เมื่อมองดูใบหน้าที่หล่อเหลานี้ สมองของอินชิงเสวียนก็นึกย้อนกลับไปที่ภาพที่โหดเหี้ยมที่เขาแทงทะลุร่างของเสี่ยวหนานเฟิง เหยียบเลือดสดๆ ค่อยๆ ย่างเข้ามาหานางทีละก้าว
เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
เจ้าไม่ใช่อินชิงเสวียนตัวจริง เจ้าเป็นตัวปลอม
ฉากในมโนภาพนั้นสมจริงราวกับเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นสะท้าน
นางหลุบตาลง พูดด้วยเสียงแผ่วต่ำ “ได้ ท่านไปเถอะ!”
เย่จิ่งอวี้เม้มริมฝีปาก
“ข้าจะไปส่งเจ้ากลับห้อง”
ทั้งสองเดินไปอย่างเงียบงันตลอดทาง จนกระทั่งถึงห้องนอน อินชิงเสวียนก็ปิดประตู
“ฝันดีนะ!”
นางคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้นที่หน้าประตู
“เสวียนเอ๋อร์ก็เช่นกัน”
หลังจากที่เย่จิ่งอวี้พูดจบก็เดินเข้าไปในห้องลับ
ข้างในนั้นมืดมิด และเย่จิ่งอวี้ไม่ได้จุดตะเกียง เดินตามทางที่จำได้ แล้วนั่งลงบนแผ่นหินที่เขามักจะนั่งสมาธิบ่อยๆ
จิตใจยังคิดถึงมโนภาพที่เหมือนจริงจนไม่อาจลืมเลือน
สิ่งที่เสวียนเอ๋อร์พูดไม่ผิด ตัวเองติดค้างนางมากเกินไปจริงๆ
อินชิงเสวียนและเย่จิ่งเย่าต่างมีความรักให้แก่กัน ไม่มีใครในเมืองหลวงที่ไม่รู้เรื่องนี้ ฮ่องเต้องค์ก่อนประทานอภิเษกสมรสให้อินชิงเสวียนกับเขา ซึ่งนับเป็นความอัปยศอดสูอย่างยิ่ง
ข่าวลือที่ระคายหูเหล่านั้นยังทำให้เย่จิ่งอวี้มีความคิดอคติ คิดว่าอินชิงเสวียนเป็นสตรีจิตรวนเร เขาจะยอมลดตัวไปกราบไหว้ฟ้าดินกับนางได้อย่างไร จึงให้หลี่เต๋อฝูหาไก่มาทำหน้าที่นี้แทน
เขาไม่เคยสนใจผู้หญิงคนนี้เลย ไม่สนใจว่านางจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร แม้เขาจะถูกอินชิงเสวียนวางยาพิษ แต่ก็ไม่เคยคิดอยากมองใบหน้านั้น ด้วยความรู้สึกเล็กๆ น้อยๆ เพียงพอให้เขาหยิบชุดคลุมขึ้นมาปกปิดอินชิงเสวียนไว้
เป็นเพราะเหตุนี้ ตอนแรกเขาจึงจำอินชิงเสวียนในวังไม่ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...