สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 69

ทันทีที่คำสั่งทั้งสองนี้ออกมา ขุนนางทุกคนก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก

เย่จิ่งอวี้เหลือบมองทุกคนด้วยความพึงพอใจ กล่าวอย่างสงบ “หากมีสิ่งใดจะรายงานก็เชิญ หากไม่มีก็เลิกประชุมได้”

พวกขุนนางก็ก้มศีรษะแล้วพูดว่า “กระหม่อมไม่มีสิ่งใดรายงาน”

“เลิกประชุม”

เย่จิ่งอวี้ลุกขึ้นอย่างสง่างาม คร้านแล้วผู้คนก็ทยอยเดินออกจากตำหนักจินหลวน

อินชิงเสวียนตามเสี่ยวอานจื่อมารอที่ห้องหนังสือแล้ว

เมื่อคิดถึงเงินมากกว่าสองพันตำลึง ก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก และเมื่อคิดถึงเรื่องการเสียคะแนน 100 แต้มไปอย่างแปลกๆ ยิ่งทำให้หดหู่ใจมากขึ้น

เมื่อเห็นว่านางดูไม่มีความสุข เสี่ยวอานจื่อก็ถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “เสี่ยวเสวียนจื่อ เจ้าเป็นอะไรไป มีเรื่องกังวลใจหรือ”

อินชิงเสวียนส่ายศีรษะ

“ไม่เป็นไร จู่ๆ ข้าก็คิดถึงท่านแม่และลูกๆ จึงรู้สึกเศร้าเล็กน้อย”

เสี่ยวอานจื่อถอนหายใจและพูดว่า “น่าเห็นใจนัก เป็นเหมือนข้าดีกว่า ข้าไม่ต้องกังวลใจอะไร กินผู้เดียวอิ่มผู้เดียว”

เมื่อคิดว่าเสี่ยวอานจื่อไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อแม่ของเขาคือผู้ใด อินชิงเสวียนก็รู้สึกว่าเงินนับพันตำลึงของตนนั้นไม่สำคัญเลยจริงๆ

เมื่อสะสมคะแนนเพียงพอแล้ว จะแลกของสิ่งใดก็ไม่เป็นปัญหา หากเงินหมดก็ค่อยหาใหม่ได้อีก

ทั้งสองต่างจมอยู่กับการครุ่นคิดของตัวเอง ต่างเงียบไปสักพัก ทันใดนั้น พวกเขาได้ยินเสียงฝีเท้ามาแต่ไกล อินชิงเสวียนเงยหน้าขึ้น ก็เห็นว่าขบวนเสด็จมาถึงแล้ว

จำได้ว่าวันนั้นเย่จิ่งอวี้ได้พบกับไทเฮา ถึงได้เดินกลับห้องหนังสือ

แต่เมื่อเห็นว่าวันนี้เขานั่งราชรถอย่างสบาย อินชิงเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย หากนางมีโอกาส นางก็อยากจะลองนั่งบนนั้นดู

ในขณะที่คิดอย่างวุ่นวายใจอยู่นั้น ราชรถของเย่จิ่งอวี้ก็มาถึงประตูห้องหนังสือแล้ว อินชิงเสวียนและเสี่ยวอานจื่อรีบแยกตัวออกไปซ้ายขวาง ก้มศีรษะรอรับเสด็จ

เย่จิ่งอวี้ดูเหมือนจะอารมณ์ดี คุยกับอินชิงเสวียนว่า “วันนี้ได้ไปสวนอวิ๋นเซียงหรือไม่”

อินชิงเสวียนก้มศีรษะลงแล้วตอบว่า “กราบทูลฝ่าบาท กระหม่อมรอรับเสด็จที่นี่ตลอด ไม่ได้ไปจากห้องหนังสือเลย”

จู่ๆ เย่จิ่งอวี้ก็อยากรู้ว่าพืชผลเหล่านี้เป็นอย่างไร เขาจึงพูดว่า “ถ้าเช่นนั้นก็ไปดูที่สวนอวิ๋นเซียง”

เมื่อมาถึงทางเข้าสวนอวิ๋นเซียง อินชิงเสวียนก็ตกใจกับเหตุการณ์ภายใน

ในเวลาเพียงสองวัน แตงโมก็ออกผลแล้ว รวงข้าวสาลีก็งอกออกมาด้วย

อินชิงเสวียนรีบวิ่งเข้าไปในสวนสวนอวิ๋นเซียงด้วยความตื่นเต้น

นี่มันปาฏิหาริย์ชัดๆ!

ไม่สิ ต้องเป็นเพราะฝนที่มาจากน้ำพุจิตวิญญาณ 100 คะแนนนั้นแน่ๆ ไม่เช่นนั้นคงจะไม่สามารถเติบโตเร็วเพียงนี้ได้

เย่จิ่งอวี้ถกเสื้อคลุมมังกรขึ้น ก้าวลงมาจากราชรถ

เมื่อเห็นสีหน้าตื่นเต้นของบ่าวตัวน้อย เขาก็เดินไปดูด้วย

“สิ่งนี้คืออะไร”

เย่จิ่งอวี้ไม่รู้จักผลแตงโมเหล่านี้ รู้เพียงว่าของสิ่งนี้เป็นสีเขียวๆ ครามๆ ช่างน่าพอใจนัก

อินชิงเสวียนชอบท่าทางที่เขาไม่ค่อยแสดงออกมาเช่นนี้นัก

“นี่คือแตงโม มีเนื้อสีแดงข้างใน มีรสหวานและอร่อยมาก เมื่อโตจนมีขนาดเท่าศีรษะก็สามารถรับประทานได้แล้ว”

หลังจากที่อินชิงเสวียนพูดจบ นางก็ชี้ไปที่ศีรษะของเย่จิ่งอวี้

หลี่เต๋อฝูถลึงตามองนางทันที อินชิงเสวียนไอแห้งๆ และก้าวออกไป

เห็นได้ชัดว่าเย่จิ่งอวี้สนใจแตงโมมาก ดังนั้นเขาจึงเมินเฉยต่อกิริยาไม่สำรวมของอินชิงเสวียน จากนั้นมองไปยังรวงข้าวสาลี

“แป้งสาลีของเจ้าทำมาจากสิ่งนี้หรือ”

อินชิงเสวียนเข้ามาอยู่ข้างๆ เขา “พ่ะย่ะค่ะ”

เย่จิ่งอวี้เอามือไพล่หลังเดินไปรอบๆ พลางพยักหน้ากล่าวว่า “ไม่เลว ไม่คิดว่าเมล็ดพันธุ์จากฮว๋าเซี่ยจะวิเศษถึงเพียงนี้ เติบโตเร็วกว่าเมล็ดพันธุ์ทั่วไปมาก”

อินชิงเสวียนกลอกตา ทั้งหมดนี้เป็นผลจากน้ำพุวิญญาณหรอก หากนางไม่ได้ใช้แต้มร้อยแต้มโดยไม่ตั้งใจ สิ่งเหล่านี้จะเติบโตเร็วเพียงนี้ได้อย่างไร

อย่างไรก็ตาม นี่ยังเป็นการพิสูจน์ทางอ้อมด้วยว่าน้ำพุวิญญาณนั้นมีผลกับเมล็ดพืชธรรมดาเช่นกัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์