สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 72

ยายหลี่พูดอย่างอ่อนใจ “ระยะนี้องค์ชายน้อยอารมณ์รุนแรงขึ้นมากเพคะ”

“คงเป็นเหมือนพ่อสารเลวของเขานั่นแหละ”

อินชิงเสวียนกินแตงโมไปสองชิ้น ในที่สุดก็รู้สึกเย็นลงไปบ้าง จากนั้นนางก็ถามด้วยความเป็นห่วง “พวกเจ้ายังมีของกินพอหรือไม่”

อวิ๋นฉ่ายกล่าวด้วยใบหน้ามีความสุข “พระสนมไม่ต้องเป็นห่วง ทุกอย่างเพียงพอแล้ว สำหรับเนื้อ หม่อมฉันก็ทำเป็นเนื้อสับเก็บไว้ในน้ำเย็น เตรียมไว้สำหรับทำเกี๊ยวคืนนี้”

อินชิงเสวียนพยักหน้าและกล่าวว่า “ทำเกี๊ยวก็ดี ข้าก็อยากกินเกี๊ยวเหมือนกัน จริงสิ คืนนี้ข้าจะพักที่วังเย็น แล้วจะออกจากวังพรุ่งนี้เช้า”

นางรับตัวเจ้าหมาน้อยมา เปิดปุ่มให้ตุ๊กตาดนตรีทำงาน แล้วตุ๊กตาดนตรีก็เปล่งเสียงเพลงและเริ่มเต้นรำ

เจ้าหมาน้อยถูกดึงดูดทันที ดวงตาสีเข้มของเขาเปิดกว้าง แพขนตาหนาราวกับพัดเล็กๆ ขยับไปมา ดูหนาฟูและน่ามองมาก

เขายื่นมือเล็กๆ ออกมา ชี้ไปที่ตุ๊กตาดนตรี แล้วเริ่มพูดอ้อแอ้ที่ไม่มีผู้ใดเข้าใจ จากนั้นโบกมือเล็กๆ อย่างมีความสุข ราวกับกำลังเต้นรำกับตุ๊กตาดนตรี

ยายหลี่เองก็มองดูของเล่นด้วยความประหลาดใจ “พระสนมเก่งกาจจริงๆ”

อวิ๋นฉ่ายก็เดินมาดู จ้องมองที่ตุ๊กตาดนตรี ไม่รู้ว่าสิ่งนี้เคลื่อนไหวอย่างไร

ยายหลี่รีบถอนสายตากลับมา เมื่อเทียบกับของเล่นแล้ว นางกลับสนใจอินชิงเสวียนมากกว่า

“พระสนม ช่วงนี้ท่านเป็นอย่างไรบ้าง อยู่กับฮ่องเต้ราบรื่นดีหรือไม่”

อินชิงเสวียนพูดด้วยสีหน้าไม่มีความสุข “ก็ไม่นับว่าดีนัก เอะอะก็ต้องคุกเข่าตลอด น่าเบื่อจริงๆ”

ยายหลี่รีบพยายามปลอบใจนาง “ตราบใดที่ฮ่องเต้ไม่ทราบฐานะของพระสนมก็ดีแล้ว หากได้รับความไว้วางใจจากฮ่องเต้ ถึงไม่มีเงินทอง พวกเราก็สามารถออกจากวังได้”

อินชิงเสวียนพยักหน้า

“นั่นก็จริง หากนับรวมพรุ่งนี้ ข้าก็ออกจากวังได้แล้วสองครั้ง ถ้าข้าออกไปอีกหลายๆ ครั้ง ก็น่าจะคุ้นเคยกับทหารองครักษ์ที่เฝ้าประตูวังหลวงได้ ถ้าจะออกไปอีกก็ไม่ใช่ปัญหาแล้ว”

อวิ๋นฉ่ายอดกังวลไม่ได้ “ถ้าเกิดองค์ชายน้อยตื่นขึ้นตอนที่อยู่หน้าประตูวัง จะเป็นอย่างไรเพคะ”

ยายหลี่ถลึงตามองนางทันที

“อย่าพูดไร้สาระ ผู้ใดต่างก็บอกว่าพูดถึงเรื่องดีมักไม่ศักดิ์สิทธิ์ พูดถึงเรื่องร้ายมักจะศักดิ์สิทธิ์”

อินชิงเสวียนเหลือบมองที่เจ้าหมาน้อยแวบหนึ่ง แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่เป็นไร ตราบใดที่ให้นมเจ้าเด็กดื้อจนอิ่มพี เขาจะไม่ร้องไห้”

ยายหลี่กล่าวว่า “พระสนมพูดถูก องค์ชายน้อยจะเข้านอนทุกครั้งที่อิ่ม และจะต้องนอนหนึ่งชั่วยามถึงจะตื่น หากไม่มีเสียงดัง เขาก็จะไม่ตื่น”

อินชิงเสวียนอุ้มเจ้าหมาน้อยในอ้อมแขนโยกเยกไปมา แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้าเด็กดื้อ ในที่สุดวันที่เราจะออกไปข้างนอกก็ใกล้เข้ามาแล้ว”

บางทีเมื่อสัมผัสได้ถึงความอารมณ์ดีของอินชิงเสวียน เจ้าหมาน้อยก็เริ่มมีความสุข เตะขาอ้วนป้อมขึ้นลง

อินชิงเสวียนแทบจะจับเขาไว้ไม่อยู่ เหงื่อออกไม่รู้ตัว

“ไม่ไหวแล้ว ข้าต้องไปอาบน้ำแล้ว ร้อนจะตายอยู่แล้ว”

ยายหลี่อุ้มเจ้าหมาน้อยขึ้นมา แล้วพูดเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ “พระสนม น้ำพุวิญญาณที่อยู่ข้างนอกของพวกเราหมดแล้ว นอกจากใช้ชงนมให้องค์ชายน้อยแล้ว ที่เหลือก็ใช้อาบน้ำให้เขาด้วย”

“ข้ารู้แล้ว ประเดี๋ยวข้าจะเอามาเพิ่ม”

อินชิงเสวียนกลับไปที่ห้องด้านใน แทบรอไม่ไหวที่จะเข้าไปในมิติ

หลังจากอาบน้ำพุวิญญาณที่มีกลิ่นหอมแล้ว ก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมาก

เมื่อนางออกมา นางได้แบ่งน้ำพุวิญญาณออกมาด้วย จากนั้นจึงนำยาแก้ไข้และแผ่นแปะลดไข้ออกมา เก็บไว้สำหรับเจ้าหมาน้อย

อวิ๋นฉ่ายเริ่มสับต้นหอมผสมไส้เกี๊ยวแล้ว วันนี้เมื่ออวิ๋นฉ่ายรู้ว่าเจ้านายของตนจะพักอยู่ในวังเย็น จึงตั้งใจทำสุดฝีมือ

อินชิงเสวียนรับใช้เย่จิ่งอวี้มาหลายวันแล้ว นางก็เหนื่อยล้าทั้งกายและใจ เมื่อกลับมาที่วังเย็น ในที่สุดก็ได้เพลิดเพลินกับความรู้สึกของการถูกผู้อื่นรับใช้

หลังจากกินเกี๊ยวไปหนึ่งจาน ก็นำผลไม้ออกมาถาดใหญ่ และนอนบนเปลญวนรับลมยามเย็น ช่างเป็นอะไรที่สุขสบายมาก

หากไม่ใช่เพราะเงิน อินชิงเสวียนคงอยากจะอยู่ในวังเย็นไม่ออกไปข้างนอกจริงๆ

เพียงแต่ว่าตอนนี้วังเย็นถูกเปิดเผยแล้ว ถ้านางไม่ออกไป เจ้าหมาน้อยจะไม่ปลอดภัย

ถ้ารู้เช่นนี้ คงหาเหตุผลเรื่องอื่นดีกว่า

อินชิงเสวียนถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้

ขณะนี้ดวงอาทิตย์ตกพ้นกำแพงแล้ว

พระอาทิตย์อัสดงนำความเย็นมาสู่วังเย็นขนาดใหญ่แห่งนี้

อินชิงเสวียนนอนบนเปลญวน เพลิดเพลินกับสายลมเย็นๆ และหลับไปโดยไม่รู้ตัว

ณ ห้องหนังสือ

เย่จิ่งอวี้ตรวจอ่านฎีกาเสร็จแล้ว เมื่อซูฉ่ายเวยเห็นดังนั้น นางก็รีบพูดว่า “ฝ่าบาท หม่อมฉันสั่งให้เซียงหลานไปทำอาหารไว้สองสามอย่าง เชิญฝ่าบาทเสด็จไปลิ้มลองเพคะ ไปพักผ่อนที่หอฉงฮวา”

ในเวลานี้ สายลมพัดผ่านหน้าต่าง และความเย็นทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกสดชื่น ออกไปเดินเล่นก็ดีเหมือนกัน

เขาพยักหน้า “อืม”

ซูฉ่ายเวยรีบคุกเข่าขอบพระทัยทันที นางยิ้มแก้มปริ

การถูกตบเล็กน้อยสามารถนำมาซึ่งความรักของฮ่องเต้ได้ เช่นนั้นทั้งหมดก็คุ้มค่าแล้ว

เย่จิ่งอวี้ขึ้นราชรถ แล้วให้หลี่เต๋อฝูจูงไป๋เสวี่ยออกไปด้วย ผ่านมาหลายวันแล้วที่ไม่ได้ออกไปเดินเล่นกับไป๋เสวี่ย ตอนนี้เขามีเวลาว่างก็อยากออกไปเดินเล่นกับมัน

หนึ่งเค่อต่อมา เมื่อขบวนทั้งหมดมาถึงหอฉงฮวาอย่างเอิกเกริก

ทันทีที่เย่จิ่งอวี้ลงจากเกี้ยว เขาก็ได้ยินเสียงเด็กร้องไห้

“พวกเจ้าได้ยินเสียงเด็กร้องไห้หรือไม่”

ซูฉ่ายเวยกลัวว่าเย่จิ่งอวี้จะได้รับผลกระทบจากบางสิ่ง และเป็นเหตุที่ต้องทำลายงานเลี้ยงคืนนี้

จึงรีบพูดทันที “หม่อมฉันไม่ได้ยินเพคะ”

หลี่เต๋อฝูพลันนึกถึงข่าวลือเรื่องวังเย็นที่เสี่ยวเสวียนจื่อบอกตัวเอง หนังศีรษะของเขาชาวาบ โค้งคำนับและพูดว่า “กระหม่อมก็ไม่ได้ยินเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อขันทีและนางกำนัลเห็นว่าหลี่เต๋อฝูและหลิงผินบอกว่าไม่ได้ยินอะไรเลย พวกเขาก็ไม่กล้าพูดจาเหลวไหล พวกเขาต่างก็ส่ายศีรษะ

เย่จิ่งอวี้อดไม่ได้ที่จะมองไปทางวังเย็น

หรือว่าตัวเองหูแว่ว

ครั้งล่าสุดที่เขามาหาไป่เสวี่ยเขาได้ยินเสียงร้องไห้ แต่ก็ไม่มีอะไร คงเป็นเพราะเขาตรวจฎีกามากเกินไป เป็นเหตุทำให้หูแว่วก็ได้

เย่จิ่งอวี้ถอนสายตา จากนั้นหลี่เต๋อฝูช่วยประคองเขาไปยังหอฉงฮวา

ซูฉ่ายเวยสั่งให้คนยกอาหารมาทันที เย่จิ่งอวี้กัดไปสองสามคำแต่พบว่ารสชาติจืดชืดมาก ทันใดนั้น เขาก็คิดถึงซาลาเปาและเปี๊ยะมันหมูของอินชิงเสวียน

เมื่อนึกถึงว่าขันทีน้อยเคยคิดว่าตัวเองเป็นองครักษ์ จนแสดงท่าทีเหมือนเป็นพี่น้องกับเขา เย่จิ่งอวี้อดไม่ได้ที่จะยกริมฝีปากขึ้น

เมื่อเห็นฮ่องเต้ยิ้ม ซูฉ่ายเวยคิดว่าเย่จิ่งอวี้ชอบอาหารและสุราที่อยู่บนโต๊ะนี้ จึงรู้สึกตื่นเต้นมาก หากฮ่องเต้มีความสุข คืนนี้เขาอาจจะค้างที่นี่ก็ได้

ขณะที่กำลังจะไปนวดให้ฮ่องเต้ เพื่อรั้งเขาให้อยู่ต่อ เย่จิ่งอวี้ก็ลุกขึ้นยืน

เมื่อคิดว่าวังเย็นอยู่ใกล้กับหอฉงฮวามาก เย่จิ่งอวี้ก็อดนึกถึงบ่าวตัวน้อยเสียมิได้

“วันนี้หลิงผินก็ถูกทำร้ายมามากแล้ว พักผ่อนให้มากๆ เถิด ไว้วันหน้าเราจะมาหาเจ้าใหม่”

สีหน้าของซูฉ่ายเวยเปลี่ยนไปกะทันหัน

“ฝ่าบาท พระองค์จะไม่ทรงอยู่ต่ออีกสักหน่อยหรือเพคะ”

เย่จิ่งอวี้ไม่อยากพูดพล่ามกับนางอีกต่อไป

สะบัดแขนเสื้อ “กลับกันเถอะ”

“ฝ่าบาท...”

ซูฉ่ายเวยต้องการรั้งไว้อีก แต่เมื่อนางเห็นใบหน้าของเย่จิ่งอวี้คล้ำลง ดวงตาหงส์ฉายแววเย็นชา นางก็กลืนคำพูดของตัวเองทันที

หลี่เต๋อฝูตะโกนทันที “เตรียมเสด็จ กลับตำหนักเฉิงเทียน”

เย่จิ่งอวี้พูดเสียงเรียบ “ไม่ต้อง ไปที่วังเย็น”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์