สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 75

“คือว่า...ประการแรก ฮว๋าเซี่ยไกลเป็นพิเศษ ไปกลับหนึ่งหนอาจใช้เวลาตั้งหลายปี อีกอย่างก็คือ ฮว๋าเซี่ยตั้งอยู่บริเวณทิศตะวันออกบนภูเขาเทพเซียน มีเพียงผู้มีวาสนาเท่านั้นที่จะไปถึง พี่ชายของข้าเองก็มิได้หาฮว๋าเซี่ยพบทุกครั้ง”

อินชิงเสวียนเริ่มพูดไปเรื่อยอีกแล้ว ทว่าหานสือกลับเชื่อ

หากไม่เป็นเช่นนั้น ไม่มีทางที่เขาจะไม่เคยได้ยิน

อดไม่ได้พูดอุทาน “นึกไม่ถึงว่าบนโลกจะมีแดนสวรรค์เช่นนี้ หากยามนี้ข้าไม่ได้เป็นขุนนาง ข้าต้องไปทิศตะวันออกเพื่อค้นหาอย่างแน่นอน”

อินชิงเสวียนมองดูสีหน้าโหยหาของผู้เฒ่าหานจึงรีบเอ่ยต่อ “ใต้เท้าหานดูแลการหาเลี้ยงชีพของราษฎร เป็นความหวังของราษฎรทุกคน นี่เป็นเรื่องใหญ่เหนือสิ่งอื่นใด ท่านจะจากต้าโจวไปได้เช่นไร ฝ่าบาทต้องการใต้เท้า ชาวบ้านยิ่งต้องการท่าน”

คำพูดของอินชิงเสวียนพลันทำให้รอยยิ้มเปื้อนเต็มใบหน้าของหานสือ

“เสี่ยวเสวียนจื่อกงกงยกย่องเกินไปแล้ว นี่ล้วนเป็นหน้าที่ของข้า ต้องขอบคุณเมล็ดของเสี่ยวเสวียนจื่อกงกง เมื่อเป็นเช่นนี้ ราษฎรต้าโจวยิ่งไม่ต้องกังวลเรื่องท้องอิ่มร่างกายอุ่นแล้ว”

อินชิงเสวียนเอ่ยด้วยใบหน้าถ่อมตน “ข้าน้อยเป็นส่วนเสี้ยวหนึ่งของต้าโจว ย่อมต้องทำหน้าที่ของประชาชน ใต้เท้าหานไม่ต้องเกรงใจ”

เมื่อได้ฟังเช่นนี้ ใต้เท้าหานก็อดเลื่อมใสไม่ได้

“นึกไม่ถึงเสี่ยวเสวียนจื่อกงกงมีความเห็นอกเห็นใจเช่นนี้ มิน่าเล่าฝ่าบาททรงเชื่อใจเจ้าเช่นนี้ การที่เจ้าได้เข้าวัง นับว่าเป็นโชคของโอรสแห่งสวรรค์แล้ว”

คนอย่างเขาไม่ชอบเหล่าขันทีที่เอาแต่ประจบสอพลอเป็นที่สุด วันนี้ได้พูดคุยกับอินชิงเสวียน ไม่เพียงทำให้หานสือเปลี่ยนความคิดที่มีต่อขันทีเท่านั้น ในบรรดาคนเหล่านี้ก็ยังมีผู้ที่มีความรู้ความสามารถ แต่ด้วยความจำเป็นจึงต้องเข้าวังมาเป็นข้ารับใช้ ไม่สามารถเหมารวมได้จริงๆ

มองดูใบหน้าดุจดั่งหยกและท่าทางหล่อเหลาของอินชิงเสวียนอีกครั้ง ในใจไม่เพียงนึกเสียดาย หากคนคนนี้ไม่ใช่ขันทีจะต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน

ใต้เท้าหานทอดถอนใจ อินชิงเสวียนกลับกำลังมองดูคนทำงานอยู่ที่ไกลๆ โดยเฉพาะลู่ทงที่แบกถุงอยู่ใบหนึ่ง

ข้างกายเขายังมีเด็กรับใช้สองคนคอยพยุงอยู่ซ้ายขวา ถึงกระนั้นก็ยังคงถูกพวกชาวนารุมดึงยกใหญ่

อินชิงเสวียนทำมือเป็นโทรโข่งและตะโกนหาลู่ทง

“ใต้เท้าลู่ ท่านต้องเร็วหน่อย อีกเดี๋ยวจะถึงเที่ยงตรงแล้ว เมล็ดก็จะปลูกไม่ขึ้นแล้ว”

เสี่ยวอานจื่อปิดปากแอบหัวเราะอยู่ด้านข้าง จากนั้นก็ตะโกนตาม “ใต้เท้าลู่ ออกแรงเพิ่มอีกหน่อยเถอะ อากาศร้อนจะทำให้เมล็ดแห้งตาย”

ใบหน้าลู่ทงคลั่งจนกลายเป็นสีท้องหมูแล้ว เกลียดจนรู้สึกคันรากฟัน ต้องให้ฮองเฮาจัดการขันทีน้อยสองคนนี้ให้ได้

สิ้นสุดยามเฉิน[footnoteRef:1] ทุกคนเริ่มรดน้ำ [1: ยามเฉิน เวลา 07.00 – 08.59 น.

]

เมล็ดที่เหลือรอให้พระอาทิตย์ตกแล้วค่อยปลูกต่อ หลีกเลี่ยงน้ำเย็นเกินไปจะทำให้เมล็ดอ่อนแอจนตาย ทำงานเสร็จแล้วทุกคนก็พักผ่อนใต้ร่มไม้

อินชิงเสวียนคิดถึงเหล่าหลิวไท่ไท่จึงกล่าวกับใต้เท้าหาน “ใต้เท้าพักผ่อนอยู่ที่นี่ก่อน ข้าน้อยมีเรื่องส่วนตัวต้องไปจัดการ ไปเดี๋ยวเดียวก็กลับมา”

ฉินเฉิงและหลี่ชีเดินเข้ามาทันที

อินชิงเสวียนรีบร้อนกล่าว “อากาศร้อนมาก พี่ชายทหารทั้งสองท่านไม่ต้องลำบากตามข้ามาหรอก”

ฉินเฉิงกล่าว “ข้าได้รับสั่งให้ปกป้องเสี่ยวเสวียนจื่อกงกง ท่านไปที่ไหน พวกเราไปที่นั่น เสี่ยวอินเสวียนกงกงไม่ต้องเกรงใจ”

หลี่ชีพูด “เป็นเช่นนั้น”

เสี่ยวอานจื่อพูด “ในเมื่อเป็นความต้องการของฝ่าบาท เจ้าก็อย่าปฏิเสธอีกเลย”

เมื่อเห็นว่าพวกเขาต้องตามมาเสียให้ได้ อินชิงเสวียนจนปัญญา ทำได้เพียงพาพวกเขามาถึงบ้านเหล่าหลิวไท่ไท่

เหล่าหลิวไท่ไท่เพิ่งขายข้าวหมดกลับมา เห็นอินชิงเสวียนก็ดีใจ พูดอย่างตื่นเต้น “เจ้ากลับมาแล้ว!”

นางเป็นคนฉลาด พอเห็นอีกสามคนที่อยู่ด้านหลังอินชิงเสวียนก็กลืนคำพูดลงไปอีกครั้ง

จากนั้นก็ตะโกนเข้าไปในบ้าน “ต้าฮวา เอ้อชิง ซานชิง รีบออกมาเร็ว พ่อพวกเจ้ากลับมาแล้ว”

เด็กสามคนวิ่งออกมาจากภายในบ้าน เห็นอินชิงเสวียนก็ล้วนรู้สึกสนิทสนมเป็นอย่างยิ่ง โผเข้ามาหาติดต่อกัน แม้พวกเขารู้ว่าอินชิงเสวียนไม่ใช่พ่อของตนเอง แต่หากไม่ใช่เพราะนาง ครอบครัวนี้คงไม่มีแม้แต่ข้าวให้กินอิ่มสักมื้อ

ตอนนี้ได้ตามย่าออกไปขายข้าวขายแป้งทั้งวัน ไม่เพียงได้กินอิ่ม ทั้งยังสามารถซื้อผักซื้อเนื้อ ซื้อก้อนน้ำตาลกิน ในใจย่อมมีความรู้สึกตื้นตัน

“พ่อ ท่านกลับมาแล้ว”

“พวกเราคิดถึงท่านมาก”

ไม่พบกันหลายวัน เด็กสามคนอวบอ้วนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าเล็กขาวสะอาดขึ้นไม่น้อย มองดูสีหน้าเหล่าหลิวไท่ไท่ก็ดูไม่เลว อินชิงเสวียนอดหัวเราะไม่ได้

“พ่อเองก็คิดถึงพวกเจ้า ท่านเหล่านี้คือสหายร่วมหอพักของพ่อ รีบเรียกท่านลุงเร็ว”

เด็กสามคนหันไปคำนับฉินเฉิง หลี่ชีและเสี่ยวอานจื่ออย่างคล่องแคล่ว

“คารวะท่านลุงทุกท่าน”

เสี่ยวอานจื่อเคยได้พบเด็กๆ แล้วและไม่ได้คิดมาก ฉินเฉิงและหลี่ชีอดไม่ได้ที่จะสงสัย นึกไม่ถึงว่าเสี่ยวเสวียนจือจะมีลูกสามคนโตขนาดนี้แล้ว!

มีลูกยังเข้าวังเป็นขันที พวกเขาเพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก

เหล่าหลิวไท่ไท่รีบพาทุกคนเข้าไปในบ้าน

“อากาศร้อน รีบเข้ามาที่เย็นๆ สบายๆ ต้าฮวาเอ๋ย รีบรินน้ำให้พวกลุงเร็ว”

ต้าฮวาขานรับ หยิบกาไปรินน้ำชา อินชิงเสวียนรีบพาทุกคนเข้าไปในบ้าน

“กลางวันแล้ว กินข้าวที่นี่เถอะ เดี๋ยวข้าจะทำอาหารให้พวกเจ้า”

เสี่ยวอานจื่ออดเลียริมฝีปากไม่ได้

“เสี่ยวเสวียนจื่อ ทำเปี๊ยะมันหมูให้พวกเรากินได้หรือไม่”

อินชิงเสวียนหัวเราะ “ไม่มีปัญหา”

นางเดินออกจากห้อง เหล่าหลิวไท่ไท่เดินตามออกมา พาอินชิงเสวียนมาถึงห้องด้านข้าง จากนั้นพรวดคุกเข่าลงกับพื้นทันที

“ขอบคุณผู้มีพระคุณ หากไม่มีท่าน พวกเราคงไม่มีชีวิตต่อไปแล้ว”

อินชิงเสวียนรับพยุงเหล่าหลิวไท่ไท่ขึ้นมา

“ไม่ต้องเกรงใจ มีคนถามที่มาของเมล็ดข้าวท่านหรือไม่”

เหล่าหลิวไท่ไท่พูด “มีคนถามจริง ข้าทำตามคำพูดของผู้มีพระคุณ บอกว่าของพวกนี้ขนมาจากฮว๋าเซี่ย”

นางเขย่งเท้า หยิบถุงผ้าออกมาจากคานบ้าน ด้านในเป็นเศษเงินและตั๋วเงินร้อยตำลึงหนึ่งใบ

“เงินเหล่านี้มีประมาณสามสิบตำลึง ยังไม่พอแลกตั๋วเงินหนึ่งใบ ส่วนที่พอแลกตั๋วเงิน ข้าแลกให้ผู้มีพระคุณแล้ว ผู้มีพระคุณกลับมาพอดี พกตั๋วเงินติดตัวไปด้วยเถิด”

อินชิงเสวียนรับตั๋วเงินมา พูดหัวเราะ “เงินที่เหลือท่านเก็บไว้ใช้เถอะ ขายได้เท่าใดก็เท่านั้น ข้าไม่รีบใช้”

เหล่าหลิวไท่ไท่พูดด้วยสีหน้าตื้นตัน “ทุกวันข้าใช้เงินซื้อผัก บางครั้งยังซื้อเนื้อ แค่นี้ก็ดีมากแล้ว ไม่กล้าใช้เงินของผู้มีพระคุณอีกแล้ว”

อินชิงเสวียนพยักหน้า “อย่าขาดทุนเข้าเนื้อตนเองก็พอ”

ความปรารถนาของคนเป็นดั่งร่องน้ำภูเขาที่เติมไม่เคยเต็ม นางให้เหล่าหลิวไท่ไท่มากเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดี

เหล่าหลิวไท่ไท่พูดด้วยความซาบซึ้ง “ขอบคุณผู้มีพระคุณ ขอบคุณผู้มีพระคุณ”

“คำพูดเกรงใจก็ไม่ต้องพูดแล้ว เอาแป้งออกมาเถอะ ไปซื้อน้ำมันหมู ยามเที่ยงข้าค่อยสอนเจ้าทำอาหารจากแป้ง”

อินชิงเสวียนเดินเข้าไปยังบ้านที่ตัวเองซื้อ

ข้าวและแป้งข้างในยังเหลืออีกมาก ยังไม่ต้องเทขายชั่วคราว นึกถึงสองทหารองครักษ์ที่เผชิญดวงอาทิตย์แผดเผา ติดตามตนด้วยความยากลำบากมาตลอดทาง นางจึงเข้าไปในมิติหยิบแตงโมสองลูกใหญ่ออกมา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์