“ต่งจื่ออวี๋ เจ้ากลับมาแล้วหรือ?”
อินชิงเสวียนก็มีสีหน้าตื่นตระหนกใจและดีใจเช่นกัน
ต่งจื่ออวี๋พยักหน้าพูดว่า “กลับมาแล้ว”
ระหว่างที่พูดคุยกัน ทั้งสองก็เดินเข้ามาในเรือน
แขนของเก่อหงยวนยังพันด้วยผ้าพันแผลอยู่
“ข้ามาขอบคุณน้องเขยของท่าน”
นางยกคางขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับแววตาที่เย่อหยิ่ง จากนั้นจึงชูปูที่อยู่ในมือขึ้นมา
“ได้ยินว่าเขาชอบกินสิ่งนี้มาก จึงให้เหล่าศิษย์พี่ศิษย์น้องช่วยกันจับมาจำนวนหนึ่ง”
อินชิงเสวียนไม่เคยมองเพียงสิ่งผิวเผินเหล่านี้ ไม่ว่าเก่อหงยวนจะทะนงตนมากเพียงใด แต่การช่วยชีวิตนางไว้คือเรื่องจริง
นางเดินหน้าเข้าไปรับปู ยิ้มและพูดว่า “แม่นางเก่อเกรงใจแล้ว ข้ายังไม่ได้ขอบคุณแม่นางที่ช่วยชีวิตข้าในวันนั้น ข้าได้เตรียมสิ่งของเล็กน้อยมาให้แม่นางได้ใช้ด้วย แม่นางเก่อและจื่ออวี๋นั่งรอสักครู่นะ ข้าจะไปเรียกเย่จิ่งหลานมาเดี๋ยวนี้”
“ไม่ต้องเกรงใจ ครั้งนี้แค่ออกมาสูดอากาศเท่านั้น บังเอิญเจอกับต่งจื่ออวี๋ จึงเดินมาด้วยกัน”
เก่อหงยวนเอามือไพล่หลังข้างหนึ่ง ถือพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ของยอดหญิงไว้แน่น
อินชิงเสวียนเม้มปากหัวเราะ และมองไปที่ต่งจื่ออวี๋
“ได้ข่าวของผู้อาวุโสลิ่นหรือไม่?”
“คือว่า...”
ต่งจื่ออวี๋เกาหัว ราวกับกำลังครุ่นคิดว่าควรพูดอย่างไร
เก่อหงยวนใช้ข้อศอกกระแทกเขาหนึ่งครั้ง
“หาไม่เจอก็บอกว่าหาไม่เจอสิ ยังมัวคิดอะไรอยู่ เข้าบ้านได้แล้ว”
ต่งจื่ออวี๋รีบร้องอ๋อในทันที
“ข้าหาไม่เจอขอรับ”
สายตาของอินชิงเสวียนมองไปทั่วใบหน้าของเขา
ต่งจื่ออวี๋มีนิสัยซื่อสัตย์และไม่มีเล่ห์เหลี่ยม ไม่มีทางพูดโกหกแน่นอน ครั้งนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ได้อะไรเลย ช่างเถอะ ค่อยหาโอกาสถามเป็นการส่วนตัวจะดีกว่า!
อินชิงเสวียนเชิญทั้งสองคนเข้ามาในบ้าน และเรียกเย่จิ่งหลานเข้ามาด้วย
ฟางรั่วกำลังอ่านหนังสืออยู่ เมื่อรู้ว่ามีแขกมาเยือนก็ยกน้ำชาเข้ามา
เมื่อเห็นหน้าตาของนาง ต่งจื่ออวี๋ก็อึ้งไปทันที
“เจ้า...”
อินชิงเสวียนเดินตามเข้ามา มองเห็นต่งจื่ออวี๋อ้าปากกว้างด้วยใบหน้าที่ตกใจ จึงนึกออกทันทีว่าตอนที่ตัวเองรู้จักกับเขา นางใช้หน้ากากที่เป็นใบหน้าของฟางรั่ว
“ใบหน้านี้มีอยู่จริงๆ ไม่ใช่การจินตนาการขึ้นมา เรียกนางว่าฟางรั่วก็ได้”
ต่งจื่ออวี๋คิดมาตลอดว่าอินชิงเสวียนสุ่มเลือกหน้ากากที่หน้าตาดี ไม่คิดว่าจะพบเจอคนจริงๆ ตอนนั้นตัวเองยังพูดว่านางหน้าตาดีจึงไล่ล่าม้าของนาง เขาจึงหน้าแดงขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
ฟางรั่วไม่รู้เรื่องเหล่านี้ เมื่อวางน้ำชาลงก็เดินออกไป
ต่งจื่ออวี๋กลับจ้องหน้านางด้วยความประหลาดใจ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าหน้ากากนั้นช่างมหัศจรรย์อย่างแท้จริง หากสามารถทำใบหน้าของอาจารย์อาขึ้นมาได้ ไม่แน่ว่า...
ระหว่างที่ที่เหม่อลอย จู่ๆ ก็เห็นบางสิ่งที่เปล่งแสงได้ เมื่อตั้งสติกลับมาก็พบว่าเป็นกระจกบานเล็กที่โปร่งใส
นอกจากนี้แล้ว ยังมีขวดเล็กขวดน้อยอีกมากมายวางอยู่บนโต๊ะ ต่งจื่ออวี๋ไม่รู้จัก แต่พวกมันสวยงามมาก
“ของเหล่านี้คือเครื่องแต่งหน้าจากเมืองหลวง ข้าตั้งใจนำมาด้วยจำนวนหนึ่ง หากแม่นางหงยวนไม่รังเกียจก็รับไปเถอะ”
อินชิงเสวียนเปิดน้ำหอมออกมาหนึ่งขวด ทันใดนั้นก็มีกลิ่นหอมประหลาดลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ
เก่อหงยวนสูดจมูกอย่างอดไม่ได้
นางไม่อยากให้ตัวเองดูเหมือนคนที่แต่งตัวแย่ จึงแสร้งทำท่าทางไม่สนใจ ทว่าสายตาคู่นั้นกลับยังคงแอบเหลือบมองไปบนโต๊ะอย่างไม่อาจห้ามใจได้
อินชิงเสวียนรู้ว่าเด็กสาวคนนี้ปากไม่ตรงกับใจ และไม่สนใจว่านางจะแสดงท่าทีอย่างไร จึงแนะนำเครื่องสำอางทั้งหมดให้ได้ฟังหนึ่งครั้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...