เมื่อกลับถึงห้องพักขันที เสี่ยวอานจื่อหลับไปแล้ว มีเสียงกรนดังขึ้นเป็นระยะๆ
อินชิงเสวียนเหลือบมองเขาอย่างอิจฉา พลันล้มตัวนอนลงบนเตียง
ได้แต่มองเพดาน ไม่มีท่าทีง่วงนอนเลย
อุบัติเหตุของเย่จิ่งอวี้ทำนางรู้สึกสะเทือนใจ แต่มันก็แค่เล็กน้อยเท่านั้น
ยุคปัจจุบัน นางอ่านพงศาวดารที่เกี่ยวกับราชวงศ์มาค่อนข้างเยอะ เช่นนั้นถึงมันจะเดินเรื่องแปลกกว่านี้อีกนางก็ยอบรับได้
ทว่าสิ่งที่อินชิงเสวียนควรคิดถึงมากกว่าคือจากนี้ไปจะเดินเส้นทางของตัวเองอย่างไร
วันนี้ใช้กระบองไฟฟ้าจี้ลู่จิ้งเสียนไป ถือว่าได้ปลดปล่อยความโกรธไปหนึ่ง แต่กลับไม่รู้ว่าทางด้านไทเฮากำลังคิดอะไรอยู่
ตอนนี้นางต้องใช้ตัวเองให้เป็นประโยชน์ อาจจะพูดอะไรมากไม่ได้ อีกทั้งห้ามหลงระเริงเกินเหตุ หากทำให้ปีศาจเฒ่าโมโหเข้า ตัวตนของเจ้าของร่างเดิมต้องถูกเปิดเผย ถึงตอนนั้นทุกอย่างก็คงจบเห่
แต่หากให้อินชิงเสวียนวางยาเย่จิ่งอวี้ นางก็ไม่กล้าจริงๆ
ถึงนางจะเกลียดคนสารเลวผู้นี้ แต่นางก็อยากมีชีวิตมากกว่า
เย่จิ่งอวี้สามารถนั่งบัลลังก์กษัตริย์ได้แสดงว่าต้องไม่ธรรมดา ยิ่งไปกว่านั้นยังมีหลี่เต๋อฝูคอยปรนนิบัติรับใช้อยู่ข้างกายอีก
เรื่องนี้ไม่ง่ายแน่ๆ
ถ้าอยากรอดก็คงทำได้เพียงนอบน้อมคล้อยตาม คอยรับมือกับทั้งสองฝ่าย
พอคิดได้เช่นนี้ อินชิงเสวียนถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้
นางก็แค่อยากหาเงินเพียงเล็กน้อย ใช้ชีวิตอย่างอิสระนอกวังสักสักสองสามวัน ทำไมสวรรค์ต้องสร้างปัญหาให้นางด้วย
หากเข้าตาจนก็ต้องเสี่ยงเอาเจ้าหมาน้อยออกมาก่อน
ครอบครัวเหล่าหลิวไท่ไท่ดูพอใช้ได้ น่าจะช่วยดูแลลูกให้ได้
แต่ยากตรงที่นางจะใช้เหตุผลใดออกไปนี่สิ
เว้นเสียแต่ว่าเย่จิ่งอวี้จะส่งนางออกไปนอกวังเอง หากนางเป็นคนเอ่ยออกมา เขาต้องสงสัยแน่
อินชิงเสวียนยิ่งคิดยิ่งปวดหัว จึงปล่อยสมองโล่ง
ค่อยเป็นค่อยไปแล้วกัน แผนการคงไม่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วหรอก
พลิกตัวไปมาสักพักก็เริ่มง่วง เพิ่งหลับตาลงก็ถูกปลุกโดยเสี่ยวอานจื่อ
“ตื่นๆ ไปทำงานได้แล้ว”
อินชิงเสวียนหมดคำจะพูด ขยี้ตาพลางเอ่ยขึ้น “เสี่ยวอานจื่อพรุ่งนี้เปลี่ยนเวรให้ข้าเป็นก่อนเที่ยงคืนได้หรือไม่”
เสี่ยวอานจื่อชี้นิ้วพูดขึ้น “นี่เจ้าโง่รึ ก่อนเที่ยงคืนมันแย่มากนะ ฝ่าบาทเสด็จไปแล้ว พวกเขายังต้องตื่นขึ้นมาทำความสะอาดอีก ส่วนพวกทำงานหลังเที่ยงคืนอย่างพวกเราได้นอนทั้งคืนจนกว่าฝ่าบาทจะเสด็จมา”
นอนบ้าบออะไรกัน ฝ่าบาทเสด็จไปอากาศก็ร้อนแล้ว ไม่มีทั้งแอร์ทั้งพัดลม นอนไม่หลับอยู่แล้ว
“ไม่ ข้าไม่ชอบกะหลังเที่ยงคืน เปลี่ยนดีกว่า”
เสี่ยวอานจื่อพูดอย่างจนปัญญา “เดี๋ยวพรุ่งนี้ข้าไปคุยกับท่านอาจารย์ดูว่าท่านจะตกลงหรือไม่”
อินชิงเสวียนหาวพลางเอ่ยขึ้น “ขอบใจนะ”
ทั้งสองมาถึงประตูนอกตำหนักเฉิงเทียนแล้ว ต่างคนต่างนั่งลงคนละเสา
เมื่อคืนอินชิงเสวียนไม่ได้นอนดีนักจึงง่วงมากก็เลยผล็อยหลับไป
ยามสาม เย่จิ่งอวี้ตื่นแล้ว
หลี่เต๋อฝูแต่งองค์ทรงเครื่องให้เขาเรียบร้อย เตรียมว่าราชการเช้า
เมื่อเดินออกมาก็เห็นอินชิงเสวียนกอดเสานอนหลับ
หลี่เต๋อฝูรีบเอ่ยขึ้น “เสี่ยวเสวียนจื่อผู้นี้ชักจะหนักข้อขึ้นทุกวัน กระหม่อมจะไปปลุกเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ”
เย่จิ่งอวี้ฉีกยิ้มออกมาเบาๆ พร้อมกับพูดขึ้น “ไม่ต้องหรอก ให้เขานอนเถอะ”
อินชิงเสวียนร่วมเสนอแผนการหลายครั้ง ทำคุณงามความดีเป็นหนึ่ง นอนต่ออีกสักหน่อยก็ไม่มีผลกระทบอะไร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...
คนที่แสดงตัวเป็นพี่ใหญ่ไม่น่าจะเป็นตัวจริงเพราะมีพฤติกรรมลับลมคมในเรื่องต่างๆและทำให้เรื่องต่างๆแย่ลง เหมือนว่าจะหลงรักน้องสาวตัวเองเลยไม่รู้ว่าเป็นน้องแท้ๆหรือเปล่า...
มีคนเล่นตุกติกกับชุดของเด็กแล้วอยู่ในวังต้องระมัดระวังก็รู้อยู่นะคราวนี้ผ่านมาทางคนที่สนิท...
ดีจริงแทนที่จะเสียคะแนนได้คะแนนมาเพิ่มอีก...
ทางด้านกลยุทธ์น่าจะได้แต่ทางด้านวรยุทธหรือพละกำลังน่าจะไม่ไหวดังนั้นต้องพิสูจน์ตัวเอง...
อายุยังไม่ทันถึง 6 เดือนเลยละมั้งทำไมพูดคุยได้แล้วเก่งจริง...
โกหกครั้งหนึ่งก็ต้องโกหกต่อๆไป...
ความแตกแล้วมั้งเนี่ย...
เกือบไปแล้ว...