สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 82

อินชิงเสวียนกล่าว “ไม่เพียงแค่ขวดเท่านั้นนะพ่ะย่ะค่ะที่งดงาม ของสิ่งนี้ใช้สำหรับทาเล็บ เล็บของพระสนมทั้งโค้งมน อีกทั้งยังเงามันวาว หากพระสนมได้ใช้สิ่งนี้ จากที่งดงามอยู่แล้วยิ่งงดงามขึ้นไปอีกแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”

“งั้นรึ ของสิ่งนี้...ใช้ทาเล็บได้อย่างนั้นหรือ”

เมื่อก่อนซูฉ่ายเวยก็เคยทำเล็บมาก่อน นำกลีบบุปผามาหุ้มเล็บไว้ สีของบุปผานั้นจะค่อยๆ ย้อมจนเล็บแดง เมื่อย้อมเสร็จก็จะงดงาม ทว่า วิธีนี้ยุ่งยากมาก โดยเฉพาะตอนที่เอากลีบบุปผามาหุ้มเล็บ ไม่กล้าแม้กระทั่งจะขยับ ตอนนี้เมื่อได้เห็นสีสันในขวด ก็อดประหลาดใจขึ้นมาไม่ได้

อินชิงเสวียนกล่าว “ถูกต้องแล้วพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมขออนุญาตลองทาให้พระสนมได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

ซุฉ่ายเวยรีบกล่าว “เด็กๆ รีบยกที่นั่งมาให้เสี่ยวเสวียนจื่อกงกงเร็วเข้า”

ไม่นานนักสาวใช้ก็ยกม้านั่งนุ่มสองตัว อินชิงเสวียนนั่งลงบนม้านั่งนุ่มนั้น จับมือซูฉ่ายเวยแล้วเริ่มทาเล็บให้นาง

ทาสีแดงลงบนผิวเล็บไปหนึ่งชั้น จากนั้นทาสีมุกวาวทับลงด้านบนอีกชั้น ตอนนี้เล็บนางดูแพรวพราวระยิบระยับทันที

ซูฉ่ายเวยโปรดปรานเป็นอย่างยิ่ง ยิ้มปากไม่หุบเลยทีเดียว

นางยกนิ้วมือตัวเองขึ้นมาดู มือไม้สั่นด้วยความตื่นเต้น ช่างงดงามยิ่งนัก ระยิบระยับยิ่งกว่าดวงดาราเสียอีก

อินชิงเสวียนบิดฝาขวดน้ำยาทาเล็บ ยัดเก็บไว้ในเสื้อ

“พระสนมถูกใจหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

ซูฉ่ายเวยร้อนอกร้อนใจขึ้นทันที

“เจ้ารีบทาให้ข้าเร็วเข้า สองขวดนี้เจ้าขายเท่าไหร่ ข้าเอาหมดนี้เลย”

อินชิงเสวียนกล่าวอย่างทอดถอนใจว่า “ของสิ่งนี้หายากยิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ กว่าจะนำของสิ่งนี้กลับมายังต้าโจวได้ ลูกพี่ลูกน้องของกระหม่อมเสี่ยงอันตรายเกือบถูกโจรสลัดฆ่าตายพ่ะย่ะค่ะ”

“หนึ่งพันตำลึง” ซูฉ่ายเวยอดใจรอไม่ไหวเสนอราคาตัดบทนางทันที

อินชิงเสวียนได้ยินเช่นนี้ก็ดีใจฉีกยิ้มออกมาดั่งบุปผาผลิดอก “ตกลงพ่ะย่ะค่ะ”

ซูฉ่ายเวยโบกมือขึ้นอย่างพึงพอใจ

“เซียงหลาน ไปนำเงินมา เล็บที่เหลือเจ้าช่วยทาให้ข้าด้วย”

“ย่อมได้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเต็มใจทาให้พ่ะย่ะค่ะ”

อินชิงเสวียนทาเล็บให้ซูฉ่ายเวยทั้งสิบนิ้ว มองดูเล็บสีสวยสดงดงามนั้นของซูฉ่ายเวยแล้ว ฉู่หลิงอวี้ก็อดที่จะเอ่ยถามไม่ได้ว่า “เสี่ยวเสวียนจื่อกงกง ของสิ่งนี้เจ้ายังมีอีกหรือไม่ ข้าอยากซื้อด้วย”

อินชิงเสวียนอารมณ์ดีเป็นพิเศษ นางยิ้มตาหยีพลางกล่าว “มีแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”

ขณะที่กล่าวนั้น นางควักออกมาอีกสองขวด ขวดหนึ่งเป็นสีสว่างประกายมุก อีกขวดเป็นสีแดงเลือดนกเสมือนผลอิงฮวา[footnoteRef:1] [1: ผลอิงฮวา ลูกเชอร์รี่

]

แม้ฉู่หลิงอวี้จะไม่ชอบสีผลอิงฮวา แต่นางมีสถานะต่ำต้อย มิบังอาจใช้สีแดงสด จึงตัดใจซื้อมันมา

สองสีนี้ทาทับด้วยกันแล้วก็สวยงามมากเช่นกัน เมื่อทาคู่กับสีมุกแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าจะสะดุดตากว่าของซูฉ่ายเวยเสียอีก

จากนั้นอินชิงเสวียนก็เอาสีประกายมุกออกมาอีกหลายขวด อย่างไรเสียของสิ่งนี้ก็หายาก อีกทั้งยังแพงมากอีกด้วย จะขายให้พวกเขาเหมือนกันไม่ได้

สาวงามหลายๆ คนก็ชื่นชอบมากเช่นกัน ดังนั้นพวกนางจึงควักเงินซื้อไป

อินชิงเสวียนคิดคำนวณคร่าวๆ นึกไม่ถึงเลยว่าได้มาเกือบจะถ้าห้าพันกว่าตำลึงแล้ว ครานี้ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องรีบกลับไปเก็บเงินไว้ที่วังเย็น

แต่ก่อนไป นางควักตลับคุชชั่นที่มีกระจกนั้นออกมาอีก

“ของสิ่งนี้ล้ำค่าที่สุดพ่ะย่ะค่ะ มีเพียงตลับเดียวเท่านั้น เพียงแค่ทาลงบนใบหน้า จะทำให้ผิวหน้าเรียบเนียนและชุ่มชื้นวาววับ...”

อินชิงเสวียนยังไม่ทันพูดจบ ฉู่หลิงอวี้ก็แย่งไปแล้ว

“หนึ่งพันตำลึง ข้าซื้อแล้ว”

จิ๊ เสนอราคาเองด้วย

“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”

อินชิงเสวียนรับเงินมา จากนั้นจึงกล่าวกับทุกคนว่า “กระหม่อมมีธุระต้องทำ ไม่รบกวนพระสนมทุกท่านแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ฉู่หลิงอวี้ยิ้มพลางกล่าว “เสี่ยวเสวียนจื่อกงกงว่างเมื่อใดก็ไปนั่งเล่นที่หอปี้อวี้ของพวกเราได้นะ”

ซูฉ่ายเวยหันขวับจ้องหน้านาง นางสารเลวผู้นี้ นึกไม่ถึงเลยว่าจะเข้าทางเสี่ยวเสวียนจื่อหวังขึ้นเตียงมังกร

เหอะ ไม่มีทาง!

นางกระแอมในลำคอ ก่อนจะกล่าวว่า “ในเมื่อเสี่ยวเสวียนจื่อกงกงมีธุระต้องทำก็รีบไปเถอะ”

“ขอบพระทัยพระสนมที่เป็นห่วง กระหม่อมทูลลาพ่ะย่ะค่ะ”

อินชิงเสวียนยกมือโค้งคำนับ และเดินออกไปจากหอฉงฮวา

เมื่อออกจากประตูมา อินชิงเสวียนก็กำหมัดแน่น และหัวเราะเก็บเสียงด้วยความดีใจอย่างบ้าคลั่ง

เกือบจะสำลักแล้วเชียว

นางวิ่งก้าวเล็กๆ กลับมายังวังเย็น รีบปิดประตูและส่งเสียงหัวเราะชอบใจออกมาสามครั้ง

อวิ๋นฉ่ายกำลังถอนหญ้าที่รกอยู่ที่แปลงผักในลานบ้านได้ยินเสียงคนหัวเราะคิกคักก็ตกใจขึ้นจึงหันไปมองตามเสียงหัวเราะนั้น

อินชิงเสวียนกระแอมไอแห้ง กลั้นขำกลับไปอีกรอบ

ก้าวดุ่มๆ ไปด้านหน้า “ไม่ต้องกลัว ข้าเอง”

อวิ๋นฉ่ายรีบวิ่งมา ร้องขึ้นอย่างประหลาดใจ “พระสนม?”

“ข้าเอง เจ้าหมาน้อยล่ะ”

ขณะที่พูด ก็ได้ยินเสียงร้องเป็นระลอกมาจากห้องด้านใน เหมือนเสียงเสียดสีดังเอี๊ยดอ๊าด

มีเครื่องหมายคำถามเต็มหน้าอินชิงเสวียน “เสียงอะไรน่ะ”

อวิ๋นฉ่ายยิ้มตอบ “รถที่พระสนมซื้อให้องค์ชายน้อยไงเพคะ องค์ชายน้อยกำลังเล่นอยู่”

อินชิงเสวียนรีบรุดเดินเข้าห้องไป ดังคาด นางเห็นเจ้าหมาน้อยในชุดตู้โตวกำลังเล่นอยู่ในรถฝึกเดินที่นางซื้อให้อย่างสนุก

มียายหลี่คอยวิ่งตามอยู่ด้านข้าง กลัวว่าเจ้าหมาน้อยจะชนโดนอะไรเข้าให้

“องค์ชายน้อย ระวังหน่อย องค์ชายน้อย ระวังจะชนเข้านะเจ้าคะ”

ทีนี้เจ้าหมาน้อยยิ่งวิ่งสนุกขึ้นไปอีก เสียงล้อจากรถฝึกเดินดังเอี๊ยดๆ ขึ้นไม่หยุด

เมื่อมองเห็นอินชิงเสวียน เจ้าหมาน้อยพลันกระโดดโลดเต้นอย่างดีใจ

สองมืออวบอ้วนกระหน่ำลงรถฝึกเดิน ออกแรงพุ่งตรงไปหาอินชิงเสวียน

เจ้าเด็กคนนี้แรงมากเสียจริง แค่คราเดียวก็พุ่งจนอินชิงเสวียนถอยไปนอกประตู ต้องตั้งหลักอยู่หลายก้าวกว่าจะยันตัวไว้ได้

อวิ๋นฉ่ายรีบเร่งมาพยุงนางไว้ “พระสนม ไม่เป็นไรใช่ไหมเพคะ”

“ข้าไม่เป็นไร”

อินชิงเสวียนมือเท้าเอว นิ้วชี้ไปทางเจ้าหมาน้อย “เจ้าเด็กดื้อ ขนาดแม่แท้ๆ ของเจ้า เจ้ายังจะกล้าชน นี่เจ้าคิดจะล้มแม่ของตนเองหรือไง”

เจ้าหมาน้อยเหมือนจะฟังออกว่านี่ไม่ใช่คำพูดที่ดีนัก ปากน้อยเบะออก น้ำตาไหลอาบแก้มอย่างน่าสงสาร

ยายหลี่รีบอุ้มเจ้าหมาน้อยขึ้น อุ้มพลางโยก “เสด็จแม่ล้อเล่น อย่าร้องนะ เด็กดี”

อินชิงเสวียนเห็นน้ำตาของเจ้าหมาน้อยจากดวงตาทั้งสองข้าง ทนทำใจแข็งไม่ไหว บีบแก้มเล็กของเขาว่า “เจ้าหมาน้อยของพวกเราหล่อที่สุดเลย แม่ชอบเจ้าหมาน้อยมากๆ”

ทันใดนั้นน้ำตาของเจ้าหมาน้อยก็พลันหายไป มือน้อยๆ ที่มีเนื้อแน่นแตะแก้มของอินชิงเสวียนเบาๆ เริ่มพูดอ้อแอ้

อินชิงเสวียนหมดคำจะกล่าว นิ้วจิ้มหน้าผากเขาแล้วกล่าว “เจ้านี่มันหลงตัวเองจริงๆ ชมว่าเจ้าหล่อหน่อยดีใจขนาดนี้เชียว”

เจ้าหมาน้อยหัวเราะเหอๆ ขึ้นอีกรอบ

ไม่ว่าเขาจะดีใจหรือโมโห สีนัยน์ตาจะเปลี่ยนเป็นเข้มขึ้น จุดนี้เหมือนพ่อสารเลวของเขาไม่มีผิดเพี้ยน

ยายหลี่เห็นสองแม่ลูกหัวเราะอย่างมีความสุขจึงพูดขึ้นอยู่ด้านข้างว่า “หลายวันมานี้องค์ชายน้อยคอยเรียกหาแม่ ต้องคิดถึงพระสนมแล้วแน่ๆ”

อวิ๋นฉ่ายพูดเสริม “ใช่แล้ว องค์ชายน้อยของพวกเรานอกจากจะพูดเร็วก่อนไวแล้ว ร่างกายก็กำยำกว่าเด็กทั่วไป บ่าวไม่เคยเห็นเด็กที่ไหนตัวเท่านี้ก็เริ่มวิ่งได้”

พูดถึงตรงนี้ ยายหลี่อดประนมมือขึ้นมาไม่ได้

“ต้องเป็นน้ำพุวิญญาณจากเทพเซียนแน่เลย ขอท่านเทพเซียนปกป้องให้องค์ชายน้อยของพวกเราเติบโตขึ้นอย่างไร้โรคภัยไข้เจ็บด้วยเถิด”

“ไว้ใจเถอะ เจ้าหมาน้อยต้องสุขภาพร่างกายแข็งแรงแน่นอน”

อินชิงเสวียงดึงมืออวบอ้วนของเจ้าหมาน้อยมา วางมือของเด็กน้อยบนปากนางแตะเบาๆ นุ่มนิ่มเหลือเกิน ยังมีกลิ่นนมอ่อนๆ ด้วย อยากจะกัดเข้าให้

แล้วเหลือบเห็นข้อมือของเขาที่เริ่มแดงขึ้นแล้ว นึกถึงแป้งทาแก้ผื่นคันขึ้นมาอีกในทันใด

“อากาศเริ่มร้อนขึ้นแล้ว ต้องอาบน้ำให้เด็กบ่อยๆ ป้องกันไม่ให้ผิวหนังนุ่มนิ่มของเขาโดนเหงื่อของตัวเองกัดจนเป็นแผล ข้าจะไปเอาน้ำจากน้ำพุเซียนมาให้อีก รวดเอาแป้งหอมมาให้เขาทาตัวด้วย”

อินชิงเสวียนยื่นเจ้าหมาน้อยให้ยายหลี่ แต่เจ้าหมาน้อยกลับจับชายเสื้อของนางไว้ไม่ปล่อย

ปากน้อยๆ พยายามเปล่งคำพูดออกมาได้สองคำ

“อย่าไป”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์