สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 841

นิ้วมือของเย่จิ่งอวี้เลื่อนเข้าไปในคอเสื้อ ความรู้สึกหยาบกร้านจากการลูบไล้ ทำให้อินชิงเสวียนรู้สึกสั่นสะท้าน และหายใจเข้าลึกๆ อย่างอดไม่ได้

พูดเสียงสั่นว่า “อาอวี้ อย่าเล่นซนนะ เช่นนี้จะไม่ดีต่อลูก”

อินชิงเสวียนหดร่างกาย น้ำเสียงของนางแฝงไปด้วยการวิงวอน และนางก็จับมือที่ซุกซนเอาไว้แน่น

ลักษณะท่าทางเขินอายของนาง กลับยิ่งทำให้เย่จิ่งอวี้มีความปรารถนาเพิ่มมากขึ้น เขาอยากจับเด็กสาวคนนี้กดลงบนพื้นหญ้า และกลั่นแกล้งนางด้วยความรุนแรง

“ข้าจะพาจ้าวเอ๋อร์ออกไปส่งด้านนอก”

เย่จิ่งอวี้หอบหายใจครู่หนึ่ง พยายามกดเสียงแหบพร่าในลำคอแล้วพูดว่า “ท่านแม่คงกำลังรอจ้าวเอ๋อร์อยู่”

“อย่านะเพคะ นานๆ จะได้อยู่กับลูก ท่านอย่าได้คิดแผนร้ายเด็ดขาด”

อินชิงเสวียนคว้ามือของเขาด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ ชายผู้นั้นกลับเคลื่อนตัวลงไปอีกเล็กน้อยแล้วพูดอย่างฮึกเหิมว่า “เมื่อมีความปรารถนา จึงแสวงหาหญิงรักผู้งดงาม เรื่องธรรมดาที่พบเห็นเป็นอาจิณ”

ร่างกายของอินชิงเสวียนอ่อนไหวเป็นอย่างมาก จึงร้องตกใจและพูดด้วยความโกรธเล็กน้อย “อาอวี้ ท่านอย่าเล่นซนนะ”

เย่จิ่งอวี้จึงต้องชักมือกลับไปด้วยความเสียดาย ความรู้สึกนุ่มนวลที่ปลายนิ้วยังไม่มลายหายไป

เมื่อเขาสงบสติลงแล้ว ก็นอนตะแคงบนพื้นหญ้า มือข้างหนึ่งประคองแก้มเอาไว้ “เช่นนั้นเสวียนเอ๋อร์เล่าเรื่องฮว๋าเซี่ยให้ข้าฟังหน่อยสิ ข้าอยากรู้ว่าโลกของพวกเจ้าเป็นอย่างไร?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ อินชิงเสวียนก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมา

ฮว๋าเซี่ยเป็นประเทศอารยะโบราณที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าห้าพันปีแห่งนี้ ซึ่งไม่สามารถเล่าให้เสร็จภายในสิบวันสิบคืนได้

อินชิงเสวียนจึงเล่าให้ฟังอย่างคร่าวๆ โดยเริ่มจากยุคสมัยปัจจุบัน

เมื่อรู้ว่าบนถนนมีรถวิ่งได้เองโดยไม่ต้องใช้ม้าลาก บนท้องฟ้ามีเครื่องบินที่สามารถบินได้ อีกทั้งรถไฟฟ้าที่มีความเร็วสูง เย่จิ่งอวี้ทั้งตกใจและโหยหา

สรุปว่าเป็นประเทศแบบไหนกันแน่ ที่มีการพัฒนาก้าวหน้าเช่นนี้ได้

อินชิงเสวียนวางศีรษะบนแขนของเขาแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “การพัฒนาตลอดหลายสิบปีนี้ของประเทศเรา เรียกได้ว่ารวดเร็วเป็นอย่างมาก อยู่ที่นั่นไร้ซึ่งแนวคิดการให้ความสำคัญแก่ผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ผู้หญิงก็สามารถออกไปเรียน ทำงานและถูกเรียกว่าผู้หญิงยุคใหม่”

เย่จิ่งอวี้ครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ความจริงไม่ควรมีแนวคิดเช่นนี้ สตรีคือมารดาของทุกสรรพสิ่ง ตลอดชีวิตต้องทนทุกข์กับการให้กำเนิดนับครั้งไม่ถ้วน ซึ่งสมควรได้รับความรัก น่าเสียดายที่ข้าไม่รู้ว่าความคิดเช่นนี้มาจากที่ใด แต่มันกลับฝังรากลึกในใจของผู้คน”

อินชิงเสวียนพยักหน้า

“อาจารย์มหาวิทยาลัยของข้าเคยพูดในชั้นเรียน ถึงแนวคิดเรื่องการให้ความสำคัญแก่ผู้ชายมากกว่าผู้หญิง แรกเริ่มเดิมทีไม่ใช่ว่าผู้หญิงจะต้องด้อยกว่าผู้ชาย แต่เป็นคำพูดของปราชญ์โบราณที่ถูกเข้าใจผิด และต่อมาก็แพร่กระจายมาถึงจุดนี้เท่านั้น”

นางกระแอมและพูดว่า “หนังสือต้นฉบับกล่าวไว้ว่า สวรรค์อยู่เบื้องบนโลกอยู่เบื้องล่าง ฟ้าดินกำหนดไว้แล้ว การเคลื่อนไหวและความนิ่งของสวรรค์และโลกมีกฎของตัวเอง ซึ่งสามารถกำหนดได้ด้วยความแข็งและความนุ่มนวล สิ่งที่เหมือนอยู่รวมกัน สิ่งที่ต่างแยกกันไป ความดีและความชั่วจึงบังเกิด บนฟ้าเกิดปรากฏการณ์มากมาย บนดินก็เกิดสรรพสิ่งมากมาย การแปรเปลี่ยนก็ปรากฏชัด ผู้ชายสืบทอดความแข็งแกร่งจากสวรรค์ ผู้หญิงสืบทอดความอ่อนโยนของโลก ฟ้าสวรรค์กำหนดความแข็งแกร่งของทุกสรรพสิ่ง พื้นโลกกำหนดในก่อเกิดทุกสรรพสิ่ง ล้วนกำหนดให้ทุกสิ่งเกิดขึ้นและดำเนินไป คำพูดเหล่านี้ไม่ได้หมายความว่าสวรรค์นั้นสูงส่งกว่าโลก แต่ทุกสิ่งส่งเสริมซึ่งกันและกันเพื่อให้บรรลุสันติภาพ จึงมีคำพูดที่กล่าวว่าสวรรค์คู่กับโลก ฟ้าคู่กับดิน”

เมื่อได้ฟังคำอธิบายของอินชิงเสวียน เย่จิ่งอวี้กระจ่างแจ้งขึ้นมาในทันใด

จึงเอ่ยชมไม่หยุดว่า “ถูกต้องเลย ทุกสรรพสิ่งต่างสัมพันธ์กัน จึงเรียกว่าหยินและหยาง การเคลื่อนไหวและการหยุดนิ่งรวมเข้าด้วยกัน ก่อกำเนิดรูป สรรพสิ่งก็เกิดขึ้น! คำอธิบายของเสวียนเอ๋อร์เป็นสิ่งที่มีค่ามหาศาล กลับเมืองหลวงครั้งนี้ เสวียนเอ๋อร์นำทฤษฎีนี้รวบรวมไว้ในตำราเรียน เพื่อให้เกิดการซึมซับอย่างต่อเรื่อง ซึ่งจะทำให้ประชาชนเห็นความสำคัญของผู้หญิง”

เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งอวี้มีความคิดเห็นแจ้งเช่นนี้ อินชิงเสวียนก็ดีใจเป็นอย่างมาก ทุกครั้งที่ออกไปด้านนอกก็ต้องแต่งตัวเป็นผู้ชาย อยู่ในตลาดก็พบเห็นแต่ผู้ชายเป็นส่วนมาก ถึงตอนนั้นที่ผู้หญิงจะสามารถเดินเล่นด้านนอกได้ตามใจ เช่นนั้นจะเรียกว่าสิ่งสวยงามที่แท้จริง

“เพคะ”

นางยิ้มพร้อมกับพยักหน้า

“ขอบคุณอาอวี้!”

“เจ้าและข้าเป็นสามีภรรยากัน ไม่จำเป็นต้องกล่าวคำขอบคุณใด เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะกำจัดตงหลิวได้เมื่อใด”

เมื่อนึกถึงคนเหล่านั้นที่เหมือนลูกหนู เข้ามาแทรกแซงอยู่ตลอดเวลา เย่จิ่งอวี้ขมวดคิ้วคมขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

อินชิงเสวียนก็ถอนหายใจ ตอนนี้เย่จิ่งหลานได้รับบาดเจ็บ แม้ว่ามีน้ำพุวิญญาณคอยช่วยเหลือ เกรงว่าต้องพักฟื้นสามถึงห้าวันจึงจะลุกขึ้นมาต่อเรือได้ และอีกเพียงไม่กี่วันพวกเขาก็ต้องไปจากเมืองหลวงแล้ว

เมื่อสายตาหันไปโดยไม่รู้ตัว จู่ๆ ก็เห็นภาพพิมพ์สามมิติของพิณการเวก ดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมา

“เถียนเซินหลินและคนอื่นๆ มาที่นี่ ก็เพื่อทำลายพิณการเวก ข้าพอจะมีวิธีการให้ดาบคืนสนอง”

“หา? พูดให้ข้าฟังหน่อยสิ?”

เย่จิ่งอวี้ลุกขึ้นนั่ง สายตามองไปที่อินชิงเสวียน

สิ่งที่เขาชอบมองมากที่สุด ก็คืออารมณ์ความสดใสเวลาที่เด็กสาวตัวน้อยคิดบางสิ่งได้

อินชิงเสวียนอุ้มของปลอมเข้ามา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์