สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 77

อินชิงเสวียนพูดยิ้มแย้ม “วิธีการทำอาหารจากแป้งยังมีอีกมากมาย สามารถนึ่งเป็นซาลาเปา ห่อเกี๊ยว ทำเส้นบะหมี่ รอให้ข้าวสาลีสุก ข้าจะออกตำราเรียน สอนประชากรต้าโจวทำอาหารจากแป้ง”

หานสือพยักหน้าหงึกๆ “เช่นนั้นก็ดีเสียจริง”

ระหว่างพูดคุยก็กินเปี๊ยะหมดไปหนึ่งแผ่น เขาห่อที่เหลือในกระดาษอย่างระมัดระวัง เก็บซ่อนไว้ในอกเสื้อ เตรียมนำกลับไปให้ภรรยาและลูกชาย

ลู่ทงหันหน้ามา เห็นหานสือรับของจากมืออินชิงเสวียนแล้วเก็บไว้ในหน้าอก เขาอดแค่นหัวเราะไม่ได้ คิดว่าขันทีน้อยคนนี้กำลังติดสินบนหานสือ พรุ่งนี้เขามีฎีกาให้ถวายแล้ว

ชั่วพริบตา ดวงอาทิตย์เคลื่อนย้ายไปทางตะวันตก ชาวนาลุกขึ้นมาหว่านเมล็ดพันธุ์

หานสือตะโกนจากที่ไกลๆ “ใต้เท้าลู่ รีบลุกขึ้นเถอะ ทำงานเสร็จเร็วก็กลับบ้านเร็ว”

ลู่ทงทำเสียงฮึดฮัดลุกขึ้นจากพื้น เด็กรับใช้สองคนตามข้าหลังเขาด้วยความกระตือรือร้น ทำงานกันจนดวงอาทิตย์ตกดิน หานสือถึงให้ทุกคนเลิกงานพักผ่อน

“หมดวันแล้ว เสี่ยวเสวียนจื่อกงกงรีบกลับไปเถอะ”

อินชิงเสวียนประสานมือคารวะ

“ใต้เท้าหานทำงานหนักมาทั้งวันก็พักผ่อนเถอะ พวกเรากลับวังไปรายงานผลปฏิบัติงาน”

หานสือหัวเราะเหอะๆ “ได้ หากมีวาสนาพวกเราค่อยพบกันอีก ขนมเปี๊ยะนี่ข้าไม่เกรงใจแล้ว”

ทุกคนบอกลาใต้เท้าหานแล้วขี่ม้ากลับวัง

เมื่อมาถึงประตูจิ้งอาน โหราจารย์ยังคงคุกเข่าอยู่ตรงนั้น อินชิงเสวียนรู้สึกทนไม่ได้

เป็นเพราะนางไม่ระวังปล่อยน้ำพุวิญญาณออกมา ทำให้เกิดฝนตกหนัก ก็ไม่ควรปล่อยให้คนอื่นมารับเคราะห์แทนตน

ทั้งสี่คนมาถึงยังตำหนักเฉิงเทียน เย่จิ่งอวี้กำลังดูตำราอยู่ภายในห้อง ในตำหนักแสงไฟสว่างไสว

หลี่เต๋อฝูได้รับรายงานจึงเดินเข้าประตูแล้วพูด “ฝ่าบาท เสี่ยวเสวียนจื่อกลับมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

เย่จิ่งอวี้วางตำราม้วนไม้ไผ่ ขมวดคิ้วพูดว่า “ให้เขาเข้ามา”

ครู่ต่อมา ทั้งสี่คนเดินเข้ามาด้านใน คุกเข่าถวายบังคม

“กระหม่อมถวายบังคม ฝ่าบาทอายุยืนหมื่นปี หมื่นๆ ปี!”

“ลุกขึ้นเถอะ”

เย่จิ่งอวี้พิงพนักเก้าอี้ ค่อยๆ ผ่อนคลายความรู้สึกเกร็งไหล่และคอ

“ภารกิจเป็นเช่นไร”

อินชิงเสวียนกราบทูล “หว่านเมล็ดพันธุ์เสร็จเรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างราบรื่นพ่ะย่ะค่ะ”

เย่จิ่งอวี้ขานรับ พูดกับฉินเฉิงและหลี่ชี “พวกเจ้าสองคนออกไปก่อนเถอะ”

ทั้งสองคนโค้งคำนับแล้วถอยออกมา เย่จิ่งอวี้มองอินชิงเสวียนอีกครั้ง

เวลาเพียงแค่หนึ่งวัน ใบหน้าของอินชิงเสวียนถูกแดดเผาจนแดงก่ำ ริมฝีปากลอกเป็นชั้น

เย่จิ่งอวี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย

“พวกเจ้าก็กลับไปเถอะ คืนนี้ไม่ต้องเฝ้ายามแล้ว”

เสี่ยวอานจื่อพูดด้วยความดีใจ “ขอบพระทัยฝ่าบาท”

อินชิงเสวียนลังเลชั่วครู่จึงพูดขึ้น “ตอนที่กระหม่อมออกจากวังจิ้งอาน เห็นว่ามีผู้หนึ่งคุกเข่าหน้าประตูวัง ได้ยินเสี่ยวอานจื่อบอกว่าเป็นเป็นใต้เท้าโหราจารย์”

ดวงตาเย่จิ่งอวี้เข้มขึ้นหลายส่วน “เจ้าอยากพูดอะไรกันแน่”

อินชิงเสวียนกระแอม “กระหม่อมคิดว่าใต้เท้าคุกเข่าทั้งวันก็พอสมควรแล้ว กระหม่อมจึงอยากขอร้องแทนเขา”

ดวงตาเย่จิ่งอวี้หรี่ลง ถามอย่างมีความนัย “เจ้ามีความสัมพันธ์ใดกับโหราจารย์”

อินชิงเสวียนพูดด้วยความลนลาน “กระหม่อมมิได้รู้จักใต้เท้าโหราจารย์ เพียงรู้สึกว่าอากาศร้อนจัด หากใต้เท้าร้อนจนสลบไปจะกระทบต่อพระราชกิจของฝ่าบาท”

เย่จิ่งอวี้ลุกขึ้นแล้วพูดว่า “ช่างเถอะ เห็นแก่ที่ปกติการคำนวณของเขาค่อนข้างแม่นยำ ข้าก็จะไม่ถือสาหาความเขาแล้ว หลี่เต๋อฝู ถ่ายทอดคำสั่งให้โหราจารย์กลับไปเถอะ”

“พ่ะย่ะค่ะ”

หลี่เต๋อฝูรับราชโองการฝ่าบาท เดินไปยังประตูจิ้งอาน

โหราจารย์อดตื่นตระหนกไม่ได้

“หลี่กงกง ฝ่าบาททรงตัดสินลงอาญาแล้วใช่หรือไม่”

หลี่เต๋อฝูพูดว่า “เปล่า มีคนขอร้องแทนเจ้าแล้ว”

“เอ๋ ผู้ใดกัน”

โหราจารย์อดแปลกใจไม่ได้

หลี่เต๋อฝูยิ้มแล้วพูดว่า “ใต้เท้าใช้นิ้วคำนวณโชคชะตาชีวิตได้ หรือท่านยังเดาไม่ออกว่าใครเป็นคนขอร้องแทนท่าน”

โหราจารย์ลุกขึ้นพูด “สามารถคำนวณได้พอประมาณ แต่ไม่สามารถเดาได้เป็นรูปธรรมหลี่กงกงโปรดชี้แนะด้วย”

“เป็นขันทีน้อยคนหนึ่งที่อยู่ข้างพระวรกายฝ่าบาท ชื่อเสี่ยวเสวียนจื่อ เขาได้รับคำสั่งให้ออกจากวังเมื่อเช้า พวกท่านคงเคยพบหน้ากัน”

เมื่อได้ฟังหลี่เต๋อฝูพูด โหราจารย์นึกถึงขันทีน้อยรูปร่างหน้าตางดงามคนนั้นขึ้นได้ทันที

หรือคนที่ช่วยตนก็คือเขา

แต่โหงวเฮ้งของคนผู้นั้นเป็นของสตรีชัดๆ หรือว่าเขา...

โหราจารย์กำลังใช้ความคิด หลี่เต๋อฝูกลับพูดขึ้น “ใต้เท้าเชิญเถอะ ข้าน้อยต้องกลับไปพักผ่อนแล้ว”

โหราจารย์ประสานมือคารวะ “ขอบคุณหลี่กงกง ขอให้หลี่กงกงช่วยบอกเสี่ยวเสวียนจื่อกงกงผู้นั้นแทนข้าด้วย หากมีโอกาสจะต้องขอบคุณเขาต่อหน้า”

“ได้ ขอตัวแล้ว”

หลี่เต๋อฝูประสานมือคารวะและเดินจากไป

แม้ว่าเขาจะชิงรักหักสวาทกับเสี่ยวเสวียนจื่อ ทว่าก็ไม่คิดแย่งความดีความชอบของเขา สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับหลี่เต๋อฝูก็คือพระทัยของฝ่าบาท...

...

ณ ตำหนักเฉิงเทียน

อินชิงเสวียนโค้งคำนับกล่าวขอบคุณและจากไปพร้อมกับเสี่ยวอานจื่อ

เมื่อกลับถึงหอพัก เสี่ยวอานจื่อเหนื่อยมากจึงนอนกางแขนกางขาอยู่บนเตียง

ทว่าอินชิงเสวียนยังคงกระปรี้กระเปร่า คงเป็นผลมาจากน้ำพุวิญญาณ เพียงแต่ผิวหน้ารู้สึกแสบจากการตากแดด ผิวหนังถูกเผาอย่างเลี่ยงไม่ได้ อินชิงเสวียนหยิบแผ่นหน้ากากสีดำออกมาจากอก หลังจากล้างหน้าแล้วก็แปะลงบนหน้า

เพิ่งจะแปะลงบนหน้า ขันทีน้อยคนหนึ่งก็เดินเข้ามาข้างใน เห็นอินชิงเสวียนหน้าดำเมื่อม โผล่มาเพียงตา จมูก ปาก ก็ร้องออกมาด้วยความตกใจและทรุดนั่งลงกับพื้น

เสี่ยวอานจื่อเงยหน้ามองก็ตกใจเช่นกัน

อินชิงเสวียนรีบพูดว่า “ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัว นี่คือแผ่นหน้ากากของฮว๋าเซี่ย สามารถฟื้นฝูผิวได้ น้องชายท่านนี้ เจ้ามีที่นี่มีเรื่องใดหรือ”

เมื่อเห็นอินชิงเสวียนถอดแผ่นหน้ากากออก ขันทีน้อยถึงเข้าใจ บนหน้านางแปะของไว้อีกชั้นหนึ่ง

ขันทีน้อยลุกขึ้นจากพื้นด้วยท่าทางตกใจ

“เสี่ยวอานจื่อ เสี่ยวซานจื่อหาเจ้า บอกให้เจ้าไปพบ”

เสี่ยวอานจื่อขานรับและลุกขึ้นมาอย่างไม่เต็มใจ โอกาสที่ฝ่าบาทไม่ต้องให้เขาอยู่เฝ้ายามนั้นหาได้ยาก เขากะจะนอนพักผ่อนให้ดีทั้งคืนสักหน่อย

หลังจากที่เสี่ยวอานจื่อจากไป ขันทีน้อยที่อยู่หน้าประตูพลันเดินไปหาอินชิงเสวียนและยัดกระดาษข้อความหนึ่งให้กับนาง

“นี่คือของที่อันผิงอ๋องสั่งให้ข้ามอบให้เจ้า เขาบอกว่าหลังจากที่เจ้าอ่านแล้วก็จะรู้ว่าควรทำอย่างไร”

ไม่รอให้อินชิงเสวียนได้สติ ขันทีน้อยก็จากไปแล้ว

อินชิงเสวียนรีบคลี่กระดาษ เห็นเพียงอักษรไม่กี่ตัวที่ปรากฏอยู่บนนั้น

หากไม่อยากให้ตัวตนถูกเปิดเผย ลอบสังหารเย่จิ่งอวี้ทันที!

อินชิงเสวียนตกใจ รีบเผากระดาษแผ่นนั้นทิ้ง

เย่จิ่งเย่าเจ้าคนสารเลว นึกไม่ถึงว่าจะกล้าข่มขู่นาง!

เย่จิ่งอวี้มีวรยุทธ์ติดตัว ต่อให้นางดื่มน้ำพุวิญญาณ มีแรงเยอะกว่าคนทั่วไปอยู่บ้าง แต่ก็ยังไม่ถึงจุดที่สามารถเอาชนะเย่จิ่งอวี้ได้

แค่คำพูดเล็กน้อยไม่กี่ประโยคของสวะผู้นี้ คิดจะส่งให้นางไปตาย นี่สมองเขาคงไม่ได้ถูกเจาะจงกลวงแล้วหรอกนะถึงคิดเช่นนี้ได้

อินชิงเสวียนถ่มน้ำลาย นอนลงบนตั่ง จากนั้นก็ขมวดคิ้วเครียด

หากเย่จิ่งเย่าเปิดโปงตัวตนของนางจริงจะทำเช่นไร

ฝ่าบาททรงเกลียดเจ้าของร่างเดิมเข้ากระดูก หากรู้ว่านางก็คืออินชิงเสวียน นางต้องถูกตัดสินความผิดฐานหลอกลวง ถึงตอนนั้นหัวต้องหลุดออกจากบ่าแน่ๆ

ไม่ได้การแล้ว ต้องหาโอกาสให้ตัวเองได้ป้ายทองอภัยโทษให้ได้

รักษาชีวิตน้อยๆ ไว้ก่อน อย่างอื่นค่อยว่ากัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์