เจ้าสำนักเซี่ยวพูดด้วยน้ำเสียงที่คล้ายระฆังใหญ่ “ไม่ต้องพิธีรีตอง”
อินชิงเสวียนยืดตัวตรง และพูดแนะนำพวกเขาเหล่านี้ “นี่คือท่านพี่ของข้าอินสิงอวิ๋น และพี่สะใภ้ของข้าเป่าเล่อเอ่อร์ ทั้งสองท่านนี้ก็คือเจ้าสำนักเซี่ยวและผู้คุมตราเซี่ยวของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ และเป็นท่านแม่ผู้ให้กำเนิดฝ่าบาท”
อินสิงอวิ๋นตกใจเป็นอย่างมาก
หลายปีก่อนหวนไท่เฟยป่วยจนสิ้นพระชนม์ เรื่องนี้ทุกคนต่างทราบกันเป็นอย่างดี ไม่คิดว่าตอนนี้นางยังนั่งอยู่ที่นี่อย่างสบายดี และยังเป็นผู้คุมตราของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์
เมื่อเห็นว่าอินสิงอวิ๋นยืนนิ่งไม่ขยับ เป่าเล่อเอ่อร์จึงดึงแขนเสื้อของเขาเบาๆ
อินสิงอวิ๋นได้สติกลับมาทันที และพูดอย่างเคารพว่า “อินสิงอวิ๋นและภรรยาขอคำนับเจ้าสำนักเซี่ยว คำนับไท่เฟย ขอบคุณผู้อาวุโสทั้งสองที่เมตตาและช่วยชีวิตเอาไว้”
เซี่ยวอิ๋นหวนยิ้มด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก
“ไม่ต้องเกรงใจ ผู้ที่ช่วยเจ้าไม่ใช่ข้า แต่เป็นเสวียนเอ๋อร์”
เจ้าสำนักเซี่ยวพูดต่อว่า “ในเมื่อมาแล้วก็พักสักสองสามวันก่อน ดูขนบธรรมเนียมและประเพณีของที่นี่ก็ดีเช่นกัน สองวันนี้ไม่มีธุระอะไร ให้อาอวี้และเสวียนเอ๋อร์พาพวกเจ้าไปเที่ยวเล่น หากมีความต้องการสิ่งใดก็บอกมาได้เลย”
น้ำเสียงของท่านผู้เฒ่าสง่าผ่าเผย ทำให้อินสิงอวิ๋นเกิดความซาบซึ้งใจ รีบโน้มตัวและพูดว่า “ขอบพระคุณท่านเจ้าสำนัก ภรรยาของข้ายังมีร่างกายอ่อนแรงนัก เกรงว่ายังต้องรบกวนอีกสองสามวันขอรับ”
เป่าเล่อเอ่อร์ก็โน้มตัวขอบคุณเช่นกัน สายตามองไปยังหน้าท้องที่แบนเรียบ จึงรู้สึกหน่วงที่จมูกอย่างอดไม่ได้
นางจินตนาการถึงวันที่ลูกที่เกิดมาจะหน้าตาเป็นอย่างไร ไม่คิดว่าวันคืนที่นับไม่ถ้วนนั้น กลับเป็นเพียงสิ่งสวยงามที่จับต้องไม่ได้
ลูกรักที่น่าสงสารของนาง นางรู้สึกถึงเด็กในครรภ์ที่ดิ้นได้แล้ว ไม่นึกว่าจะไม่เหลืออะไรแล้ว เป่าเล่อเอ่อร์รับไม่ได้กับผลลัพธ์เช่นนี้
อินชิงเสวียนความคิดรอบคอบ เมื่อเห็นเป่าเล่อเอ่อร์ใช้แรงเม้มริมฝีปาก ก็รู้ว่านางมีเรื่องไม่สบายใจอย่างแน่นอน
นางจับมือที่เย็นเล็กน้อยของเป่าเล่อเอ่อร์ พูดกับเจ้าสำนักเซี่ยวและท่านแม่ว่า “ท่านตา ท่านแม่ เสวียนเอ๋อร์ขอไปส่งพี่สะใภ้ก่อน ค่ำหน่อยจะมาใหม่เจ้าค่ะ”
เซี่ยวอิ๋นหวนด้วยความเป็นมิตรว่า “ไปเถอะ ไม่สบายก็ควรพักฟื้นให้ดี ข้าให้คนทำแกงปลาไว้แล้ว คิดว่าใกล้ได้ที่แล้ว ให้พี่สะใภ้ของเจ้าดื่มเยอะๆ หน่อยนะ”
เป่าเล่อเอ่อร์รีบแสดงความเคารพ
“ขอบพระคุณไท่เฟย เป่าเล่อเอ่อร์ขอตัวลา”
เมื่อกลับไปถึงลานเล็กๆ ที่อาศัยอยู่ เป่าเล่อเอ่อร์ก็ปริปากพูดอย่างยากลำบาก
“กุ้ยเฟยคงมีเรื่องที่ต้องทำอีกมาก ไม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนข้าหรอก”
อินชิงเสวียนโบกมือเพื่อให้ชายร่างใหญ่สองคนออกไป และพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า “ท่านและพี่ใหญ่ยังอายุไม่มาก พวกท่านมีลูกอีกเมื่อไรก็ย่อมได้ อย่าได้หดหู่จนเกิดโรคเด็ดขาด หากร่างกายของท่านย่ำแย่ไป อาจจะไม่มีลูกอีกแล้วจริงๆ”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่อ่อนโยนของอินชิงเสวียน เป่าเล่อเอ่อร์รู้สึกหน่วงที่จมูก และน้ำตาก็ไหลลงมาทันที
นางกำชายผ้าเอาไว้ และพูดเสียงสะอื้นว่า “เป็นเพราะข้าไม่ดีเองที่ไม่สามารถรักษาลูกคนนี้ไว้ได้ ท่านพ่อและท่านแม่รองต่างก็รอที่จะอุ้มหลานชาย เป็นเพราะข้าไร้ความสามารถ ทำให้พวกเขาต้องผิดหวัง และต้องรู้สึกผิดต่อสิงอวิ๋นที่ดูแลเอาใจใส่ข้ามาเนิ่นนานขนาดนี้”
อินชิงเสวียนขมวดคิ้ว
“ความคิดอะไรของท่านกันเนี่ย มีแม่ที่ไหนต้องการให้มีอันตรายเกิดขึ้นกับลูก เรื่องนี้โทษท่านไม่ได้หรอก การที่ท่านสามารถมาถึงต้าโจวเพียงตัวคนเดียวได้ ท่านก็กล้าหาญมากพอแล้ว หากไม่ใช่เพราะจูอวี้เหยียนเสกพิษกู่ในร่างกายของท่าน คงไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น โชคดีที่คนชั่วได้รับกรรมชั่ว จูอวี้เหยียนได้ถูกฝ่าบาทฆ่าตายแล้ว พิษกู่ในร่างกายของท่านก็ถูกกำจัดจนหมดสิ้นแล้ว จากนี้จะไม่มีใครทำร้ายท่านและพี่ใหญ่ได้อีกแล้ว”
เป่าเล่อเอ่อร์พยายามใช้แรงพยักหน้า จากนั้นก็กระโจนเข้าสู่อ้อมกอดของอินชิงเสวียน และร้องไห้ออกมาแงๆ
อินชิงเสวียนไม่ได้ห้ามนาง บางครั้งการได้ระบายออกมาก็เป็นเรื่องที่ดี
เวลาเพียงประมาณสิบห้านาที เป่าเล่อเอ่อร์จึงค่อยๆ หยุดร้องไห้ และพูดอย่างรู้สึกผิด “ขอโทษด้วยนะ เสื้อของเหนียงเหนียงเปียกน้ำตาข้าหมดเลย”
อินชิงเสวียนยิ้มและพูดว่า “ใครร้องไห้ไม่มีน้ำตากันเล่า หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ คงเรียกว่าฟ้าผ่าแต่ฝนไม่ตกแล้วล่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...
คนที่แสดงตัวเป็นพี่ใหญ่ไม่น่าจะเป็นตัวจริงเพราะมีพฤติกรรมลับลมคมในเรื่องต่างๆและทำให้เรื่องต่างๆแย่ลง เหมือนว่าจะหลงรักน้องสาวตัวเองเลยไม่รู้ว่าเป็นน้องแท้ๆหรือเปล่า...