สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 838

อินชิงเสวียนไม่ได้พูดอะไรต่อ

ไฟป่าเผาผลาญแต่ไม่สูญสิ้น ลมวสันต์จะพัดโบกปลุกชีวิตฟื้นคืน

ตราบใดที่ยังมีผู้ชายก็จะขยายเผ่าพันธุ์ได้ ผู้ใดจะล่วงรู้ว่าอีกสิบปีข้างหน้าจะมีประเทศเกาะตงหลิวผุดขึ้นมาอีกหรือไม่

ทันใดนั้น สายตาของเย่จิ่งหลานก็ขรึมขึ้น และพูดเสียงเข้มว่า “เก็บเอาไว้ทำไมกัน ชาวตงหลิวต่างสมควรตาย!”

หวังซุ่นรู้สึกหวาดกลัวอย่างอดไม่ได้ หันหน้ามองไปที่เย่จิ่งหลาน

ทันใดนั้น เย่จิ่งหลานก็หันมายิ้มให้เขา

“วางใจได้ ข้าจะเก็บรักษาหัวของเจ้าเป็นอย่างดี”

“ขอบพระทัยท่านอ๋อง”

หวังซุ่นฉีกยิ้มออกมา รอยยิ้มกลับมีความฝืนเล็กน้อย

อินชิงเสวียนเหลือบมองหวังซุ่น และมองไปที่เย่จิ่งอวี้

กลับพบว่าตาคมคู่นั้นมองไปยังด้านหน้า สายตาดูคลุมเครือ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

จู่ๆ บรรยากาศก็เงียบสงัดลงในทันที ทั้งสี่คนต่างคิดเรื่องของตัวเอง ไม่มีใครพูดอะไรอีก

ขณะเดียวกันนั้น บนไหล่เขาทางตอนใต้ เด็กหนุ่มอายุสิบแปดสิบเก้าปีปรากฏตัวขึ้น

เด็กหนุ่มร่างกายผอมเซียว หน้าตาธรรมดา ไม่ได้อัปลักษณ์แต่ก็ไม่ได้หล่อเหลา เขาสวมชุดเสื้อผ้าหยาบที่ซอมซ่อ กำลังก้มหน้ามองเย่จิ่งอวี้และคนอื่นๆ

สายตาของเด็กหนุ่มมีความเกลียดชัง กระทั่งพวกเขาเดินหายไปแล้ว เด็กหนุ่มจึงเก็บสายตากลับไป พร้อมกับเหยียบกิ่งไม้แห่งเข้าไปในภูเขา

เมื่ออินชิงเสวียนรู้ตัวอีกที นางก็มาถึงประตูทางเข้าหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์แล้ว

เซี่ยวอิ๋นหวนและฮวาเชียนกำลังเลี้ยงดูเสี่ยวหนานเฟิงอยู่ในเรือน เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าดังเข้ามา จึงเงยหน้าขึ้นพร้อมกัน

“จิ่งหลาน?”

เมื่อเห็นเด็กที่นั่งอยู่ในท่อเลื่อนหิมะ เซี่ยวอิ๋นหวนก็ประหลาดใจเป็นอย่างมาก รีบอุ้มเสี่ยวหนานเฟิงมาด้านหน้าประตูทันที

เสี่ยวหนานเฟิงก็จำเย่จิ่งหลานได้เช่นกัน ตะโกนพูดเสียงเล็กเสีงน้อยว่า “อาๆ”

เย่จิ่งหลานประสานมือคำนับเซี่ยวอิ๋นหวน ถามด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้มว่า “จ้าวเอ๋อร์คิดถึงอาๆ ใช่หรือไม่?”

เสี่ยวหนานเฟิงยื่นมือเล็กออกมา และตบลงบนหน้าอกของตัวเอง พูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนิ่มว่า “คิด”

เย่จิ่งหลานหัวเราะร่าแล้วพูดว่า “จ้าวเอ๋อร์น่ารักจริงๆ รอให้อาๆ หายดีก่อน ข้าจะแลกของเล่นสนุกๆ มาให้เจ้านะ”

ดูเหมือนว่าเสี่ยวหนานเฟิงจะเข้าใจ จึงปรบมือเล็กๆ อย่างดีอกดีใจ ในปากก็พูดส่งเสียงอ้อๆ แอ้ๆ ที่ทุกคนฟังไม่เข้าใจ

เย่จิ่งอวี้เดินขึ้นมาหนึ่งก้าวและพูดว่า “ท่านแม่ เท้าของจิ่งหลานได้รับบาดเจ็บ ข้าจะพาเขาและหวังซุ่นกลับไปพักผ่อนก่อน”

เซี่ยวอิ๋นหวนก็เห็นว่าเท้าของเย่จิ่งหลานและหวังซุ่นถูกดามไว้อยู่ จึงรีบหลบทางให้

“ได้สิ อวี้เอ๋อร์ระวังด้วยนะ”

เย่จิ่งอวี้ตอบรับ นำเย่จิ่งหลานและหวังซุ่นส่งเข้าไปในห้อง เซี่ยวอิ๋นหวนก็มองมาที่อินชิงเสวียน

“เสวียนเอ๋อร์ เจ้าและอวี้เอ๋อร์...”

อินชิงเสวียนเอื้อมมือมารับเสี่ยวหนานเฟิง พูดอย่างอ่อนโยนว่า “ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าและอาอวี้ไม่ได้เป็นอะไรเจ้าคะ ท่านตาเล่า?”

“เขาเมาแล้ว กำลังพักผ่อนอยู่ที่เรือนด้านหลัง อัศวินพเนจรสกุลฮั่วท่านนั้นค่อนข้างถนัดดื่มเลยทีเดียว”

เมื่อเห็นลูกสะใภ้ของตัวเอง รอยยิ้มของเซี่ยวอิ๋นหวนก็เต็มไปด้วยความรักใคร่

“เจ้าและอวี้เอ๋อร์ต่างก็วุ่นวายมาตลอดวันและคืน ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ ข้าดูลูกให้เอง”

อินชิงเสวียนดื่มน้ำพุวิญญาณ ความเหนื่อยล้าบนร่างกายสลายไปจนสิ้น ตอนนี้กระปรี้กระเปร่ามากทีเดียว

“ข้าไม่ง่วงเจ้าค่ะ จ้าวเอ๋อร์ซุกซนเป็นอย่างมาก ท่านแม่คอยเลี้ยงดูเขามาหลายวันแล้ว ท่านแม่สิที่เหนื่อย วันนี้ข้าดูแลเขาเองดีกว่า”

เลี้ยงหลานชายเหนื่อยอะไรกัน เซี่ยวอิ๋นหวนอยากเอาตัวเสี่ยวหนานเฟิงกลับมา แต่เมื่อคิดว่าอินชิงเสวียนยุ่งมาตลอดหลายวัน ไม่มีเวลาได้ใกล้ชิดเสี่ยวหนานเฟิง คงต้องคิดถึงลูกมากแน่นอน

จึงพูดว่า “เช่นนั้นก็ได้ จ้าวเอ๋อร์ก็คิดถึงเจ้ามาก ร้องหาสวยแม่ตลอดทั้งวันเลยนะ”

เสี่ยวหนานเฟิงกอดคอของอินชิงเสวียนไว้แน่น ใบหน้าที่อ้วนท้วนถูไถราวกับลูกแมวเหมียว

เมื่อได้กอดร่างเล็กที่หนักอึ้ง หัวใจอินชิงเสวียนก็อ่อนโยนลงทันที จึงหันหน้าไปหอมบนแก้มของเสี่ยวหนานเฟิงหนึ่งที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์