“คือว่า...ประการแรก ฮว๋าเซี่ยไกลเป็นพิเศษ ไปกลับหนึ่งหนอาจใช้เวลาตั้งหลายปี อีกอย่างก็คือ ฮว๋าเซี่ยตั้งอยู่บริเวณทิศตะวันออกบนภูเขาเทพเซียน มีเพียงผู้มีวาสนาเท่านั้นที่จะไปถึง พี่ชายของข้าเองก็มิได้หาฮว๋าเซี่ยพบทุกครั้ง”
อินชิงเสวียนเริ่มพูดไปเรื่อยอีกแล้ว ทว่าหานสือกลับเชื่อ
หากไม่เป็นเช่นนั้น ไม่มีทางที่เขาจะไม่เคยได้ยิน
อดไม่ได้พูดอุทาน “นึกไม่ถึงว่าบนโลกจะมีแดนสวรรค์เช่นนี้ หากยามนี้ข้าไม่ได้เป็นขุนนาง ข้าต้องไปทิศตะวันออกเพื่อค้นหาอย่างแน่นอน”
อินชิงเสวียนมองดูสีหน้าโหยหาของผู้เฒ่าหานจึงรีบเอ่ยต่อ “ใต้เท้าหานดูแลการหาเลี้ยงชีพของราษฎร เป็นความหวังของราษฎรทุกคน นี่เป็นเรื่องใหญ่เหนือสิ่งอื่นใด ท่านจะจากต้าโจวไปได้เช่นไร ฝ่าบาทต้องการใต้เท้า ชาวบ้านยิ่งต้องการท่าน”
คำพูดของอินชิงเสวียนพลันทำให้รอยยิ้มเปื้อนเต็มใบหน้าของหานสือ
“เสี่ยวเสวียนจื่อกงกงยกย่องเกินไปแล้ว นี่ล้วนเป็นหน้าที่ของข้า ต้องขอบคุณเมล็ดของเสี่ยวเสวียนจื่อกงกง เมื่อเป็นเช่นนี้ ราษฎรต้าโจวยิ่งไม่ต้องกังวลเรื่องท้องอิ่มร่างกายอุ่นแล้ว”
อินชิงเสวียนเอ่ยด้วยใบหน้าถ่อมตน “ข้าน้อยเป็นส่วนเสี้ยวหนึ่งของต้าโจว ย่อมต้องทำหน้าที่ของประชาชน ใต้เท้าหานไม่ต้องเกรงใจ”
เมื่อได้ฟังเช่นนี้ ใต้เท้าหานก็อดเลื่อมใสไม่ได้
“นึกไม่ถึงเสี่ยวเสวียนจื่อกงกงมีความเห็นอกเห็นใจเช่นนี้ มิน่าเล่าฝ่าบาททรงเชื่อใจเจ้าเช่นนี้ การที่เจ้าได้เข้าวัง นับว่าเป็นโชคของโอรสแห่งสวรรค์แล้ว”
คนอย่างเขาไม่ชอบเหล่าขันทีที่เอาแต่ประจบสอพลอเป็นที่สุด วันนี้ได้พูดคุยกับอินชิงเสวียน ไม่เพียงทำให้หานสือเปลี่ยนความคิดที่มีต่อขันทีเท่านั้น ในบรรดาคนเหล่านี้ก็ยังมีผู้ที่มีความรู้ความสามารถ แต่ด้วยความจำเป็นจึงต้องเข้าวังมาเป็นข้ารับใช้ ไม่สามารถเหมารวมได้จริงๆ
มองดูใบหน้าดุจดั่งหยกและท่าทางหล่อเหลาของอินชิงเสวียนอีกครั้ง ในใจไม่เพียงนึกเสียดาย หากคนคนนี้ไม่ใช่ขันทีจะต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน
ใต้เท้าหานทอดถอนใจ อินชิงเสวียนกลับกำลังมองดูคนทำงานอยู่ที่ไกลๆ โดยเฉพาะลู่ทงที่แบกถุงอยู่ใบหนึ่ง
ข้างกายเขายังมีเด็กรับใช้สองคนคอยพยุงอยู่ซ้ายขวา ถึงกระนั้นก็ยังคงถูกพวกชาวนารุมดึงยกใหญ่
อินชิงเสวียนทำมือเป็นโทรโข่งและตะโกนหาลู่ทง
“ใต้เท้าลู่ ท่านต้องเร็วหน่อย อีกเดี๋ยวจะถึงเที่ยงตรงแล้ว เมล็ดก็จะปลูกไม่ขึ้นแล้ว”
เสี่ยวอานจื่อปิดปากแอบหัวเราะอยู่ด้านข้าง จากนั้นก็ตะโกนตาม “ใต้เท้าลู่ ออกแรงเพิ่มอีกหน่อยเถอะ อากาศร้อนจะทำให้เมล็ดแห้งตาย”
ใบหน้าลู่ทงคลั่งจนกลายเป็นสีท้องหมูแล้ว เกลียดจนรู้สึกคันรากฟัน ต้องให้ฮองเฮาจัดการขันทีน้อยสองคนนี้ให้ได้
สิ้นสุดยามเฉิน[footnoteRef:1] ทุกคนเริ่มรดน้ำ [1: ยามเฉิน เวลา 07.00 – 08.59 น.
]
เมล็ดที่เหลือรอให้พระอาทิตย์ตกแล้วค่อยปลูกต่อ หลีกเลี่ยงน้ำเย็นเกินไปจะทำให้เมล็ดอ่อนแอจนตาย ทำงานเสร็จแล้วทุกคนก็พักผ่อนใต้ร่มไม้
อินชิงเสวียนคิดถึงเหล่าหลิวไท่ไท่จึงกล่าวกับใต้เท้าหาน “ใต้เท้าพักผ่อนอยู่ที่นี่ก่อน ข้าน้อยมีเรื่องส่วนตัวต้องไปจัดการ ไปเดี๋ยวเดียวก็กลับมา”
ฉินเฉิงและหลี่ชีเดินเข้ามาทันที
อินชิงเสวียนรีบร้อนกล่าว “อากาศร้อนมาก พี่ชายทหารทั้งสองท่านไม่ต้องลำบากตามข้ามาหรอก”
ฉินเฉิงกล่าว “ข้าได้รับสั่งให้ปกป้องเสี่ยวเสวียนจื่อกงกง ท่านไปที่ไหน พวกเราไปที่นั่น เสี่ยวอินเสวียนกงกงไม่ต้องเกรงใจ”
หลี่ชีพูด “เป็นเช่นนั้น”
เสี่ยวอานจื่อพูด “ในเมื่อเป็นความต้องการของฝ่าบาท เจ้าก็อย่าปฏิเสธอีกเลย”
เมื่อเห็นว่าพวกเขาต้องตามมาเสียให้ได้ อินชิงเสวียนจนปัญญา ทำได้เพียงพาพวกเขามาถึงบ้านเหล่าหลิวไท่ไท่
เหล่าหลิวไท่ไท่เพิ่งขายข้าวหมดกลับมา เห็นอินชิงเสวียนก็ดีใจ พูดอย่างตื่นเต้น “เจ้ากลับมาแล้ว!”
นางเป็นคนฉลาด พอเห็นอีกสามคนที่อยู่ด้านหลังอินชิงเสวียนก็กลืนคำพูดลงไปอีกครั้ง
จากนั้นก็ตะโกนเข้าไปในบ้าน “ต้าฮวา เอ้อชิง ซานชิง รีบออกมาเร็ว พ่อพวกเจ้ากลับมาแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...