อาซือหลานก็มองเห็นอินชิงเสวียนเช่นกัน
ชุดกระโปรงพับกลีบสีชมพูเข้าคู่กับสาวน้อยที่มีความสวยบริสุทธิ์และอ่อนโยน สง่างามและมีเสน่ห์ ราวกับดอกลิลลี่ที่กำลังเบ่งบาน งดงามไม่ซ้ำใคร หยิ่งในศักดิ์ศรีจนยากจะเอื้อมถึง
เขากระตุกมุมปากขึ้นมาอย่างไม่อาจห้ามใจได้ ในหัวใจก็ผุดความหวังลึกๆ ขึ้นมา
เมื่อมองเย่จิ่งอวี้ที่อยู่ข้างกายของนาง รอยยิ้มของอาซือหลานก็หุบลง ดวงตาราวกับงูพิษที่แสดงความแค้นจนไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้
เป็นเพียงแค่สุนัขฮ่องเต้ แทบไม่มีคู่ควรจะยืนข้างกายอินชิงเสวียนเลยด้วยซ้ำ เขาเหมาะสมที่จะเป็นคู่ครองของชิงเสวียนมากกว่าเสียอีก มีเพียงแค่เขาที่สามารถมอบความสุขอันยิ่งใหญ่ที่สุดให้แก่อินชิงเสวียนได้
ในหัวสมองมีเค้าโครงภาพแบบนั้นแบบนี้ อาซือหลานรู้สึกถึงอาการร้อนวูบวาบในท้อง และนิ้วมือก็สั่นเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้
เมื่อรู้สึกถึงดวงตาทั้งสองข้างที่จ้องมองมาที่ตัวเอง อินชิงเสวียนก็รู้สึกขนลุกทั่วทั้งตัวขึ้นมาในทันที สุนัขชั้นต่ำ วันนี้ก็คือวันตายของเจ้า!
เจ้าสำนักเซี่ยวนั่งลงด้านข้างของเฮ่ออวิ๋นทง
“เมื่อวานสำนักกระบี่สังหารเกิดการสูญเสียอะไรบ้าง?”
เฮ่ออวิ๋นทงพูดด้วยจิตวิญญาณที่เต็มเปี่ยม “ผู้ตายและผู้บาดเจ็บรวมกันได้สามสิบกว่าคน ชาวตงหลิวกลับตายถึงหนึ่งร้อยกว่าคน นับว่าคุ้มค่าทีเดียว”
ผู้อาวุโสสวีนั่งอยู่ด้านข้างเฮ่ออวิ๋นทง
เมื่อวานเขาได้รับข่าวว่าเก่อหงยวนได้รับการช่วยเหลืออยู่ที่หอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ เมื่อเห็นอินชิงเสวียน เขาก็ยิ้มอย่างอ่อนโยนและพูดว่า “ขอบใจแม่นางอินที่ช่วยเหลือยวนเอ๋อร์ ข้าได้ส่งลูกศิษย์มุ่งหน้าไปยังหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์เพื่อรับตัวนางกลับไปพักฟื้นที่สำนักแล้ว”
อินชิงเสวียนโน้มตัวเล็กน้อย
“ผู้อาวุโสสวีไม่ต้องเกรงใจเจ้าค่ะ นี่คือสิ่งที่ผู้เยาว์พึงกระทำ อีกทั้งแม่นางหงยวนต้องได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ก็เพราะนางช่วยข้าไว้”
ผู้อาวุโสสวีรู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้จากลูกศิษย์ จึงยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “การคุ้มครองพิณการเวกเป็นความรับผิดชอบของสำนักข้า ไม่ว่าผู้ใดจะอยู่ที่นั่น ต่างต้องพยายามสุดชีวิตในการช่วยแม่นางอิน”
อินชิงเสวียนรู้สึกอบอุ่นหัวใจ แม้ในตอนนั้นลูกศิษย์เหล่านี้ต่างหวาดกลัว แต่ยังคงพยายามช่วยเหลือตัวเองอย่างสุดความสามารถ
มาถึงยุคสมัยโบราณนานขนาดนี้แล้ว อินชิงเสวียนรับรู้ถึงคำว่าความรับผิดชอบเป็นครั้งแรก และรู้ถึงภาระอันใหญ่หลวงของความรับผิดชอบ
หวังว่านางจะสามารถใช้ช่วงเวลาที่ชาวตงหลิวกำลังพักฟื้น พยายามสร้างเรือให้เสร็จโดยไว เช่นนี้ก็จะสามารถข้ามทะเลเหนือไปทางทิศตะวันออก และจัดการคนเหล่านั้นให้สิ้นซาก
นางแสดงความเคารพต่อผู้อาวุโสสวีอีกครั้ง
“ขอบพระคุณผู้อาวุโสสวี ขอบพระคุณผู้อาวุโสทุกท่าน”
เมื่อเห็นว่าอินชิงเสวียนใจกว้างเช่นนี้ เจ้าสำนักเซี่ยวก็ยิ้มที่มุมปากอย่างอดไม่ได้ และเผยรอยยิ้มที่ภาคภูมิใจ
นี่คือหลานสะใภ้ของข้า มองไปรอบๆ ชายฝั่งทะเลเป่ยไห่ ก็ไม่สามารถตามหาเด็กสาวที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ได้
ระหว่างการสนทนา ผู้กำกับดูแลแต่ละสำนักก็มาถึงครบแล้ว
อินชิงเสวียนเห็นว่าเวลาพอสมควรแล้ว จึงเดินหน้าไปหนึ่งก้าว และพูดเสียงดังกังวานว่า “ผู้เยาว์ขอเสียมารยาทนะเจ้าคะ ก่อนที่ผู้อาวุโสทุกท่านจะหารือกัน ข้าอยากพูดบางสิ่ง ผู้อาวุโสทุกท่านโปรดให้เวลาข้าสักหน่อยเถอะ”
เฮ่ออวิ๋นทงก็ชื่นชมอินชิงเสวียนมาเช่นกัน เขาหัวเราะและพูดว่า “ล้วนเป็นคนกันเองทั้งนั้น มีสิ่งใดก็พูดออกมาเถอะ”
“ขอบพระคุณท่านผู้อาวุโส”
อินชิงเสวียนโน้มเอวขอบคุณ จากนั้นก็เลิกดวงตากลมโต นิ้วเรียวยาวหน้ามองชี้ไปที่อาซือหลาน
“คนผู้นี้ไม่ใช่เจ้าสำนักฉุยแห่งสำนักเซียวเหยา เขาคือตัวปลอม”
อาซือหลานใบหน้าเปลี่ยนสีในทันที ใบหน้าที่ซ่อนอยู่หลังผ้าคลุมสีดำก็ซีดลงในทันที
ตัวเองปลอมตัวได้แนบเนียบไร้ที่ติ เหตุใดอินชิงเสวียนยังสามารถมองเห็นตัวตนของตัวเองอย่างทะลุปรุโปร่ง?
คนอื่นๆ ที่เหลือต่างก็ตกใจ สายตามองไปที่อาซือหลานอย่างพร้อมเพรียงกัน...
ในระหว่างที่ทุกคนต่างตกใจสุดขีด กวนเซี่ยวที่อยู่ในสำนักเซียวเหยาก็จับพลัดจับผลูเปิดประตูลับหนึ่งบานที่ซ่อนอยู่ท่ามกลางภูเขาเทียม
เพราะว่าเขาคือคนที่เจ้าสำนักนำตัวกลับมาด้วย ลูกศิษย์ที่อยู่ด้านในสำนักต่างไม่ได้กับเขามากนัก อีกทั้งหลังสงครามใหญ่ ทุกคนต่างกำลังพักฟื้นอยู่
นอกจากลูกศิษย์ชั้นล่างที่รับผิดชอบปัดกวาดเช็ดถูอยู่ในเรือน ก็ไม่มีผู้ใดอีกแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...