สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 94

ณ หอปี้สุ่ย

ฉู่หลิงอวี้กำลังเดินไปมาในเรือน

เจ้าเด็กบ้านั่นไปนานเกือบชั่วยามแล้ว เหตุใดยังไม่กลับมาอีก

กรือว่าเกิดอะไรขึ้น

ขณะที่นางกำลังจะส่งคนออกไปถาม อินชิงเสวียนก็เดินเข้าประตูมา

“บ่าวน้อมคำนับนายหญิงฉู่”

ฉู่หลิงอวี้รู้สึกดีใจทันที “ลุกขึ้นเร็วเข้า”

จากนั้นก็หันไปบอกขันทีกับนางกำนัลว่า “พวกเจ้าออกไปก่อน เสี่ยวเสวียนจื่อกงกง พวกเราไปคุยกันในห้อง”

“ขอรับ”

อินชิงเสวียนเดินตามเข้าไปในห้อง แล้วแสร้งถามขึ้น “ไม่ทราบว่านายหญิงต้องการหาบ่าวด้วยเรื่องอันใด”

ฉู่หลิงอวี้กัดริมฝีปาก แล้วพูดด้วยใบหน้าที่แดงเล็กน้อย “ยกตัวนั้น...ไม่ทราบว่ากงกงยังมีอีกหรือไม่”

เมื่อวานนี้ นางไปที่หอฉงฮวา สังเกตเห็นทันทีว่าซูฉ่ายเวยเชิดหน้าอกตรง ทรวงอกตั้งตรงตระหง่าน โดดเด่นสะดุดตายิ่งนัก

ฉู่หลิงอวี้งุนงงไม่น้อย ปกติตรงส่วนนั้นของนางดูแบนมาก เหตุใดจู่ๆ ถึงได้อวบอิ่มได้รูป

นางใช้เงินจำนวนหนึ่งถึงได้ทราบว่า ที่แท้ซูฉ่ายเวยซื้อของวิเศษที่เรียกว่ายกทรงจากเสี่ยวเสวียนจื่อ

แม้ว่าตัวเองจะมีหน้าอกมากกว่าซูฉ่ายเวยเล็กน้อย แต่ก็ไม่ชัดเจนเท่ากับตอนที่นางสวมยกทรง แม้แต่ตัวเองที่เป็นหญิงยังอดไม่ได้ที่จะจ้องมองตรงนั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฮ่องเต้เลย

ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรนางก็ต้องหามาใช้ให้ได้

อินชิงเสวียนหัวเราะและพูดว่า “ที่แท้นายหญิงต้องการของสิ่งนี้เอง บ่าวยังพอมีอยู่”

ฉู่หลิงอวี้ถามทันที “ขายอย่างไร”

อินชิงเสวียนพูดด้วยสีหน้าเจ็บปวด “สิ่งนี้หาได้ยาก เป็นสิ่งของที่มาจากฮว๋าเซี่ย...”

ฉู่หลิงอวี้ขัดจังหวะนางอย่างไม่อดทน

“เร็วเข้า บอกมาเลยว่าราคาเท่าใด”

อินชิงเสวียนคลี่ยิ้ม กล่าวชมเชยโดยไม่ลังเล “นายหญิงเป็นคนชัดเจนและรวดเร็ว เห็นแก่ที่พวกเราเคยทำการค้าด้วยกันมา บ่าวจะขายเท่าราคาทุน ตัวละหนึ่งพันพันห้าร้อยตำลึง ไม่ทราบว่านายหญิงต้องการกี่ตัว”

ฉู่หลิงอวี้กัดฟัน

“สองตัว ถึงอย่างไรก็ต้องมีไว้เผื่อผลัดเปลี่ยน”

อินชิงเสวียนถามขึ้นทันควัน “ไม่ทราบว่านายหญิงต้องการสีอะไร”

“มีหลายสีหลายแบบด้วยรึ”

“แน่นอน”

“เช่นนั้นก็นำออกมาให้ข้าดูทั้งหมด”

“ไม่มีปัญหา นายหญิงกรุณารอสักครู่ แล้วบ่าวจะรีบกลับมาตอนดื่มชาหมดหนึ่งถ้วย”

อินชิงเสวียนออกมาจากหอปี้สุ่ย แล้วเข้าไปในมิติทันที หยิบสีขาว ดำ ชมพู เขียว เหลือง และน้ำเงินมาอย่างละตัว และฉวยกางเกงขาสั้นลูกไม้ติดมือมาอีกหลายตัว

นางหอบของกองโตเดินเข้าไปยังหอปี้สุ่ยอย่างรวดเร็ว ฉู่หลิงอวี้เห็นเช่นนั้นก็อ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ

ไม่คิดว่าใต้หล้าจะมีเรื่องลี้ลับถึงเพียงนี้ หากใส่ของพวกนี้ ทรวงอกจะไม่ใหญ่ได้อย่างไร

เมื่อเห็นกางเกงขาสั้นลูกไม้ ก็อดไม่ได้ที่จะถามด้วยความสงสัยว่า “นี่ผ้าโพกศีรษะหรือ ลวดลายช่างงดงามนัก”

ทักษะการปักเย็บก็สุดยอด

อินชิงเสวียนพูดอย่างหมดคำบรรยาย “สิ่งนี้เรียกว่ากางเกงลูกไม้ เมื่อสวมใส่ไม่เพียงแต่ยกบั้นท้ายให้กลมกลึงเท่านั้น แต่ยังมีเสน่ห์ยวนใจอีกด้วย หากฮ่องเต้เห็น จะอดใจไม่ไหวแน่นอน หากนายหญิงชอบ บ่าวขายให้ตัวละหนึ่งพันตำลึง”

อินชิงเสวียนหยิบกางเกงลูกไม้ตัวเล็กขึ้นมา แล้วทาบไปที่เอวของนาง

ฉู่หลิงอวี้เข้าใจทันที แล้วใบหน้าของนางก็แดงก่ำ

เมื่อคิดว่าต้องสวมไว้ตรงนั้น

แล้วมองดูความโปร่งบางที่วับๆ แวมๆ และลวดลายอันประณีตที่ปักอยู่ ใบหน้าของฉู่หลิงอวี้ก็เปลี่ยนเป็นสีแดงอีกครั้ง

หากสวมชุดนี้ สวมชุดคลุมบางเบา และร่ายรำถวายฝ่าบาท...

จะไม่หวั่นไหวเชียวหรือ

ยิ่งฉู่หลิงอวี้คิดถึงเรื่องนี้ นางก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น แทบอยากจะซื้อทั้งหมดเลย

เพียงแต่ว่าของแพงเกินไป นางซื้อได้เพียงสองชุดเท่านั้น ยังต้องเก็บเงินไว้ทำอย่างอื่นอีก

จากนั้นก็เลือกอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดก็เลือกสีขาวหนึ่งชุดและสีน้ำเงินหนึ่งชุด

“ข้าจะลองเอาสองชุดนี้ไปลองดูก่อนว่าดีหรือไม่ หากได้ผลดี ข้าค่อยซื้อจากเจ้าอีก”

เงินห้าพันตำลึงก็ถือว่าพอสมควรแล้ว จะถอนขนหน้าแข้งออกหมดในคราวเดียวไม่ได้

อินชิงเสวียนรับตั๋วเงิน แล้วล้วงแผ่นพอกหน้าออกมาจากแขนเสื้อ

“สิ่งนี้บ่าวขอมอบแด่นายหญิง หากนายหญิงเจริญรุ่งเรือง อย่าลืมส่งเสริมบ่าวนะขอรับ”

คำพูดนี้ฉู่หลิงอวี้ชอบมาก นางเอื้อมมือไปรับ และพูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้าช่างรู้ความนัก วางใจเถอะ หากวันหน้าข้าได้รับการแต่งตั้งเป็นสนม จะไม่ลืมเจ้าแน่นอน”

“ขอบคุณนายหญิง บ่าวยังต้องไปทำธุระให้ฝ่าบาท ต้องขอตัวลาก่อน”

“ไปเถอะ”

ฉู่หลิงอวี้ต้องการลองยกทรงและกางเกงชั้นในลูกไม้ ดังนั้นนางจึงให้คนพาอินชิงเสวียนกลับไปทันที

อินชิงเสวียนถือตั๋วเงินห้าพันตำลึง ในใจรู้สึกสุขสมยิ่งนัก

แต่พอนึกถึงเย่จิ่งเย่า รอยยิ้มบนใบหน้าก็หายไปอีกครั้ง

ไอ้สารเลวนั่นคงไม่นอนสลบอยู่ทั้งคืน ถ้าเขาฟื้นขึ้นมาจะมาหาเรื่องตัวเองอีกหรือไม่

แต่ดูเหมือนนางจะได้ยินจากหลี่เต๋อฝูและเสี่ยวอานจื่อว่า เย่จิ่งเย่าถูกกักบริเวณให้อยู่ในจวนอ๋อง วันนี้เขาสวมชุดขันที และคงจะแอบเข้าวังมาแน่ๆ เขาคงไม่กล้ามาหานางอย่างโจ่งแจ้ง แต่เขาจะต้องบอกไทเฮาแน่นอน ดังนั้นต้องคิดหาคำพูดมาเอาตัวรอดให้ได้

แล้วก็คิดได้อีกครั้งว่า ในช่วงสองวันนี้นางต้องออกไปฝึกทหาร ไทเฮาคงไม่ออกจากวังไปหานางกระมัง ตอนกลางคืนนางก็อยู่กับเย่จิ่วอวี้ ถ้าไทเฮาไปหาตัวเอง เย่จิ่วอวี้จะไม่อยู่เฉยอย่างแน่นอน

เมื่อเป็นเช่นนี้ ยังมีสิ่งใดน่ากลัวอีก

อินชิงเสวียนฮัมเพลงอย่างมีความสุข กระทั่งกลับมาถึงวังเย็น

เพลานี้พระอาทิตย์ตกดินแล้ว วังเย็นก็เย็นสบายมาก อวิ๋นฉ่ายนอนอยู่บนเปลญวนและกินองุ่นอยู่ ดูเพลิดเพลินมากกว่านายหญิงที่แท้จริงเสียด้วยซ้ำ

เมื่อเห็นอินชิงเสวียนเดินเข้ามาในเรือน อวิ๋นฉ่ายก็กระโดดลงจากเปลญวนอย่างรวดเร็ว

“พระสนม ค่ำมืดเช่นนี้แล้วท่านกลับมาได้อย่างไร หรือเกิดเรื่องอะไรขึ้น”

ยายหลี่พอได้ยินเสียงก็รีบเดินออกมา

“เกิดอะไรขึ้นหรือเพคะพระสนม”

“ไม่มีอะไร พวกเจ้าไม่ต้องกังวล ข้ากลับเพราะอยากมาหาเจ้าหมาน้อย และมีอีกอย่างที่ข้าอยากถามพวกเจ้าทั้งคู่”

อินชิงเสวียนนั่งลงบนเก้าอี้ที่ไม่มีขา อวิ๋นฉ่ายก็รีบนำองุ่นมาจำนวนหนึ่ง

“พระสนม เกิดอะไรขึ้นเพคะ”

อินชิงเสวียนหยิบองุ่นมากัด แล้วถามว่า “เรื่องเกี่ยวกับตระกูลอิน ข้าได้ยินมาว่าฮ่องเต้ค้นพบจดหมายทรยศของตระกูลอิน มิหนำซ้ำอินสิงอวิ๋นพี่ใหญ่ของข้าก็สารภาพผิด จากนั้นก็หลบหนีจากตระกูลกวน กลายเป็นนักโทษคนสำคัญของราชสำนัก สรุปแล้วเกิดอะไรขึ้น”

ยายหลี่นั่งลงข้างๆ อินชิงเสวียน ส่ายศีรษะแล้วพูดว่า “หม่อมฉันก็เคยได้ยินเรื่องเหล่านี้เหมือนกัน เพียงแต่ตอนที่นายท่านเกิดเรื่อง พวกเราก็อยู่ในวังแล้ว”

ยายหลี่นิ่งงันครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “หม่อมฉันเชื่อว่านายท่านจะไม่ทำสิ่งที่โง่เขลาเช่นนี้ คุณชายใหญ่ยิ่งเป็นสุภาพบุรุษที่มีเมตตาและซื่อสัตย์ เขาต้องถูกใส่ร้ายแน่ๆ”

อวิ๋นฉ่ายยังกล่าวอีกว่า “หม่อมฉันก็ไม่เชื่อว่าคุณชายใหญ่กระทำความผิดและหลบหนีไปอย่างที่คนภายนอกพูดกัน พระสนม เรื่องนี้ต้องมีนัยยะแอบแฝงอยู่แน่ๆ”

อินชิงเสวียนส่ายศีรษะอย่างช่วยจนปัญญา สองคนนี้ติดตามเจ้าของร่างเดิมตลอด เป็นไปไม่ได้ที่จะรู้เรื่องมากมายจริงๆ

นางจึงเปลี่ยนเรื่อง

“แล้วจอมพลเฒ่ากวนคนเก่าล่ะ เชื่อถือได้หรือไม่”

ยายหลี่รีบพูดว่า “แน่นอนว่าเชื่อถือได้ จอมพลเฒ่ากวนเป็นอาจารย์ของนายท่าน หากพระสนมสามารถติดต่อจอมพลเฒ่ากวนได้ ไม่แน่ว่าอาจทำให้ฮ่องเต้ตรวจสอบเรื่องนี้ให้แน่ชัดอีกครั้ง”

อินชิงเสวียนเบะปาก ตรวจสอบให้แน่ชัดอีกครั้งเช่นนั้นรึ เมื่อพิจารณาจากท่าทีของเย่จิ่วอวี้ที่มีต่อตระกูลอิน เกรงว่าคงเป็นไปไม่ได้

“เรื่องการตรวจสอบให้แน่ชัดเกรงว่าจะทำได้ยาก แต่ในไม่ช้า ข้าก็จะได้พบกับจอมพลเฒ่ากวนได้แล้ว”

อวิ๋นฉ่ายถามด้วยความประหลาดใจ “พระสนม ท่านจะออกจากวังอีกแล้วหรือ”

อินชิงเสวียนยกมุมปากขึ้น แล้วพูดว่า “ถูกต้อง คราวนี้ข้ากำลังไปทำธุระตามรับสั่ง”

ครั้นแล้วนางก็เลียนแบบท่าทางตอนที่ฮ่องเต้สั่งให้ตัวเองไปฝึกทหาร ซึ่งอวิ๋นฉ่ายกับยายหลี่ต่างก็ตกตะลึง

พระสนมต้องไปฝึกทหาร เรื่องนี้...จะไหวหรือ

“ไม่เป็นไร พวกเจ้าไม่ต้องกังวล”

อินชิงเสวียนได้คิดถึงแผยการรับมือแล้ว

“เดิมทีข้าต้องการใช้โอกาสนี้พาเจ้าหมาน้อยออกจากวัง แต่ถ้าต้องการตรวจสอบความจริงเรื่องของครอบครัว ก็ไม่อาจออกจากวังไปได้ทันที ในกรณีนี้ การให้เจ้าหมาน้อยอยู่นอกวัง กลับไม่ปลอดภัยเท่ากับอยู่ในวังเย็น”

ยายหลี่กล่าวว่า “พระสนมพูดถูก ไม่มีสถานที่ใดที่ปลอดภัยเท่ากับวังเย็นแล้ว ถึงอย่างไรพวกเราก็อยู่ที่นี่มาหนึ่งปีแล้ว อยู่ต่ออีกก็ไม้ป็นไร เรื่องของนายท่านสำคัญมากกว่า”

“เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้ ข้าจะไปหาเจ้าหมาน้อยหน่อย”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์