สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 95

“องค์ชายน้อยหลับไปแล้วเพคะ หลายวันมานี้เขากินเยอะมาก สองวันกว่าๆ ก็ดื่มนมผงหมดไปถุงหนึ่งแล้ว”

ยายหลี่เดินตามมาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม พอพูดถึงเจ้าหมาน้อยก็อดยิ้มมิได้

“งั้นอีกประเดี๋ยวข้าจะไปขอนมผงจากท่านเซียนอาวุโส ช่วงนี้ข้าอาจจะยุ่งสักพัก อาจจะไม่ได้มาที่นี่บ่อยๆ อย่าให้ของกินขาด ถ้าพวกเจ้าต้องการอะไรก็บอกข้า”

เมื่อครู่ที่เข้าไปในมิติอินชิงเสวียนพบว่าพืชผลอีกชุดหนึ่งเก็บเกี่ยวได้แล้ว แต่เนื่องจากนางต้องรีบขายสินค้า จึงไม่มีเวลาเก็บเกี่ยว พอดีจะได้เข้าไปเก็บเกี่ยวเสียทีเดียวเลย

ยายหลี่รีบพูดว่า “ไม่มีอะไรขาดเพคะ พระสนมเป็นห่วงแค่องค์ชายน้อยก็พอ”

ขณะที่พวกนางกำลังคุยกัน ทั้งสองก็เข้าไปในห้องแล้ว จึงพบว่าเจ้าหมาน้อยตื่นแล้ว ขาเล็กๆ จ่ำม่ำกำลังถีบอากาศ และดูดกำปั้นเล็กๆ ของตัวเอง

เมื่อเห็นอินชิงเสวียน เจ้าหมาน้อยก็ดีใจทันที มือไม้โบกไหวๆ ขอให้อุ้ม

ยายหลี่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

“เหตุใดองค์ชายน้อยถึงตื่นเร็วนัก เป็นเพราะรู้ว่าพระสนมกลับมาแน่เลย”

อินชิงเสวียนเอื้อมมือไปอุ้มเจ้าหมาน้อยขึ้นมา เจ้าหน฿น้อยเกาะติดกับร่างของนางทันที วันนี้ทำตัวเป็นเด็กดีมาก

“คิดถึงแม่รึ”

อินชิงเสวียนอุ้มเจ้าก้อนเนื้อโยกตัวไปมา

เจ้าหมาน้อยดูเหมือนจะรู้ว่าอินชิงเสวียนกำลังคุยกับเขา จึงเงยหน้าเล็กๆ กลมๆ ขึ้นมาทันที อ้าปากเล็กๆ พูดอ้อแอ้

เมื่อมองดูดวงตาเล็กตี่ที่โค้งเหมือนพระจันทร์เสี้ยว หัวใจของอินชิงเสวียนพลันอ่อนยวบ ก้มหน้าจูบหน้าผากอันเรียบเนียนของเขา

“ช่วงนี้เป็นเด็กดีนะ รอแม่เสร็จงานแล้ว จะพาเจ้าออกไปดูโลกภายนอก”

เจ้าหมาน้อยเหมือนจะเข้าใจ กระเด้งตัวขึ้นมาอย่างมีความสุขทันที ขาป้อมๆ ถีบขึ้นลง

คนตัวเล็กจ้อย ทว่าเรี่ยวแรงกลับไม่น้อยเลย ถ้าอินชิงเสวียนไม่อุ้มไว้แน่นๆ เกรงว่าเขาคงดระเด้งตัวจนกลิ้งตกไปแล้ว

ยายหลี่รีบรอรับอยู่ข้างๆ ด้วยกลัวว่าพระสนมของนางจะโยนเจ้าหมาน้อยออก

อินชิงเสวียนหยอกเย้าเจ้าหนูน้อยอีกครู่หนึ่ง แล้วส่งเขาไปให้ยายหลี่

“พาเขาไปเล่นก่อนสักเดี๋ยว ข้าจะไปขอนมผงมาหน่อย ประเดี๋ยวต้องกลับไปรับใช้คนสารเลวเย่จิ่งอวี้อีก”

ยายหลี่รีบไปหยิบตุ๊กตาดนตรี แล้วพาเจ้าหมาน้อยออกไปนอกห้อง

อินชิงเสวียนเข้าไปในมิติ เก็บเกี่ยวพืชผลทั้งหมดและบรรจุลงถุง เมื่อเก็บเกี่ยวข้าวสาลีในแคว้นต้าโจวได้แล้ว นางก็สามารถขายได้ในปริมาณมาก เมื่อถึงยามนั้นนางก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกคนสืบหาแหล่งที่มาอีกแล้ว

หลังจากนั้นก็ปลูกข้าวสาลีและข้าวต่อ พร้อมกับปลูกผักผลไม้ด้วย หลังจากจัดการพวกพืชไร่เกษตรแล้ว ก็ไปที่ร้านค้าคะแนนสะสมแลกนมผงไว้ยี่สิบถุง ซึ่งเพียงพอให้เจ้าหมาน้อยดื่มกินได้อีกหลายวัน

ถือโอกาสเก็บเสื้อชั้นในและกางเกงชั้นในที่ยังขายไม่หมดไว้ในกล่องเก็บของ นางสังหรณ์ใจว่าของพวกนี้จะได้รับความนิยมทั่วทั้งวังหลวงในไม่ช้า

ในขณะที่อินชิงเสวียนกำลังวางแผนการหาเงิน เย่จิ่งเย่าก็ฟื้นขึ้นมาด้วยความงุนงง

เขารู้สึกเจ็บปวดไปทั่วสรรพางค์กาย โดยเฉพาะใบหน้า ที่รู้สึกร้อนผ่าวด้วยเจ็บปวด

เขาพยายามลุกขึ้น แต่รู้สึกเหมือนขาอ่อนเปลี้ยสูญเสียการควบคุม ยังเดินไม่ถึงสองก้าว เขาก็ล้มลงกับพื้นอีกแล้ว

เย่จิ่งเย่าอดไม่ได้ที่จะตกใจ

หญิงเลวนั่นช้วิชามารอะไรกับตัวเอง

เหตุใดมือและเท้าจึงขยับไม่ได้ดั่งใจ

เขานั่งพักที่พื้นอยู่นาน ในที่สุดก็รู้สึกดีขึ้น แล้วค่อยๆ หยัดกายลุกขึ้นยืน

เมื่อนึกถึงสีหน้าท่าทางเหิมเกริมของอินชิงเสวียน เขาก็อดไม่ได้ที่จะขบฟันด้วยความโกรธ นัยน์ตาลุกโชนดั่งเปลวเพลิง

หญิงเลวนี้กล้าดีอย่างไรมาทำกับเขาเช่นนี้

ในขณะเดียวกันก็รู้สึกสงสัยยิ่งนัก

อินชิงเสวียนในอดีตโอนอ่อนผ่อนตามเขาทุกอย่าง เมื่อรู้ว่าเขาจะแต่งงานกับเจียงซิ่วหนิง ยิ่งอยากตายด้วยซ้ำ ร้องไห้อ้อนวอนให้เขายุติการแต่งงาน นี่เพิ่งผ่านไปเพียงหนึ่งปี เหตุใดนางถึงเปลี่ยนไปกลายเป็นคนละคน

หรือเป็นเพราะนางตกหลุมรักเย่จิ่วอวี้

หากเป็นเช่นนั้นจริง แผนการของเขาและเสด็จแม่มิต้องถูกทำลายหรอกหรือ

หลังจากคิดอีกครั้ง ก็คิดว่าเป็นไปไม่ได้

ถ้านางชอบเย่จิ่วอวี้ เหตุใดต้องปลอมตัวเป็นขันที เหตุผลที่นางรั้งอยู่ข้างกายเย่จิ่วอวี้ ต้องเป็นเพราะนางกำลังรอโอกาสที่จะแก้แค้นอยู่แน่ๆ

แต่ไม่ว่านางจะคิดอย่างไรก็ตาม หนี้แค้นที่นางทำกับเขาอย่างไรก็ต้องชำระ

เย่จิ่งเย่ายิ่งคิดก็ยิ่งแค้น เขาผูกเสื้อคลุม โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงออกจากห้องโถงด้านข้างไป

ตอนนี้ก็ใกล้ยามไฮ่[footnoteRef:1] ไทเฮาก็หลับไปแล้ว [1: ยามไฮ่ ช่วงเวลาระหว่าง 21:00 น. - 23:00 น.]

เย่จิ่งเย่าเหลือบมองห้องโถงใหญ่ แล้วรีบออกจากวังหลวงไป

เรื่องอัปยศเช่นนี้ เขาไม่อาจบอกไทเฮาได้ ทำได้กัดฟันกลืนความแค้นไว้เท่านั้น

เมื่อกลับมาถึงจวนอ๋อง เย่จิ่งเย่ารู้สึกไม่มีสบอารมณ์เอามากๆ เดินเตะของตั้งแต่หน้าประตูไปจนถึงห้อง คนรับใช้ก็ไม่กล้าบ่น

พระชายาอันผิงอ๋องกำลังดื่มชาอยู่ในห้องโถง เมื่อเห็นเย่จิ่งเย่าเข้ามา ก็รีบลุกขึ้นทันที

“ท่านอ๋อง ท่านกลับมาแล้ว”

เย่จิ่งเย่าแค่นเสียงในลำคอและนั่งบนเก้าอี้

เจียงซิ่วหนิงรินน้ำชาให้เขา เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง พบว่าใบหน้าของเย่จิ่งเย่าแดงเถือก มีรอยนิ้วมือประทับอยู่บนนั้น ยิ่งกว่านั้น เหมือนจะมีบางอย่างที่ไม่ปกติ

“ท่านอ๋อง...ท่านไปที่ใดมารึ”

“เหตุใดเจ้าถึงพูดมากนัก”

เย่จิ่งเย่ารับถ้วยชาขึ้นจิบ แล้วพูดด้วยความโกรธ “ถอยออกไป”

“เพคะ”

เจียงซิ่วหนิงอดไม่ได้ที่จะมองดูเขาอีกครั้ง และทันใดนั้นก็ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติ

รู้สึกว่าคิ้วของเย่จิ่งเย่าหายไป

มีดวงตาสองดวงอยู่ใต้หน้าผากล้านเลี่ยนซึ่งดูแปลกๆ อย่างอธิบายไม่ได้ จู่ๆ ก็อดไม่ได้ ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

เย่จิ่งเย่าพลันโกรธขึ้ง คว้าคอเสื้อของเจียงซิ่วหนิง แล้วถามเสียงอำมหิต “เข้าหัวเราะอะไร ข้าน่าขบขันนักหรือ”

เจียงซิ่วหนิงไอแห้งๆ แล้วพูดว่า “ท่านอ๋องส่องกระจกก็จะทราบเอง หม่อมฉันขอลา”

นางผลักมือของเย่จิ่งเย่าออกไป ยกมือปิดปากแล้วเดินออกไปพร้อมกับไหล่ที่สั่นน้อยๆ

เย่จิ่งเย่าเดินไปที่กระจกทองแดงอย่างสงสัย ทันทีที่เห็นว่าคิ้วของตัวเองหายไป เขาอดไม่ได้ที่จะเตะกระจกทองแดงด้วยความโกรธ

“อินชิงเสวียน หญิงสารเลว ข้ากับเจ้าไม่จบกันง่ายๆ อีกแน่...”

ณ วังเย็น อินชิงเสวียนจามไม่หยุด

คงไม่ใช่ว่าเย่จิ่วอวี้กำลังบ่นถึงนางอยู่กระมัง มาคราวนี้ใช้เวลานานมากไปหน่อย

ส่งนมผงให้ยายหลี่ เอารถคันเล็กให้กับเจ้าหมาน้อย และรีบกลับตำหนักเฉิงเทียน

เมื่อกลับไปถึงตำหนักเฉิงเทียนก็เกือบจะเป็นยามจื่อ[footnoteRef:2]แล้ว ดังนั้นครึ่งแรกของคืนจึงไม่ได้นอน [2: ยามจื่อ ช่วงเวลาประมาณ 23.00 น. - 01.00 น.]

อินชิงเสวียนหาวอย่างช่วยไม่ได้ อยู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าตั๋งเงินยังอยู่ในอกเสื้อ ยังไม่ปลอดภัย แต่กลับมาถึงตำหนักเฉิงเทียนแล้ว จะกลับไปวังเย็นก็ไม่ได้แล้ว ครั้นจึงอาศัยจังหวะที่ไม่มีคนสังเกตเห็น แอบเข้าไปในมิติ แล้วลองเอาเงินไปเก็บไว้ ไม่นึกว่าจะสามารถเก็บไว้ได้จริงๆ

ทันทีที่ข้าใส่เงินลงในกล่องเก็บของ ข้าก็ได้ยินเสียงแจ้งจากมิติ

ครั้งแรกที่เก็บวัตถุแปลกปลอม ได้รับรางวัล 100 คะแนน

อะไรนะ

แบบนี้ก็ได้คะแนนหรือ

อย่างนี้ต้องสำรวจในมิติบ่อยๆ แล้ว!

อินชิงเสวียนออกจากมิติด้วยความตื่นเต้น แล้วหลี่เต๋อฝูก็เดินออกมาจากตำหนักพอดี

เมื่อเห็นอินชิงเสวียน ก็พูดด้วยน้ำเสียงเล็กแหลมทันที “เสี่ยวเสวียนจื่อ เจ้าคงไม่ได้เพิ่งกลับมาถึงหรอกกระมัง”

“เอ่อ...จริงๆ มีบางอย่างที่ทำให้ล่าช้าไปหน่อยขอรับ”

หลี่เต๋อฝูถลึงตามองนางและพูดว่า “ต่อไปก็ทำงานให้ว่องไวหน่อย ถ้าเกิดฝ่าบาทต้องการเรียกตัวเจ้าจะทำอย่างไร จะให้พวกเราไปเรียกเจ้าที่วังเย็นงั้นรึ”

“ไม่ต้องหรอก ที่ตรงนั้นไม่สะอาดนัก กงกงอย่าไปจะดีกว่า โดยเฉพาะในตอนกลางคืนยามผู้คนเงียบสงัด มักจะได้ยินเสียงเด็กร้องไห้บ่อยๆ น่ากลัวจริงๆ”

หลี่เต๋อฝูอดเสียวสันหลังเสียมิได้ เมื่อได้ยินสิ่งที่อินชิงเสวียนพูดคล้ายๆ ว่าจะเป็นเรื่องจริง

“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็อย่าไปบ่อยนัก อย่านำสิ่งสกปรกกลับมา และส่งต่อให้ฝ่าบาท”

อินชิงเสวียนกล่าวอย่างถ่อมตัวและน้อมรับฟังคำสอน “กงกงกล่าวถูกแล้ว”

หลี่เต๋อฝูกล่าวเสริม “ฝ่าบาทตรัสว่า พรุ่งนี้เจ้าต้องไปฝึกทหาร คืนนี้เจ้าไม่ต้องคอยรับใช้แล้ว”

แล้วเขาก็เสริมอีกประโยคหนึ่ง

“เสี่ยวเสวียนจื่อ อย่าทำให้พวกเราขายหน้าเชียวนะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์