อากาศร้อนระอุเช่นนี้จะให้นางไปทำเกี๊ยว ช่างไร้มนุษยธรรมเสียจริง
อิงชิงเสวียนแอบตำหนิอยู่ในใจ แต่ไม่ได้แสดงท่าทางอันใดออกไปแต่อย่างใด
“กระหม่อมรับพระบัญชา”
นางเดินไปตัดต้นหอมต้นใหญ่สองต้น และกล่าวด้วยสีหน้าประจบสอพลอว่า “ฝ่าบาท ให้เสี่ยวอานจื่อไปกับกระหม่อมด้วยได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมอยากไปเยี่ยมน้องสาวที่วังเย็น จะได้ให้เสี่ยวอานจื่อเอาเกี๊ยวกลับมาด้วย”
เย่จิ่งอวี้ตอบอืมไปคำหนึ่ง “แล้วแต่เจ้าเถอะ”
“ขอบพระทัยฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ขอบพระทัยฝ่าบาท”
อินชิงเสวียนกล่าวขอบคุณด้วยความดีอกดีใจ ดึงแขนเสื้อเสี่ยวอานจื่อวิ่งมุ่งหน้าไปยังห้องพระเครื่องต้น
หลี่เต๋อฝูกล่าวด้วยสีหน้าอิจฉาริษยาว่า “ฝ่าบาท ฝ่าบาทตามใจเจ้าเสี่ยวเสวียนจื่อผู้นี้มากเกินไปแล้ว”
เย่จิ่งอวี้หันขวับจ้องหน้าเขา และกล่าวอย่างไม่ไว้หน้าว่า “หากเจ้ามีความสามารถปลูกพืชผักเหล่านี้ให้ข้าได้ ข้าก็จะตามใจเจ้าเช่นเดียวกัน”
หลี่เต่อฝูก้มหน้าลงทันที เขาไร้ความสามารถที่จะทำเรื่องเหล่านั้นได้
เย่จิ่งอวี้ยกยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อย “ประเดี๋ยวข้าจะมอบเกี๊ยวเป็นรางวัลให้แก่เจ้า เช่นนี้ดีหรือไม่”
หลี่เต๋อฝูดีใจรีบคุกเข่าลงกับพื้น “กระหม่อมขอบพระทัยฝ่าบาท”
“ลุกขึ้นเถอะ”
เย่จิ่งอวี้เดินชมสวนไปรอบหนึ่ง ก่อนจะกลับไปยังตำหนักเฉิงเทียน
เขาพอจะคาดเดาออกอยู่บ้างว่าไทเฮาเรียกเสี่ยวเสวียนจื่อไปพบด้วยเหตุใด ทว่า บ่าวรับใช้ผู้นี้กลับมีใจกล้าหาญไม่เบา
เมื่อนึกถึงเกี๊ยวแล้ว นัยน์ตาหงส์ของเย่จิ่งอวี้ก็ลึกล้ำขึ้น
บ่าวรับใช้อย่าทำให้เขาผิดหวังเชียวล่ะ…
ในตอนนี้ อินชิงเสวียนกับเสี่ยวอานจื่อได้มาถึงห้องพระเครื่องต้นแล้ว
เมื่อเห็นอินชิงเสวียนมาทำอาหารอีกครั้ง เหล่าบรรดาสาวใช้ในห้องพระเครื่องต้นก็รีบช่วยกันก่อไฟ หั่นเนื้อ อีกทั้งยังนำน้ำแข็งก้อนใหญ่มาให้เพื่อคลายร้อนอีกด้วย ปรนนิบัติได้อย่างเหมาะสมยิ่งนัก
เสี่ยวอานจื่อก็เชิดหน้าชูตา ชี้นิ้วสั่งพ่อครัวว่า “อันนี้เอาไปวางตรงนั้น ส่วนอันนั้นเอาไปวางตรงโน้น ส่วนเจ้า หลบไป อย่าได้มาขวางหูขวางตาข้า”
อินชิงเสวียนรู้ว่าเสี่ยวอานจื่อไม่ใช่คนเลวอะไร แต่เขาถูกกดดันอยู่ในวังนานเกินไป ยากที่จะมีโอกาสเช่นนี้ จึงลำพองใจสักหน่อย นางก็คร้านจะสนใจเขา
หลังจากนวดแป้งเป็นก้อนแล้ว ทางด้านพ่อครัวก็หั่นเนื้อ ต้มหอมเสร็จเรียบร้อยแล้ว อินชิงเสวียนเอาซีอิ๊ว และพริกฮวาเจียวที่บรรจุในขวดเทผสมกับเนื้อ จากนั้นก็เริ่มทำการห่อเกี๊ยว
พ่อครัวกลุ่มหนึ่งต่างพากันรุมล้อมอินชิงเสวียน มองดูนางนวดไปมาจนออกมาเป็นหยวนเป่าเล็กๆ ชิ้นหนึ่ง พวกเขาอดที่จะชื่นชมนางไม่ได้ วิธีนี้ช่างรวดเร็ว คล่องแคล่วว่องไวเกินไปแล้ว ที่สำคัญที่สุดคือ เมื่อมองนางบีบแป้งห่อเกี๊ยว นึกไม่ถึงว่าจะเกิดความรู้สึกผ่อนคลายอย่างแปลกประหลาด ไม่ต้องพูดถึงพลังอันท่วมท้นเลย
เวลาผ่านไปเพียงชั่วครู่ นางห่อเกี๊ยวได้ถึงเจ็บสิบแปดสิบชิ้นแล้ว อินชิงเสวียนคิดว่าน่าจะพอแล้ว จึงสั่งสาวใช้เปิดไฟตั้งหม้อ เพื่อใส่เกี๊ยวลงไปในหม้อ หลังจากที่น้ำเดือดไปสองครั้ง เกี๊ยวในหม้อก็ลอยตัวขึ้นมา อินชิงเสวียนนำกระชอนตักเกี๊ยวออกมา เมื่อเห็นพ่อครัวหลายสิบคนเบิกตากว้างจนดวงตาแทบจะถลนออกมาเช่นนี้ นางก็อดยิ้มไม่ได้
“พวกเจ้าชิมคนละชิ้นสิ ต่อไปก็เรียนรู้แล้วก็ฝึกว่าทำเช่นไร ข้าไม่อาจแย่งหน้าที่พวกเจ้าทำไปตลอดหรอกนะ”
พ่อครัวรีบกล่าวว่า “เสี่ยวกงกงพูดอะไรเช่นนั้น จะแย่งหน้าที่พวกเราได้อย่างไรกันล่ะ ได้รับใช้เสี่ยวกงกงเช่นนี้ พวกเราปลาบปลื้มใจยิ่งนัก”
อินชิงเสวียนเอากระชอนตักเกี๊ยวออกมาจากหม้อจานสุดท้าย ส่วนที่เหลือเอาผ่านน้ำเย็นและนำบรรจุใส่กล่องอาหาร เพื่อไม่ให้เกี๊ยวติดกัน
“พวกเจ้าทุกคนมากินเถอะ”
เกี๊ยวนี้ทำถวายให้แก่ฝ่าบาท พวกเขาจะกล้ากินได้อย่างไรกันเล่า
อินชิงเสวียนคีบเกี๊ยวขึ้นมา และยัดเข้าปากตัวเอง
นางกล่าวด้วยสีหน้าพึงพอใจว่า “ไม่เลวเลย”
เมื่อเห็นอิงเสวียนลงมือแล้ว ทุกคนก็นั่งยองลง สุดท้ายพวกเขาก็ทนความยั่วยวนนี้ไม่ไหว หยิบเกี๊ยวไปคนละชิ้น
กลิ่นหอมของเนื้อละลายไปในลำคอ กระเพาะของพวกเขาพึงพอใจมาก
พ่อครัวแต่ละคนต่างพากันพยักหน้า “อร่อย ช่างอร่อยยิ่งนัก”
คนอื่นๆ ก็ทำท่าทางตื่นเต้นออกมาเช่นกัน
“เสี่ยวเสวียนจื่อกงกงช่างเก่งกาจเกินไปแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าท่านจะทำอร่อยได้ถึงเพียงนี้”
“ช่างหาได้ยากยิ่ง”
“ได้กินของอร่อยเช่นนี้ ต่อให้ตายข้าก็ไม่เสียดายชีวิตแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...