สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 81

อากาศร้อนระอุเช่นนี้จะให้นางไปทำเกี๊ยว ช่างไร้มนุษยธรรมเสียจริง

อิงชิงเสวียนแอบตำหนิอยู่ในใจ แต่ไม่ได้แสดงท่าทางอันใดออกไปแต่อย่างใด

“กระหม่อมรับพระบัญชา”

นางเดินไปตัดต้นหอมต้นใหญ่สองต้น และกล่าวด้วยสีหน้าประจบสอพลอว่า “ฝ่าบาท ให้เสี่ยวอานจื่อไปกับกระหม่อมด้วยได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมอยากไปเยี่ยมน้องสาวที่วังเย็น จะได้ให้เสี่ยวอานจื่อเอาเกี๊ยวกลับมาด้วย”

เย่จิ่งอวี้ตอบอืมไปคำหนึ่ง “แล้วแต่เจ้าเถอะ”

“ขอบพระทัยฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ขอบพระทัยฝ่าบาท”

อินชิงเสวียนกล่าวขอบคุณด้วยความดีอกดีใจ ดึงแขนเสื้อเสี่ยวอานจื่อวิ่งมุ่งหน้าไปยังห้องพระเครื่องต้น

หลี่เต๋อฝูกล่าวด้วยสีหน้าอิจฉาริษยาว่า “ฝ่าบาท ฝ่าบาทตามใจเจ้าเสี่ยวเสวียนจื่อผู้นี้มากเกินไปแล้ว”

เย่จิ่งอวี้หันขวับจ้องหน้าเขา และกล่าวอย่างไม่ไว้หน้าว่า “หากเจ้ามีความสามารถปลูกพืชผักเหล่านี้ให้ข้าได้ ข้าก็จะตามใจเจ้าเช่นเดียวกัน”

หลี่เต่อฝูก้มหน้าลงทันที เขาไร้ความสามารถที่จะทำเรื่องเหล่านั้นได้

เย่จิ่งอวี้ยกยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อย “ประเดี๋ยวข้าจะมอบเกี๊ยวเป็นรางวัลให้แก่เจ้า เช่นนี้ดีหรือไม่”

หลี่เต๋อฝูดีใจรีบคุกเข่าลงกับพื้น “กระหม่อมขอบพระทัยฝ่าบาท”

“ลุกขึ้นเถอะ”

เย่จิ่งอวี้เดินชมสวนไปรอบหนึ่ง ก่อนจะกลับไปยังตำหนักเฉิงเทียน

เขาพอจะคาดเดาออกอยู่บ้างว่าไทเฮาเรียกเสี่ยวเสวียนจื่อไปพบด้วยเหตุใด ทว่า บ่าวรับใช้ผู้นี้กลับมีใจกล้าหาญไม่เบา

เมื่อนึกถึงเกี๊ยวแล้ว นัยน์ตาหงส์ของเย่จิ่งอวี้ก็ลึกล้ำขึ้น

บ่าวรับใช้อย่าทำให้เขาผิดหวังเชียวล่ะ…

ในตอนนี้ อินชิงเสวียนกับเสี่ยวอานจื่อได้มาถึงห้องพระเครื่องต้นแล้ว

เมื่อเห็นอินชิงเสวียนมาทำอาหารอีกครั้ง เหล่าบรรดาสาวใช้ในห้องพระเครื่องต้นก็รีบช่วยกันก่อไฟ หั่นเนื้อ อีกทั้งยังนำน้ำแข็งก้อนใหญ่มาให้เพื่อคลายร้อนอีกด้วย ปรนนิบัติได้อย่างเหมาะสมยิ่งนัก

เสี่ยวอานจื่อก็เชิดหน้าชูตา ชี้นิ้วสั่งพ่อครัวว่า “อันนี้เอาไปวางตรงนั้น ส่วนอันนั้นเอาไปวางตรงโน้น ส่วนเจ้า หลบไป อย่าได้มาขวางหูขวางตาข้า”

อินชิงเสวียนรู้ว่าเสี่ยวอานจื่อไม่ใช่คนเลวอะไร แต่เขาถูกกดดันอยู่ในวังนานเกินไป ยากที่จะมีโอกาสเช่นนี้ จึงลำพองใจสักหน่อย นางก็คร้านจะสนใจเขา

หลังจากนวดแป้งเป็นก้อนแล้ว ทางด้านพ่อครัวก็หั่นเนื้อ ต้มหอมเสร็จเรียบร้อยแล้ว อินชิงเสวียนเอาซีอิ๊ว และพริกฮวาเจียวที่บรรจุในขวดเทผสมกับเนื้อ จากนั้นก็เริ่มทำการห่อเกี๊ยว

พ่อครัวกลุ่มหนึ่งต่างพากันรุมล้อมอินชิงเสวียน มองดูนางนวดไปมาจนออกมาเป็นหยวนเป่าเล็กๆ ชิ้นหนึ่ง พวกเขาอดที่จะชื่นชมนางไม่ได้ วิธีนี้ช่างรวดเร็ว คล่องแคล่วว่องไวเกินไปแล้ว ที่สำคัญที่สุดคือ เมื่อมองนางบีบแป้งห่อเกี๊ยว นึกไม่ถึงว่าจะเกิดความรู้สึกผ่อนคลายอย่างแปลกประหลาด ไม่ต้องพูดถึงพลังอันท่วมท้นเลย

เวลาผ่านไปเพียงชั่วครู่ นางห่อเกี๊ยวได้ถึงเจ็บสิบแปดสิบชิ้นแล้ว อินชิงเสวียนคิดว่าน่าจะพอแล้ว จึงสั่งสาวใช้เปิดไฟตั้งหม้อ เพื่อใส่เกี๊ยวลงไปในหม้อ หลังจากที่น้ำเดือดไปสองครั้ง เกี๊ยวในหม้อก็ลอยตัวขึ้นมา อินชิงเสวียนนำกระชอนตักเกี๊ยวออกมา เมื่อเห็นพ่อครัวหลายสิบคนเบิกตากว้างจนดวงตาแทบจะถลนออกมาเช่นนี้ นางก็อดยิ้มไม่ได้

“พวกเจ้าชิมคนละชิ้นสิ ต่อไปก็เรียนรู้แล้วก็ฝึกว่าทำเช่นไร ข้าไม่อาจแย่งหน้าที่พวกเจ้าทำไปตลอดหรอกนะ”

พ่อครัวรีบกล่าวว่า “เสี่ยวกงกงพูดอะไรเช่นนั้น จะแย่งหน้าที่พวกเราได้อย่างไรกันล่ะ ได้รับใช้เสี่ยวกงกงเช่นนี้ พวกเราปลาบปลื้มใจยิ่งนัก”

อินชิงเสวียนเอากระชอนตักเกี๊ยวออกมาจากหม้อจานสุดท้าย ส่วนที่เหลือเอาผ่านน้ำเย็นและนำบรรจุใส่กล่องอาหาร เพื่อไม่ให้เกี๊ยวติดกัน

“พวกเจ้าทุกคนมากินเถอะ”

เกี๊ยวนี้ทำถวายให้แก่ฝ่าบาท พวกเขาจะกล้ากินได้อย่างไรกันเล่า

อินชิงเสวียนคีบเกี๊ยวขึ้นมา และยัดเข้าปากตัวเอง

นางกล่าวด้วยสีหน้าพึงพอใจว่า “ไม่เลวเลย”

เมื่อเห็นอิงเสวียนลงมือแล้ว ทุกคนก็นั่งยองลง สุดท้ายพวกเขาก็ทนความยั่วยวนนี้ไม่ไหว หยิบเกี๊ยวไปคนละชิ้น

กลิ่นหอมของเนื้อละลายไปในลำคอ กระเพาะของพวกเขาพึงพอใจมาก

พ่อครัวแต่ละคนต่างพากันพยักหน้า “อร่อย ช่างอร่อยยิ่งนัก”

คนอื่นๆ ก็ทำท่าทางตื่นเต้นออกมาเช่นกัน

“เสี่ยวเสวียนจื่อกงกงช่างเก่งกาจเกินไปแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าท่านจะทำอร่อยได้ถึงเพียงนี้”

“ช่างหาได้ยากยิ่ง”

“ได้กินของอร่อยเช่นนี้ ต่อให้ตายข้าก็ไม่เสียดายชีวิตแล้ว”

เห็นทุกคนเชยชมเช่นนี้ อินชิงเสวียนก็ยิ้มขึ้น

“ไม่ขนาดนั้นหรอก พวกเจ้าก็กล่าวเกินไป รบกวนพวกเจ้าเก็บกวาดด้วยก็แล้วกัน ข้าต้องกลับไปรานงานฝ่าบาทแล้ว”

“เสี่ยวเสวียนจื่อกงกงเดินระวังๆ ล่ะ”

เหล่าบรรดาพ่อครัวยืนเรียงแถวส่งอินชิงเสวียนกลับด้วยความเคารพ

เมื่อเดินอออกมาด้านนอกแล้ว อินชิงเสวียนก็ดึงแขนเสื้อเสี่ยวอานจื่อมาในที่ลับสายตาคน

“เจ้าเองก็ลองชิมดูสิ ข้าทำมาเยอะ ฝ่าบาทมีพอกินอยู่แล้ว”

อินชิงเสวียนเอาเกี๊ยวออกมาบางส่วนยื่นให้เสี่ยวอานจื่อ เสี่ยวอานจื่ออยากกินจะตายอยู่แล้ว จึงไม่รีรอที่จะยัดมันเข้าปากอย่างหิวโหย

อินชิงเสวียนกล่าวอีกว่า “วันนี้ต้องขอบใจเจ้าแล้ว”

เสี่ยวอานจื่อกลืนเกี๊ยวลงคอ ก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าเคยบอกเอาไว้ว่า พี่น้องกันต้องมีน้ำใจไมตรีต่อกัน ข้ากลัวไทเฮาจะทำไม่ดีกับเจ้า”

อินชิงเสวียนกล่าวด้วยความประหลาดใจว่า “เจ้าคงจะไม่พรวดพราดเข้าไปในตำหนักจินหลวนกระมัง”

เสี่ยวอานจื่อทำคอหด ก่อนจะกล่าวว่า “ข้าจะใจกล้าทำเช่นนั้นได้อย่างไรกันเล่า ข้าแค่ไปอยู่ข้างประตูตำหนักจินหลวน ฝ่าบาทก็รับสั่งให้หยุดว่าราชการแล้ว”

เมื่อพูดถึงเรื่อนี้ เสี่ยวอานจื่อก็รู้สึกอิจฉาเล็กน้อย

“ฝ่าบาทช่างดีกับเจ้ายิ่งนัก”

“เอ่อ...คงจะเป็นเพราะข้ามอบเมล็ดพันธุ์กระมัง หากเทียบกับอาจารย์ของเจ้าแล้วเทียบกันไม่ได้หรอก ข้าเคยบอกแล้วไงว่าอย่ากล่าวถึงเรื่องนี้อีก ข้าจะไปวังเย็นสักหน่อย เจ้ากลับไปก่อนเถอะ”

เสี่ยวอานจื่อกินเกี๊ยวไปสิบกว่าชิ้น เขาพอใจแล้ว

“เจ้าระวังหน่อย อย่าให้ใครจับได้ล่ะ”

“วางใจเถอะ ขั้นนี้แล้วข้าไม่กลัวใครหรอก”

มีกระบองไฟฟ้าอยู่ในเสื้อ อินชิงเสวียนรู้สึกมั่นใจขึ้น

ก่อนหน้านี้นางไม่มีคะแนนสะสมมากพอ จึงทำใจแลกไม่ได้ ทว่า ตอนนี้พืชพันธุ์ในมิติผลิดอกออกผลเพียงพอแล้ว แลกกระบองไฟฟ้าด้วยคะแนนสะสมเพียงแค่ 20 แต้ม ไม่ใช่ปัญหาเลย

ทันใดนั้นก็นึกถึงเล็บอวบอิ่มโค้งมนของยายเฒ่าปีศาจนั้นขึ้นได้ หากแลกน้ำยาทาเล็บมาสักสามสี่ขวด ก็จะทำเงินได้มากเลยล่ะ

อินชิงเสวียนรีบไล่เสี่ยวอานจื่อไป และนางก็เข้าไปในมิติ

หลังจากอาบน้ำสบายตัวแล้ว นางก็แลกน้ำยาทาเล็บสีแปลกๆ มาหลายสิบขวด

คนแรกที่จะให้เลือกก็คือซูฉ่ายเวย หอฉงฮวาเป็นทางผ่านที่จะไปวังเย็นพอดี

เมื่อมาถึงประตูหอฉงฮวา นางก็ยินเสียงหัวเราะดังขึ้น ดูเหมือนว่าด้านในจะมีคนอยู่ไม่น้อย

อินชิงเสวียนทพเสียงกระแอมในลำคอ ก่อนจะกล่าวว่า “ข้าน้อยเสี่ยวเสวียนจื่อ มาขอเข้าเฝ้าพระสนมหลิงผิน”

ซูฉ่ายเวยกำลังเพลิดเพลินกับคำประจบสอพลอของเหล่าสาวงามอยู่ เมื่อรู้ว่าเสี่ยวเสวียนจื่อมา นางจึงรีบกล่าวว่า “รีบเชิญเสี่ยวกงกงเข้ามาเร็วเข้า”

ได้ยินว่าเมื่อวานเสี่ยวเสวียนจื่อออกจากวัง เขาต้องนำของดีกลับมาอีกเป็นแน่

อินชิงเสวียนสะพายห่อผ้าเดินเข้ามา ด้านในมีสาวงามเพริศพริ้งกลุ่มหนึ่งยืนอยู่อย่างที่คิดเอาไว้ไม่มีผิด และหนึ่งในนั้นก็คือฉู่หลิงอวี้ที่ซื้อแผ่นพอกหน้าจากนางเมื่อวานนี้

“กระหม่อมคารวะพระสนมหลิงผิน คาราวะเจ้านายทุกท่าน”

มีสาวงามหลายคนที่เพิ่งเคยเจออินชิงเสวียนเป็นครั้งแรก เมื่อเห็นรูปร่างหน้างดงาม ผิวพรรณขาวผ่องเช่นนี้ก็อดที่จะแอบเอามือปิดปากกระซิบกันไม่ได้

คนผู้นี้หากไม่ใช่ขันที คงคิดว่าเป็นคนเจ้าชู้ประตูดินแน่นอน

เมื่อเห็นสายตาของทุกคนจ้องมองตนเองเช่นนี้ อินชิงเสวียนก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อย นางทำเสียงกระแอมออกมากจากลำคอก่อนจะกล่าวว่า “เมื่อวานนี้กระหม่อมออกวัง นำของบางอย่างกลับมาด้วย ไม่รู้ว่าจะเข้าตาพระสนมหลิงผินบ้างหรือไม่”

“ของสิ่งใด รีบเอาออกมาให้ข้าดูเร็ว”

หลิงผินแทบจะอดใจรอไม่ไหวแล้ว

ขอเพียงแค่เป็นของของอินชิงเสวียน ล้วนแต่เป็นของดีทั้งสิ้น อีกอย่าง ขันทีน้อยผู้นี้ก็เป็นคนโปรดของฝ่าบาท ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเชื่อมสัมพันธ์ดีกับเขาเอาไว้!

อินชิงเสวียนเอาขวดน้ำยาทาสีเล็บออกมาจากหน้าอก ขวดหนึ่งเป็นสีแดงสด อีกขวดหนึ่งเป็นสีมุกสว่าง

ภายใต้แสงสาดส่องของพระอาทิตย์ที่กระทบกับสีมุกนั้น ช่างงดงามยิ่งนัก ข้างในมีสีทองและสีเงินด้วย สีมุกที่ส่องสว่างจ้านั้นงดงามจนซูฉ่ายเวยจ้องมองจนตาค้าง

นางอุทานขึ้นว่า “ช่างงดงามยิ่งนัก!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์