สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 93

เมื่อเห็นก้อนไขมันที่น่าขยะแขยงบนพุงยื่นๆ ของเย่จิ่งเย่า อินชิงเสวียนก็รู้สึกคลื่นไส้

เนื่องจากประตูถูกลงกลอนไว้จากด้านนอก ก็หมายความว่าผ่านการเห็นชอบจากไทเฮาแล้ว หากไม่มีคำสั่งของนางและเย่จิ่งเย่า ตัวเองก็ไม่สามารถออกไปได้เลย

เย่จิ่วอวี้ไม่สามารถมาช่วยตัวเองได้เสมอไป ตอนนี้นางทำได้เพียงช่วยตัวเองเท่านั้น

อินชิงเสวียนไม่พูดพล่าม และตรงเข้าไปในมิติทันที

เย่จิ่งเย่าที่กำลังจะโผเข้าหา แต่ทันใดนั้นรู้สักตาพร่ามัว แล้วอินชิงเสวียนก็หายตัวไป

เย่จิ่งเย่าตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง

เกิดอะไรขึ้น

คนผู้หนึ่งอยู่ดีๆ ก็หายไปกลางอากาศงั้นหรือ

เขาถอยหลังไปหลายก้าว แต่ก็ยังไม่เห็นอะไรอยู่ในห้อง

เย่จิ่งเย่าอดไม่ได้ที่จะเหงื่อออก

หรือว่าอินชิงเสวียนตายไปแล้วจริงๆ และสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือวิญญาณของนาง

พอนึกถึงโถใส่อัฐิที่ลู่จิ้งเสียนกล่าวถึง เย่จิ่งเย่าก็ขนลุกซู่อย่างอดมิได้

ขณะที่เขากำลังจะเคาะประตูออกไป ดวงตาของเขาก็พร่ามัว และอินชิงเสวียนก็ปรากฏตัวขึ้นอีก โดยถือสิ่งที่คล้ายแท่งสีดำอยู่ในมือ

เย่จิ่งเย่าตกใจ ผงะถอยหลังไปหลายก้าว

“เจ้า เจ้าเป็นคนหรือผี”

อินชิงเสวียนยิ้มเย็น ถามว่า “เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนหรือผีล่ะ”

นางถือกระบองไฟฟ้าเดินไปหาเย่จิ่งเย่า แต่เย่จิ่งเย่ากลัวมากจนเอาแต่เดินถอยหลัง

“เจ้า เจ้าอย่าเข้ามานะ”

อินชิงเสวียนเปิดการทำงานของกระบองไฟฟ้าในมือ แล้วประกายไฟสีน้ำเงินจางๆ ก็ลั่นเปรี๊ยะจากความมืด

นางเท้าแขนข้างหนึ่งบนเอว ด่าสาดเสียเทเสีย “เจ้าบุรุษสามัญผู้มั่นหน้าไร้ยางอาย คิดว่าข้าชอบรูปร่างอ้วนท้วนของเจ้าจริงๆ รึ ถุย เศษสวะอย่างเจ้าน่ะหรือจะเข้าตาข้า ยังกล้ากล้าคิดสกปรกโสมมกับข้าอีก ข้าจะฆ่าเจ้าเดี๋ยวนี้”

ทันใดนั้นนางก็เงื้อมือขึ้น และกระบองไฟฟ้าก็กระทบไหล่ของเย่จิ่งเย่าทันที

เย่จิ่งเย่ารู้สึกชาไปทั้งตัว แข้งขาอ่อนแรง จากนั้นก็ทรุดตัวลงคุกเข่ากับพื้น

ในฐานะองค์ชาย เย่จิ่งเย่ายังมีวรยุทธ์อยู่บ้าง เมื่อเห็นว่าเรื่องเลวร้าย เขาจึงใช้กำลังทั้งหมดเตะอินชิงเสวียน และใช้จังหวะนี้ถอยหลังไปหลายก้าว

เขาคว้าเก้าอี้และลุกขึ้นยืนด้วยความยากลำบาก มองดูกระบองไฟฟ้าในมือของอินชิงเสวียนด้วยสีหน้าหวาดกลัว

“สิ่งนี้คืออะไร”

อินชิงเสวียนถูกเตะตัวเซ นางอดไม่ได้ที่จะโกรธและพูดอย่างมุ่งร้าย

“ของดีที่จะทำให้เจ้ามีความสุขราวกับได้ขึ้นสวรรค์”

หลังจากพูดจบ นางก็เดินไปหาเย่จิ่งเย่าอีก

เย่จิ่งเย่าเข็ดขยาดกับเจ้าสิ่งที่ดูแปลกๆ นี้ ผงะถอยห่างออกไปไม่หยุด

เขาตะโกนด้วยความโกรธ “อินชิงเสวียน เจ้ากล้ารึ ข้าเป็นองค์ชายสายตรงขงอไทเฮา ตราบใดที่เจ้ายังอยู่ในวัง เจ้าก็หนีจากการควบคุมของไทเฮาไม่ได้ หากเจ้ากล้าทำร้ายข้า ไทเฮาไม่ไว้ชีวิตเจ้าแน่”

“แล้วอย่างไรล่ะ ถ้าเจ้าเก่งนักก็ร้องให้ดังๆ สิ ยิ่งกรีดร้องข้าก็ยิ่งฮึกเหิมมากขึ้นเท่านั้น”

อินชิงเสวียนถือกระบองไฟฟ้า รอยยิ้มค่อยๆ วิปริตพิสดาร

ไอ้สารเลวคนนี้ได้ทิ้งเจ้าของร่างเดิม น่ารังเกียจยิ่งกว่าเย่จิ่งอวี้ และตอนนี้ก็เป็นโอกาสดีที่จะล้างแค้นให้กับเจ้าของร่างเดิม

ทันใดนั้นนางก็ยกมือขึ้น แล้วทิ่มเข้าใส่เย่จิ่งเย่า ใบหน้าของเย่จิ่งเย่าซีดลงด้วยความหวาดกลัว เขาวิ่งโซเซไปที่ห้องโถงด้านใน ซึ่งอินชิงเสวียนย่อมวิ่งเร็วกว่าเขาอยู่แล้ว และนางก็ทิ่มใส่ด้านหลังของเขาอีก

ความรู้สึกเจ็บปวดแผ่ซ่านมาจากด้านหลัง เย่จิ่งเย่าก็ล้มลงกับพื้นทันที

ความรู้สึกที่ไม่สามารถควบคุมแขนขาได้ ทำให้เย่จิ่งเย่าตื่นตระหนก เมื่อเห็นอินชิงเสวียนจะทิ่มกระบองใส่ตัวเองอีกหน เขาก็ใช้แรงเฮือกสุดท้ายยกเท้าขึ้นเตะข้อมือของอินชิงเสวียน

โดยไม่ทันระวัง กระบองไฟฟ้าของอินชิงเสวียนหลุดออกจากมือ

เย่จิ่งเย่ารู้สึกดีใจ รีบคลานไปหยิบกระบองไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม กระบองไฟฟ้ายังไม่ได้ถูกปิดการทำงาน ทันทีที่เขาคว้าไว้ในมือ ร่างกายของเขาก็กระตุกเนื่องจากไฟฟ้าช็อต หน้ามืด หมดสติไปทันที

อินชิงเสวียนกลัวว่าตัวเองจะทำให้เย่จิ่งเย่าตาย ยายแม่มดเฒ่าจะต่อสู้กับนางจนตกตายไปด้วยกัน จึงรีบปิดกระบองไฟฟ้าอย่างรวดเร็ว แล้วลองเอามืออังจมูกตรวจลมหายใจของเย่จิ่งเย่า

ยังคงหายใจ

อินชิงเสวียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก

กว่าจะมีโอกาสดีๆ เช่นนี้ คงจะน่าเสียดายถ้านางปล่อยคนสารเลวนี้ไปง่ายๆ

แล้วจึงนั่งยองๆ ลงบนพื้นทันที เริ่มจัดการกับเย่จิ่งเย่าจากซ้ายไปขวา ตบหน้าอย่างไม่ปรานี จนกระทั่งยกมือขึ่นตบไม่ไหว แล้วจึงเข้าไปในมิติ

ใช้คะแนนแลกมีดโกนคิ้วมา และโกนคิ้วของเย่จิ่งเย่าออกหมด

หลังจากทำทั้งหมดนี้แล้วนางก็เดินมาที่ประตู

“ชุยไห่ เปิดประตู”

แน่นอนว่าชุยไห่กำลังเฝ้าอยู่ข้างนอก แม้ว่าเขาจะไม่รู้จักตัวตนของอินชิงเสวียน แต่เขาก็สามารถเดาได้ว่า ที่ท่านอ๋องให้เขาลงกลอนประตูไว้ ต้องมีบางสิ่งที่หวานซึ้งอยู่ข้างในแน่นอน

เสี่ยวเสวียนจื่อผู้นี้ก็ดูดีจริงๆ ผิวพรรณขาวนวลลออ แม้เขาที่เพียงแค่มอง ยังอดไม่ได้ที่จะคิดในทางมิดีมิร้าย ทันใดนั้นในหัวพลันผุดภาพโป๊เปลือยขึ้น

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ชุยไห่ก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย แล้วก้าวไปเปิดประตู

เมื่อเห็นใบหน้าของอินชิงเสวียนแดงเข้ม ชุยไห่ก็หัวเราะเบาๆ

“เสี่ยวเสวียนจื่อกงกง เมื่อครู่นี้...เป็นอย่างไรบ้าง”

อินชิงเสวียนกระตุกมุมปากกล่าวว่า “เป็นบ่าวจะกล้าเสพสุขได้อย่างไร เป็นท่านอ๋องเสียอีกที่หมดแรงตัวชา ตอนนี้หลับสบายไปแล้ว”

เมื่อได้ยินสิ่งที่อินชิงเสวียนพูดจาโจ่งครึ้มเช่นนี้ ชุยไห่ก็ถูมือไปมาด้วยสีหน้าน่าเกลียด

“ไม่นึกว่าเจ้าจะช่ำชองปานนี้”

อินชิงเสวียนกระตุกมุมปากขึ้น

“ไว้วันหลัง ข้าจะให้ชุยกงกงได้ลิ้มรสว่าร้ายกาจเพียงใด”

ดวงตาของชุยไห่สว่างขึ้นทันที

“จริงรึ”

“แน่นอน”

อินชิงเสวียนตอบด้วยรอยยิ้มแล้วพูดว่า “ท่านอ๋องสั่งว่า วันนี้จะพำนักอยู่ที่ห้องโถงด้านข้าง ห้ามกงกงไปรบกวน บ่าวขอตัวลาแล้ว”

ชุยไห่รีบพูดว่า “ย่อมเป็นเช่นนั้น เสี่ยวเสวียนจื่อกลับดีๆ”

อินชิงเสวียนพยักหน้า และออกจากตำหนักฉือหนิงอย่างสงบ

แต่จากตำหนักฉือหนิงไปยังวังเย็นนั้น อินชิงเสวียนไม่รู้ทาง ดังนั้นนางจึงต้องเดินกลับเส้นทางเดิมไปยังห้องหนังสือ จากนั้นจึงเดินขากห้องหนังสือไปที่วังเย็น

ทันทีที่ไปถึงนอกตำหนัก ก็เห็นกำนัลผู้หนึ่ง

“เสี่ยวเสวียนจื่อกงกงใช่หรือไม่”

อินชิงเสวียนกวาดสายตามองขึ้นลง รู้สึกเหมือนว่าเคยพบนางที่ใดมาก่อน แต่จำไม่ได้ว่าเคยพบที่ใด

“เจ้าคือ...”

นางกำนัลยอบกายคำนับ

“บ่าวเป็นคนของหอปี้สุ่ย นายหญิงของเราให้บ่าวมาหากงกง บอกว่ามีเรื่องจะหารือ บ่าวถามกงกงน้อยปฏิบัติหน้าที่อยู่ข้างในแล้ว ถึงได้รูว่ากงกงออกไปข้างนอก จึงรออยู่ที่นี่”

หอปี้สุ่ย ฉู่หลิงอวี้ตามหาตัวเองทำไม

“พี่สาว รู้หรือไม่ว่านายหญิงของเจ้ามาหาข้าด้วยเรื่องอันใด”

ใบหน้าของนางกำนัลเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย กระซิบว่า “นายหญิงรู้ว่าพระสนมหลิงผินมีเสื้อยกทรง จึงต้องการบ้างสักตัว...”

จุ๊ๆ ที่แท้ก็เรื่องนี้เอง

อินชิงเสวียนจะไม่ละทิ้งโอกาสในการทำเงินที่มาถึงที่อย่างแน่นอน

พยักหน้าและพูดว่า “ได้ รบกวนพี่สาวนำทางด้วย”

นางกำนัลตอบรับเบาๆ แล้วถือโคมวังหลวงเดินนำไปก่อน เดินเลี้ยวสองตรอก ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงพิณและเสียงขับขานแสนเศร้าขึ้นมา

เสียงขับขานนั้นเนิบช้าอ้อยอิ่ง ดุจเสียงร้องไห้ดั่งเสียงร้องทุกข์ ช่วงสะเทือนใจยิ่งนัก

อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะชะลอฝีเท้า เงี่ยหูตั้งใจฟัง

นางกำนัลพูดทันที “ผู้ที่ร้องเพลงก็คือนายหญิงสวี สวีจือย่วน นางร้องเพลงทุกคืน นางมีเสียงที่ไพเราะมาก”

อินชิงเสวียนพยักหน้า เสียงของนางชัดเจน กังวาน ซาบซึ้งตรึงใจ แม้แต่คนธรรมดาอย่างนางก็ยังรู้สึกสะเทือนใจ ไม่น่าแปลกใจเลยที่วันนั้นเย่จิ่งอวี้จะหยุดเดินอยู่ตรงนี้

เมื่อเห็นว่าอินชิงเสวียนยังอยากฟัง นางกำนัลน้อยจึงดึงนางทันที

“กงกงน้อย พวกเรารีบไปกันเถอะ นายหญิงเราคงรอนานแย่แล้ว”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์