สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 784

ทันใดนั้น อินชิงเสวียนก็ถามด้วยความประหลาดใจว่า “เช่นนั้นวิชาสะกดเส้นลมปราณของท่าน สามารถทำลายได้หรือไม่?”

เย่จิ่งอวี้เลิกดวงตาและถามว่า “เจ้าอยากช่วยฟางรั่วฟื้นฟูวรยุทธ์งั้นหรือ?”

“ข้ามีความคิดเช่นนั้นจริงๆ ในเมื่อนางยินยอมที่จะติดตามข้าอย่างสุดจิตสุดใจ ข้าก็ไม่อยากทำลายความหวังดีของนาง ข้าจะใช้วิธีการของตัวเองเพื่อปลูกฝังนาง”

ขณะที่อินชิงเสวียนกำลังพูดนั้น ดวงตาก็สดใสเป็นประกาย ความมั่นใจอันแข็งแกร่งก็เล็ดลอดออกมาจากใบหน้าเล็กๆ ที่สวยงามนั้น และยังเต็มไปด้วยพลัง

“เสวียนเอ๋อร์จะปลูกฝังนางให้เป็นอะไร? นักฆ่า เริ่มการเป็นสายลับงั้นหรือ?”

เย่จิ่งอวี้สงสัยเล็กน้อย

อินชิงเสวียนเอียงศีรษะแล้วพูดว่า “ความลับเพคะ ข้ายังไม่บอกท่านในตอนนี้ ข้าไปเตรียมอาหารค่ำก่อนนะเพคะ!”

อินชิงเสวียนพูดจบก็ยกกระโปรงวิ่งออกไป

เย่จิ่งอวี้ยิ้มหวาน ยังเป็นแค่สาวน้อยจริงๆ ด้วย

แต่คำพูดนี้ออกมาจากปากของเย่จิ่งหลาน จึงดูแปลกไปหน่อย

จากนั้นก็หัวเราะอย่างไม่มีเสียง คงเป็นเพราะทั้งสองคนสนิทสนมกันมาก อาหลานมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ก็เป็นสิ่งที่เขายินดีจะเห็น

วันที่กลับเมืองหลวง เขาจะหาอาจารย์มาสอนเย่จิ่งหลาน เพื่ออบรมบ่มนิสัยเขาให้ดี เพราะว่าเขาอยู่นอกวังตลอดทั้งวันและจะเลือกเดินทางผิด

ระหว่างที่เย่จิ่งอวี้กำลังครุ่นคิด อินชิงเสวียนก็พาอวิ๋นฉ่ายและจังอวี้จิ่นไปทำอาหาร

มีสุภาษิตอยู่ทางเหนือของพวกนางกล่าวว่า ‘เมื่อพบกันต้องกินหมี่ เมื่อจากกันต้องกินเกี๊ยว’ พรุ่งนี้กวนเซี่ยวก็จะไปแล้ว อินชิงเสวียนตัดสินใจจะห่อเกี๊ยวให้เขากิน

หลายวันนี้เหล่าลูกศิษย์ของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ก็ออกสำรวจกันอย่างวุ่นวาย จึงให้พวกเขามีโอกาสกินข้าวมื้อที่อิ่มหมีพีมัน

เมื่อรวมจำนวนคนทั้งหมดก็มีมากกว่าร้อยคน อย่างน้อยก็ต้องห่อเกี๊ยวสองพันชิ้นจึงจะมากพอ เมื่อมองแผ่นเกี๋ยวที่แลกมาเป็นกองภูเขา รวมทั้งไส้เกี๊ยวขนาดเท่าภูเขาลูกเล็กๆ ในกะละมัง อินชิงเสวียนก็รู้สึกปวดหัวอย่างอดไม่ได้ นี่มันมากเกินไปแล้ว คงต้องห่อกันถึงกลางดึก

“อวิ๋นฉ่าย ไปเรียกท่านอาฮวาเข้ามา และให้นางหาลูกศิษย์มาช่วยกันสักหน่อย”

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ฮวาเชียนก็พาลูกศิษย์ชายหญิงสิบกว่าคนเข้ามา

ตอนกลางวันทุกคนได้กินผลไม้ที่อินชิงเสวียนมอบให้ เมื่อรู้ว่านางจะทำอาหารให้ทุกคนได้กินก็ยินดีที่จะช่วยเหลืออย่างมาก

อินชิงเสวียนสอนพวกเขาห่อเกี๊ยว ทุกคนร่วมด้วยช่วยกัน ซึ่งถือว่ารวดเร็วมากทีเดียว

เมื่อพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า แผ่นเกี๊ยวที่ดูเหมือนก้อนทองคำก็ถูกนำออกมาจากห้องครัว

เหล่าลูกศิษย์อาศัยอยู่ในป่ามานาน อาหารที่กินก็ค่อนข้างเรียบง่าย ไม่เคยเห็นอาหารที่ประณีตเช่นนี้มาก่อน ทุกคนจึงกรูเข้ามาสมทบกัน

เมื่อเห็นทุกคนกินอาหารอย่างมีความสุข อินชิงเสวียนรู้สึกได้ถึงความสำเร็จในทันที จากนั้นจึงกลับเข้าไปในห้องพร้อมกับเครื่องเคียงสองสามอย่าง

เย่จิ่งอวี้นั่งอยู่หัวโต๊ะด้วยท่าทางสบายๆ พลังอำนาจบนใบหน้าไม่หยิ่งยโสโอหังเหมือนตอนที่อยู่ในเมืองหลวงอีกแล้ว สิ่งที่เข้ามาทดแทนก็คือความนิ่งสงบราวกับขุนเขา ทำให้คนรู้สึกสบายใจ

เย่จิ่งหลานนั่งอยู่ด้านซ้ายของเขา และยื่นตะเกียบออกมาอย่างไม่อาจอดใจรอได้

เมื่อเทียบกับทั้งสองคนแล้ว กวนเซี่ยวรู้สึกเกร็งเล็กน้อย

ทั้งสองท่านคือฝ่าบาทและท่านอ๋อง แม้กวนเซี่ยวเกิดในตระกูลของจอมพล แต่ยังเป็นเพียงคนธรรมดาตัวเปล่าเท่านั้น เขากำตะเกียบไว้ในมืออยู่นาน ไม่ยอมคีบอาหารเสียที

“กินสิ นี่คือน้ำใจของเสวียนเอ๋อร์”

เย่จิ่งอวี้คีบเกี๊ยวให้กวนเซี่ยวหนึ่งชิ้น

กวนเซี่ยวก้มหน้าลง และคิดถึงเรื่องราวเมื่อหลายเดือนก่อน เขาถูกอาซือหลานยั่วยุ และวิ่งไปลอบทำร้ายฮ่องเต้ในวังหลวง สายตาของเขาเผยความรู้สึกผิดออกมา

“ขอบพระทัยฝ่าบาท”

เย่จิ่งอวี้ยิ้มด้วยสีหน้าสงบ

“พวกเราอยู่ในยุทธภพ ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบของราชสำนักหรอกนะ ที่นี่ไม่มีเจ้าขุนมูลนาย มีเพียงแค่พี่น้องเท่านั้น กินเถอะ”

เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่อ่อนโยนและจริงใจ กวนเซี่ยวก็รู้สึกอบอุ่นหัวใจ และออกแรงพยักหน้าเล็กน้อย

เย่จิ่งอวี้จิบสุรา มองไปที่กวนเซี่ยวแล้วพูดว่า “เป็นเรื่องดีที่เจ้าจะเข้าโรงเรียนสอนการต่อสู้ เดือนสามปีหน้า อาจสอบเป็นขุนนางและสร้างเสียงบารมีให้แก่วงศ์ตระกูลได้”

เขาเปลี่ยนหัวข้อแล้วพูดขึ้นว่า “เรื่องที่เป่ยไห่ไม่เกี่ยวข้องกับราชสำนัก หวังว่าเจ้าจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ อย่าได้พูดกับใครทั้งนั้น เพื่อไม่ให้เกิดหายนะใหญ่โต”

บทที่ 784 เขาอดกลั้นไม่ได้อีกแล้ว 1

บทที่ 784 เขาอดกลั้นไม่ได้อีกแล้ว 2

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์