพักได้สองคน ในห้องยังมีโต๊ะ เก้าอี้ และชุดน้ำชาอยู่ด้านใน ขันทีน้อยเหล่านี้ที่คอยรับใช้ฮ่องเต้โดยเฉพาะ ล้วนมีชีวิตที่ค่อนข้างสะดวกสบาย

จำได้ว่าเคยดูในโทรทัศน์ ปกตินางกำนัลและคนรับใช้ในวังจะพักรวมกันในห้องโถงใหญ่ หลายสิบคนนอนอยู่ในห้องเดียว แค่คิดก็หายใจไม่ออกแล้ว

อินชิงเสวียนค่อนข้างพอใจกับสภาพแวดล้อมที่นี่ เสี่ยวอานจื่อชี้ไปที่เตียงทางด้านซ้ายแล้วพูดว่า “เจ้านอนที่นี่ พวกเรารีบพักผ่อนกันเถอะ”

หลังจากยืนทั้งวัน อินชิงเสวียนก็รู้สึกเหนื่อยพอสมควร นางจึงถอดรองเท้าและขึ้นเตียงนอน

เสี่ยวอานจื่อรู้สึกสับสนเล็กน้อย

“เจ้าไม่ถอดเสื้อผ้าตอนนอนหรือ”

อินชิงเสวียนหัวเราะแห้งๆ และพูดว่า “เอ่อ ข้าชอบนอนตื่นสาย สวมเสื้อผ้านอนจะได้ทำอะไรเร็วๆ”

เสี่ยวอานจื่อคิดแล้วก็เห็นว่าจริง เขาจึงทำตามอย่างนาง แล้วนอนลง และหลังจากนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงกรน

อินชิงเสวียนนอนไม่หลับ ประการแรก เสี่ยวอานจื่อกรนเสียงดังหนวกหูมากจริงๆ นอกจากนี้ นางยังรู้สึกเสียใจกับ 100 คะแนนของนางด้วย

จะต้องใช้เวลานานเท่าใดถึงจะได้คืน คราวหลังหากเข้าไปในมิติ นางจะต้องตรวจสอบป้ายแสดงผลตลอดเวลา

หลังจากครุ่นคิดไปเรื่อยเปื่อย นางก็รู้สึกง่วงเล็กน้อย ขณะที่หลับอยู่อินชิงเสวียนก็รู้สึกว่ามีคนปลุกนางขึ้นมา

“เสี่ยวเสวียนจื่อ ตื่นได้แล้ว ถึงเวลาตื่นแล้ว”

อินชิงเสวียนลืมตาขึ้นอย่างเกียจคร้าน และตื่นขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นใบหน้าของเสี่ยวอานจื่อ

“ถึงเวลาผลัดเวรแล้ว”

เสี่ยวอานจื่อพลางจัดแจงเสื้อผ้าพลางพูด ขณะเดียวกันขันทีน้อยสองคนยืนอยู่ที่ประตู ก็กำลังหาวและเตรียมพร้อมที่จะเข้านอน

อินชิงเสวียนรีบจัดห้องให้ทั้งสองคนอย่างรวดเร็ว และเมื่อทั้งคู่มาถึงตำหนักเฉิงเทียน ภายในนั้นก็มืดสนิทแล้ว

หลี่เต๋อฝูหาวและเดินออกไปกระซิบ “มีไหวพริบกันด้วย ถ้าเจ้าได้ยินเสียงอะไรอยู่ข้างใน ก็รีบเข้าเข้าไปดู แล้วยามอิ๋น[footnoteRef:1]ข้าจะนำฉลองพระองค์เข้ามา” [1: ยามอิ๋น ช่วงเวลา 03.00 – 04.59 น.]

อินชิงเสวียนถามด้วยท่าทางงุนงง “หลี่กงกงไม่ได้นอนอยู่ที่ห้องโถงด้านนอกหรือ”

หลี่เต๋อฝูง่วงนอนจนตาแทบปิด พูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้ายังต้องเตรียมฉลองพระมาองค์มารอรับใช้ฝ่าบาทประชุมเช้า จะมีเวลาไปนอนที่โถงด้านนอกได้อย่างไร”

อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะเห็นใจหลี่เต๋อฝู ด้วยอายุของเขาช่างลำบากจริงๆ

เสี่ยวอานจื่อยิ้มอย่างรวดเร็วและพูดว่า “อาจารย์ไม่ต้องกังวล พวกเราสัญญาว่าจะดูแลฮ่องเต้อย่างดี”

ทันทีที่หลี่เต๋อฝูจากไป เขาก็นั่งลงบนบันได

“เสี่ยวเสวียนจื่อ พวกเราผลัดเวรคอยเฝ้าดูก็พอ ข้าจะนอนอีกสักประเดี๋ยว ทนไม่ไหวแล้ว”

เสี่ยวอานจื่อหลับไปอย่างรวดเร็ว และก็เริ่มกรนทันทีหลังจากพูดจบ

อินชิงเสวียนพูดไม่ออกอยู่พักหนึ่ง นางก็ง่วงนอนเช่นกันนะ

ขณะที่พึมพำจบ ก็ได้ยินเสียงครวญครางมาจากข้างใน ซึ่งดูเหมือนจะเป็นเสียงของเย่จิ่งอวี้

อินชิงเสวียนอยากปลุกเสี่ยวอานจื่อ แต่เมื่อเห็นว่าเขาหลับสนิท นางก็กลืนคำพูดของนางกลับ แล้วเดินเข้าไปในโถงตำหนักเฉิงเทียนด้วยฝีเท้าเบากริบ

อินชิงเสวียนเห็นเย่จิ่งอวี้นอนอยู่บนม้านั่งตัวยาวโดยแสงอาศัยดวงจันทร์

เขานอนหันข้าง แสงจันทร์ได้สะท้อนบนใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา ทำให้เห็นใบหน้าคมสันชัดขึ้น

ในเวลานี้ ขายาวของเย่จิ่งอวี้งอเล็กน้อย ดูเหมือนนอนไม่ค่อยสบาย ปากก็ส่งเสียงครวญครางต่ำๆ

อินชิงเสวียนรู้สึกประหม่าเล็กน้อย นางคงไม่โชคร้ายเพียงนั้นกระมัง ตัวเองเพิ่งมาเฝ้าเวรวันแรก เย่จิ่งอวี้ก็ป่วยแล้ว

นางอดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกมาและตบไหล่เย่จิ่งอวี้เบาๆ

“ฝ่า...”

ยังไม่ทันได้เอ่ยคำว่า ‘บาท’ ข้อมือของนางถูกจคว้าด้วยมือใหญ่ที่เย็นเล็กน้อย อินชิงเสวียนรู้สึกเหมือนโลกกำลังหมุน แล้วนางก็ถูกตรึงไว้บนเตียง...

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์