สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 858

ยามราตรีมาเยือนอย่างรวดเร็ว

เหลาสุราได้กลายเป็นสถานที่รวมพลของจอมยุทธ์ผู้กล้าอีกครั้ง

วัตถุประสงค์ของการสนทนาในวันนี้กลายเป็นหัวข้อเรื่องพิณการเวก

เมื่อรู้ว่าพิณถูกทำลาย ทุกคนต่างพร่ำบ่นอยู่ในใจ

อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นซูถูเสียชีวิตไปก่อนหน้า ก็ไม่มีใครกล้าไปสอบถามที่หอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ด้วยฌานตบะของเจ้าสำนักเซี่ยว การจัดการกับพวกเขานั้นง่ายเหมือนกับการบีบมดให้ตาย

แต่ถึงไม่กล้าไป ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่กล้าพูด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากซดน้ำเมาไปสองสามถ้วย ทุกคนก็พูดคุยกันอย่างกระตือรือร้นมากขึ้น กระทั่งหลังคาของเหลาสุราก็แทบจะพลิกคว่ำ

ฉุยอวี้รู้สึกหงุดหงิดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อได้ยินเสียงเอะอะของคนเหล่านี้ ก็อดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นยืน ขณะที่กำลังจะแผลงฤทธิ์ ก็ได้ยินบริกรด่าว่า “คนชั้นต่ำอย่างเจ้า ไม่รู้หรือว่าใครเป็นเจ้าของเหลาสุราแห่งนี้ กล้าดีอย่างไรมาชักดาบค่าอาหารที่นี่”

มีเสียงดังปัง ชายหนุ่มร่างผอมคนหนึ่งถูกเตะออกไปหลายจั้ง และกลิ้งไปหยุดที่ปลายเท้าของฉุยอวี้

“ไอ้เด็กเปรตนี่ รีบจ่ายเงินมาเร็ว ไม่งั้นอุ้งมือทั้งสองข้างของเจ้าก็ไม่ต้องเอาแล้ว”

บริกรเดินบีบเข้าไปใกล้ สีหน้าของชายหนุ่มตื่นตระหนก เอื้อมมือไปคว้าเสื้อผ้าของฉุยอวี้

“เจ้าสำนักฉุยช่วยข้าด้วย”

“เจ้ารู้จักข้า?”

ฉุยอวี้ขมวดคิ้ว เมื่อมองดูรูปร่างผอมโซและเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นของชายหนุ่ม ก็อดสงสารเสียมิได้

ชายหนุ่มพูดซ้ำๆ ว่า “ข้าน้อยได้ยินชื่อเจ้าสำนักมานานแล้ว ในใจรู้สึกชื่นชมมาก หวังว่าเจ้าสำนักจะช่วยข้าด้วย เฮิ่นเทียนยินดีรับใช้เจ้าสำนักเต็มที่”

ครั้นได้ยินดังนี้ จิตใจของฉุยอวี้ก็หวั่นไหวเล็กน้อย

นางยื่นมือออกไปตรวจชีพจรของเด็กหนุ่ม พบว่ามีลมปราณพลุ่งพล่านในจุดตันเถียน

“เจ้าเคยร่ำเรียนวรยุทธ์?”

ชายหนุ่มที่เรียกตัวเองว่าเฮิ่นเทียนพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ได้เรียนมาบ้างขอรับ”

ฉุยอวี้ตอบอืม แล้วหันไปมองบริกรคนนั้น

“อาหารของเขาราคาเท่าไหร่”

แน่นอนว่าบริกรรู้จักฉุยอวี้ จึงพยักหน้าพลางโค้งคำนับว่า “เรียนเจ้าสำนักฉุย สองตำลึงขอรับ”

ฉุยอวี้ล้วงเงินสองตำลึงออกจากแขนเสื้อแล้วโยนให้เขาไป

“เจ้า มากับข้า”

เหล่านักดื่มต่างจ้องมองเฮิ่นเทียนอย่างอิจฉาริษยาทันที

ไม่มีใครในยุทธจักรจะรู้ว่าสำนักเซียวเหยาเป็นสถานที่แบบไหน เจ้าเด็กนี่โชคดีแล้ว หากให้พวกเขาไปบ้าง คงจะดีไม่น้อย

มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาด บางครั้งสบถด่าด้วยปาก แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาในใจ คนส่วนใหญ่มีแต่คนประเภท กินองุ่นไม่ถึง แล้วเที่ยวพูดว่าองุ่นนั้นเปรี้ยว

เฮิ่นเทียนคลานขึ้นมาจากพื้น แล้วติดตามฉุยอวี้ออกจากเหลาสุรา ขณะที่มองไปยังแผ่นหลังของฉุยอวี้ เขายกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ด้วยการคุ้มครองของสำนักเซียวเหยา เขาสามารถฝึกฝนอย่างเงียบๆ รอคอยโอกาสเหมาะ...

ขณะที่กำลังคิดอยู่ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าข้างหลัง

“เจ้าสำนักฉุย ไม่เจอกันนานสบายดีหรือไม่!”

กระแสเสียงแผ่วต่ำอ่อนโยนดังมาจากด้านหลัง ทั้งยังเจือไปด้วยความเสียใจ

ฉุยอวี้ตกตะลึง หันหลังกลับอย่างรวดเร็ว

ครั้นเห็นบุรุษที่ยืนอยู่ท่ามกลางความมืดยามราตรี ก็อดไม่ได้ที่จะถอยกลับไปด้วยความตกใจ

“เป็นท่าน ฮั่วเทียนเฉิง?”

รูม่านตาของเฮิ่นเทียนก็หดลงพลัน ถูกต้อง คนผู้นี้คือฮั่วเทียนเฉิงจากตำหนักเทพหอทองคำ ทำไมเขาถึงมาที่นี่

ฮั่วเทียนเฉิงก้าวไปข้างหน้า พูดด้วยรอยยิ้มจางๆ “จากลากันเนิ่นนานนับปี คิดไม่ถึงว่าศิษย์น้องฉุยจะยังจำข้าได้ ไม่ทราบว่าศิษย์น้องเฟิงอยู่ที่ไหน”

ครั้นได้ยินดังนี้ เฮิ่นเทียนก็ตกตะลึงอีกครั้ง

ฉุยอวี้ความจริงแล้วเป็นคนของตำหนักเทพหอทองคำ จึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะลั่นในใจ

ดีมาก!

สรรค์ช่วยเขาจริงๆ มีพวกเขาปกป้อง แม้ว่าเฮ่อฉางเฟิงเจ้าเด็กเปรตนั่นจะพบตัวเขา เขาก็ไม่ต้องกลัวแล้ว

ใบหน้าของฉุยอวี้เปลี่ยนเป็นเย็นชาอย่างรวดเร็ว

“ข้ากับเฟิงอวิ๋นลี่ไม่ใช่คนของตำหนักเทพนานแล้ว มิกล้ารับคำว่าศิษย์น้อง ถ้าท่านฮั่วไม่มีอะไรแล้ว ข้าต้องขอตัวกลับก่อน”

ฉุยอวี้หันหลังหมายจะจากไป แต่ร่างของฮั่วเทียนเฉิงก็หายวับมาปรากฏอยู่ตรงหน้านางแล้ว

ดวงตาของเขายังคงมีรอยยิ้ม แต่คำพูดที่เอ่ยออกมากลับเย็นชาราวกับน้ำแข็ง

“เกิดก็เป็นคนของตำหนัก ตายก็เป็นผีของตำหนัก ในเมื่อเข้าตำหนักเทพแล้ว เจ้าและข้าไม่มีทางเลือก!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์