อินชิงเสวียนถือแตงโมเข้าห้องครัวใช้มีดตัดแบ่งเป็นหลายชิ้น แบ่งให้พวกเด็กๆ และฉินเทียนทั้งสามคน
ทุกคนล้วนไม่เคยเห็นแตงโมมาก่อน อดตะลึงไม่ได้
เสี่ยวอานจื่อถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ “นี่คือ...”
“นี่คือแตงโมชองฮว๋าเซี่ย พวกเจ้ารีบชิมดูสิ ในบ้านเราเหลือไม่กี่ลูกแล้ว”
พอทุกคนลองชิมไปหนึ่งคำ ดวงตาแต่ละคนเบิกกว้าง เพียงรู้สึกถึงรสชาติหวานเย็นไหลจากลำคอลงไป คล้ายกับทั้งร่างสดชื่นขึ้นไม่น้อย
ซานชิงอายุน้อย กินไปหนึ่งคำก็อดถามขึ้นไม่ได้ “ท่านพ่อ ทำไมข้าไม่เคยเห็นมันในบ้านเรามาก่อนขอรับ”
ต้าฮวาลนลานรีบปิดปากซานชิง
“อย่าพูดไร้สาระ พวกเราออกไปกินนอกบ้าน”
อินชิงเสวียนเหลือบมองลูกสาวคนโตอย่างเห็นด้วย จากนั้นก็ยื่นแตงโมให้พวกเขา
ต้าฮวาใช้มือถือแตงโมไว้ เดินนำน้องชายทั้งสองคนไปยังกลางลานบ้าน
ทั้งสามคนในห้องไม่ได้คิดอะไรมาก ที่สำคัญคือพวกเขาเองก็เคยได้ยินชื่อแคว้นฮว๋าเซี่ย ที่นั่นจะมีผลไม้ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนก็ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไร
ฉินเทียนกินไปสองชิ้นแต่ก็ยังไม่หนำใจ เอ่ยขึ้นว่า “แตงโมนี้อร่อยมาก หากไม่ได้ตามเสี่ยวเสวียนจื่อมา จะไปกินแตงโมแสนอร่อยขนาดนี้ได้ที่ไหนกัน”
เสี่ยวอานจื่อหัวเราะแหะๆ “อาหารที่เสี่ยวเสวียนจื่อทำเป็นยังมีอีกมากมาย วันนี้นับว่าพวกเจ้ามีลาภปากแล้ว”
ระหว่างพูดคุย เหล่าหลิวไท่ไท่ซื้อน้ำมันหมูกลับมาแล้ว ทั้งยังซื้อผักหลายชนิดกลับมาด้วย
อินชิงเสวียนนำแตงโมครึ่งลูกที่เก็บไว้ออกมาให้นาง พูดด้วยความห่วงใยว่า “ออกไปข้างนอกร้อนแย่แล้ว รีบกินดับกระหายหน่อยเถอะ”
“ไม่ร้อนหรอก ข้าชินแล้ว”
เหล่าหลิวไท่ไท่กินไปหนึ่งคำและรู้สึกประหลาดใจเพราะเจ้าของสิ่งนี้มันอร่อยมาก จากนั้นก็หันไปมองเปลือกแตงโมและถามด้วยความแปลกใจ “เจ้าของสิ่งนี้หรือว่าจะเป็นแตงเขียวน้อยที่ข้าปลูกไว้ในสวน”
“เอ๋ แตงของเจ้าออกผลแล้ว?”
อินชิงเสวียนสงสัย
เหล่าหลิวไท่ไท่พานางมายังลานบ้าน เอาแตงโมงที่ตัวเองปลูกส่งให้อินชิงเสวียน
อินชิงเสวียนก้มตัวลงไปมอง สุดท้ายก็สัมผัสกับลูกแตงเขียวน้อยขนาดเท่ากำปั้น
นี่มันเร็วเกินไปแล้ว เวลาผ่านไปเพียงเจ็ดแปดวัน นึกไม่ถึงว่าแตงโมจะโตขนาดนี้แล้ว
“หรือว่าเจ้าใส่อะไรพิเศษให้กับเมล็ดพันธ์”
เหล่าหลิวไท่ไท่ส่ายหน้า
“ไม่มี แค่รดด้วยน้ำในบ้าน”
ทันใดนั้นก็เหมือนนึกอะไรบางอย่างได้ “ข้านึกออกแล้ว มีวันหนึ่งจู่ๆ ก็ฝนตกหนักอยู่หลายชั่วยาม กระทั่งวันที่สองแตงของข้าก็งอกออกมาแล้ว”
อินชิงเสวียนเข้าใจขึ้นมาทันใด คิดว่าเป็นผลมาจากฝนตกในวันนั้น
ทว่าไม่รู้ว่าขนาดพื้นที่ฝนตกนั้นกว้างมากน้อยเพียงใด หากสามารถตกไปทั่วแคว้นได้ หนึ่งร้อยคะแนนสะสมของนางนี้ก็นับว่าคุ้มค่าแล้ว
“ดูแลต้นอ่อนเหล่านี้ให้ดีเถอะ รอจนมันโตขนาดนี้ก็กินได้แล้ว กินไม่หมดก็เอาไปขาย ใช้เวลาไม่นาน เจ้าสิ่งนี้ก็จะลงหลักปักฐานอยู่ที่ต้าโจว ถึงตอนนั้นก็ไม่ต้องกลัวใครมาถามแหล่งที่มาจากเจ้าแล้ว”
หลิวเหล่าไท่ไท่พยักหน้าหงึกๆ
“วางใจเถอะ ข้าจะเฝ้าดูแลต้นอ่อนเหล่านี้ให้ดี น้ำมันหมูข้าซื้อกลับมาแล้ว ต้องผสมกับแป้งอย่างไร ทำเหมือนทำเส้นบะหมี่ได้ไหม”
“ข้าทำเอง แป้งชนิดนี้เหมาะกับการใช้น้ำเย็นครึ่งหนึ่งและน้ำร้อนครึ่งหนึ่งผสมกันที่สุด รสสัมผัสค่อนข้างนุ่ม”
อินชิงเสวียนม้วนแขนเสื้อ ตักแป้งมาหนึ่งกะละมัง
ใต้เท้าหานเป็นคนไม่เลว อินชิงเสวียนจึงเตรียมเอาไปให้เขาชิมสักหน่อย
เหล่าหลิวไท่ไท่มองดูอยู่ด้านข้าง จดจำขั้นตอนการทำแป้งของอินชิงเสวียนไว้ในใจ แป้งขึ้นฟูสักพักก็เริ่มแบ่งคลึงแป้งและทอดเปี๊ยะ เดิมทีหากใช้น้ำมันถั่วเหลืองจะดีกว่า เปี๊ยะที่ทอดอกมาจะมีสีเหลืองทอง แต่ขวดบรรจุน้ำมันถั่วเหลืองนั้นน่ะสิ คงยากจะอธิบายให้ผู้คนในยุคนี้เข้าใจได้ อินชิงเสวียนก็ไม่อยากเปลืองแรง เลยใช้น้ำมันหมูทอดเสียเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...
คนที่แสดงตัวเป็นพี่ใหญ่ไม่น่าจะเป็นตัวจริงเพราะมีพฤติกรรมลับลมคมในเรื่องต่างๆและทำให้เรื่องต่างๆแย่ลง เหมือนว่าจะหลงรักน้องสาวตัวเองเลยไม่รู้ว่าเป็นน้องแท้ๆหรือเปล่า...
มีคนเล่นตุกติกกับชุดของเด็กแล้วอยู่ในวังต้องระมัดระวังก็รู้อยู่นะคราวนี้ผ่านมาทางคนที่สนิท...
ดีจริงแทนที่จะเสียคะแนนได้คะแนนมาเพิ่มอีก...
ทางด้านกลยุทธ์น่าจะได้แต่ทางด้านวรยุทธหรือพละกำลังน่าจะไม่ไหวดังนั้นต้องพิสูจน์ตัวเอง...
อายุยังไม่ทันถึง 6 เดือนเลยละมั้งทำไมพูดคุยได้แล้วเก่งจริง...
โกหกครั้งหนึ่งก็ต้องโกหกต่อๆไป...
ความแตกแล้วมั้งเนี่ย...
เกือบไปแล้ว...