ในราชรถม้าใบหน้าเย่จิ่งอวี้นิ่งขรึมราวกับสายน้ำลึก ดวงตาพญาหงษ์คู่นั้นเยือกเย็นดั่งน้ำแข็ง
หลี่เต๋อฝูวิ่งตามช้าๆ อยู่ด้านหลัง ไม่กล้าแม้แต่หายใจเสียงดัง
กวนฮั่นหลินเป็นถึงทหารผ่านศึกสามแผ่นดิน แม่ทัพอินจ้งก็เป็นลูกศิษย์ที่เขาภาคภูมิใจ เขาต้องการปกป้องอินจ้งนั้นย่อมสมเหตุสมผลอยู่แล้ว
เพียงแต่จดหมายตอบกลับฉบับนั้นเป็นลายมือของอินจ้งจริงๆ กวนฮั่นหลินที่เป็นถึงแม่ทัพย่อมมีสิทธิ์อันชอบธรรมที่จะได้อ่าน
วันนี้เขาเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมาอีก หรือว่าจะแก่เลอะเลือนไปแล้ว
ขณะที่กำลังคิด ราชรถก็เดินทางมาถึงห้องหนังสือเรียบร้อย
เย่จิ่งอวี้รีบลงจากราชรถ พลันตรงไปที่ห้องโถง
ดวงตาพญาหงษ์สั่นไหว
เขาก็เคยสงสัยว่าต้องมีบางอย่างถูกปกปิดไว้
หรือจะเป็นเย่จิ่งเย่าสุนัขจนตรอกที่ลงมือใส่ร้ายอินจ้ง
แต่ในจดหมายมีขนนกยูงสามเส้นที่มีเพียงแคว้นเจียงวูเท่านั้นที่มี อีกทั้งปลายขนยังมีจุดสีแดงชาดที่เป็นสัญลักษณ์ของราชวงศ์แคว้นเจียงวูที่คนทั่วไปไม่สามารถครอบครองได้
หลักฐานชี้ชัดขนาดนี้จะพูดอย่างไรได้อีก
นึกย้อนไปถึงตอนที่ฮ่องเต้องค์ก่อนทรงประชวรหนัก อินจ้งคอยระแวดระวังให้เขาทุกทาง แววตาเย่จิ่งอวี้เย็นชาขึ้นอีก
แม้อินจ้งจะไม่สนิทสนมกับเย่จิ่งเย่า ทว่าแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยให้ความสนใจเขา
หากไม่เห็นแก่ผลงานการรบที่เลื่องลือไปทั่ว เกรงว่าเขาคงถูกประหารไปนานแล้ว ขุนนางก่อกบฏแล้วยังมีหน้ากลับมาเมืองหลวงได้อย่างไร
เมื่อนึกย้อนถึงเรื่องราวต่างๆ ในปีก่อน เย่จิ่งอวี้ก็ใจเต้นระส่ำ
ทันใดนั้นได้ยินเสียงหลี่เต๋อฝูเอ่ยขึ้นเบาๆ “ฝ่าบาท เสนาบดีกรมโยธาขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”
เย่จิ่งอวี้ผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ ระงับความกลัดกลุ้มในใจ สีหน้ากลับมาน่าเกรงขามเฉกเช่นฮ่องเต้ที่ควรเป็น
พลางกล่าวเสียงเรียบ “ให้เขาเข้ามา แล้วไปตามเสี่ยวเสวียนจื่อมาด้วย”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ไม่นานนัก ฉินไฮ่ฉิวก็เดินเข้ามาในห้องโถง
“คารวะฝ่าบาท”
เขาถลกเสื้อคลุมขึ้นกำลังจะคุกเข่า ทว่าเย่จิ่งอวี้ปรามไว้
“ไม่ต้องมากพิธี ข้าให้หลี่เต๋อฝูไปตามผู้ที่สามารถไขข้อสงสัยของเจ้าแล้ว รอประเดี๋ยวแล้วกัน”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ฉินไฮ่ฉิวยืนรออยู่ด้านข้าง
ไม่นานอินชิงเสวียนก็เดินเข้ามาจากนอกห้องโถง
“คารวะฝ่าบาท”
“ไม่ต้องมากพิธี”
เย่จิ่งอวี้นั่งบนเก้าอี้ไม้หนานมู่สีทองพนักพิงสูงเอ่ยเสียงเรียบ “เสนาบดีฉินมีคำถามบางอย่างเกี่ยวกับการสร้างเครื่องจักร เจ้าคลายข้อสงสัยให้เขาด้วย”
“พ่ะย่ะค่ะ ใต้เท้าไม่เข้าใจส่วนใดหรือขอรับ”
อินชิงเสวียนหันไปหาฉินไฮ่ฉิวพร้อมกับรอยยิ้มอันถ่อมตัว
ฉินไฮ่ฉิวตกใจเล็กน้อย
เขารู้ว่าฝ่าบาทไม่ได้วาดภาพนี้ แต่ก็ไม่คิดว่าคนที่ฝ่าบาทเรียกมาจะเป็นขันทีหนุ่มคนหนึ่ง
เกิดความสงสัยเพียงพริบตาเดียวเท่านั้น ฉินไฮ่ฉิวหยิบรูปวาดแบบการสร้างช่องประตูกักน้ำออกมา
ชี้ไปด้านบนพลางเอ่ยขึ้น “ขั้นตอนการสร้างประตูกักน้ำช่างลึกลับ มีกลไกหลายอันที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน ขุนนางชั้นล่างก็ไม่รู้วิธีสร้าง”
อินชิงเสวียนเดินไปดู พูดเป็นน้ำไหลไฟดับ “กลไกความสมดุลของประตูกักน้ำมาจากแรงถ่วงและแรงดันน้ำ ต้องทำประตูกั้นน้ำและแผ่นเหล็กให้เอียง ทั้งสี่ด้านต้องมีความแข็งแร็งมากถึงจะทนแรงดันจากการไหลของน้ำได้ ส่วนนี้จะต้องทำด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กขอรับ”
ฉินไฮ่ฉิวสีหน้าอึดอัดใจ “คอนกรีตเสริมเหล็กคืออะไรหรือ”
อินชิงเสวียนเพิ่งฉุกคิดได้ว่ายุคนี้แม้แต่ปูนซีเมนต์ก็ยังไม่มี แล้วจะมีของพรรค์นี้ได้อย่างไร
ดูท่าคงต้องอธิบายเป็นระบบให้ชายชราผู้นี้ฟังแล้วล่ะ
นางดึงฉินไฮ่ฉิวมาที่ประตู ทำท่าทีให้เขานั่งลงที่บันได
ตัวเองก็นั่งลงข้างๆ อธิบายอย่างละเอียด “คอนกรีตเสริมเหล็กทำจากปูนซีเมนต์และเหล็กเส้นเป็นโครงสร้างหลัก มีความแข็งแรงมากกว่าดินเผาทั่วไปหลายเท่า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...
คนที่แสดงตัวเป็นพี่ใหญ่ไม่น่าจะเป็นตัวจริงเพราะมีพฤติกรรมลับลมคมในเรื่องต่างๆและทำให้เรื่องต่างๆแย่ลง เหมือนว่าจะหลงรักน้องสาวตัวเองเลยไม่รู้ว่าเป็นน้องแท้ๆหรือเปล่า...
มีคนเล่นตุกติกกับชุดของเด็กแล้วอยู่ในวังต้องระมัดระวังก็รู้อยู่นะคราวนี้ผ่านมาทางคนที่สนิท...
ดีจริงแทนที่จะเสียคะแนนได้คะแนนมาเพิ่มอีก...
ทางด้านกลยุทธ์น่าจะได้แต่ทางด้านวรยุทธหรือพละกำลังน่าจะไม่ไหวดังนั้นต้องพิสูจน์ตัวเอง...
อายุยังไม่ทันถึง 6 เดือนเลยละมั้งทำไมพูดคุยได้แล้วเก่งจริง...
โกหกครั้งหนึ่งก็ต้องโกหกต่อๆไป...
ความแตกแล้วมั้งเนี่ย...
เกือบไปแล้ว...