ตำหนักอ๋อง
ในห้องฝั่งปีกตะวันออก ถัดจากเตียงแกะสลักขาดใหญ่ มีเสื้อผ้าเกลื่อนอยู่เต็มพื้นห้อง
ลั่วชิงยวนพยุงตัวลุกขึ้นนั่ง นางมองดูรอยยุ่งเหยิงบนเตียงด้วยใบหน้าซีดเซียว
แสงแดดส่องกระทบรอยสีแดง ทำให้นึกไปถึงชายห้าหกคนที่บุกเข้ามาในห้องหอเมื่อคืนนี้ ความอัปยศอดสู และความโกรธค่อย ๆ หลั่งไหลเข้ามาโจมตีนางอย่างหนักหน่วง
น้ำตาแห่งความรู้สึกอัปยศเอ่อล้นในดวงตา
“จะร้องไห้ทำไม ในเมื่อเจ้าได้แต่งงานกับท่านอ๋องอย่างที่หวังไว้ ก็ควรจะดีใจมิใช่รึ?”
เสียงทุ้มเย็นยะเยือกดังขึ้น ความหนาวเหน็บแผ่ซ่านไปที่กระดูกสันหลังของลั่วชิงยวน นางหันกลับไปด้วยความตกใจ
เห็นผู้ชายคนนั้นนั่งอยู่บนเก้าอี้ รูปร่างสง่างามและน่าเกรงขาม สายตาเย็นชา และไม่แยแสนั้นจับจ้องมา ราวกับมีดที่กำลังกรีดเลือดของนาง
บางสิ่งกำลังระเบิดในหัว ลั่วชิงยวนรู้สึกหายใจไม่ออกชั่วขณะ “ท่านอ๋อง… ท่านอยู่ตรงนี้มาตลอดเลยหรือเพคะ?”
น้ำเสียงไม่แยแสกล่าวขึ้น “วันอภิเษกสมรสของข้ากับเจ้า ถ้าข้าไม่อยู่ที่นี่ แล้วข้าควรจะอยู่ที่ใดเล่า?”
ทันใดนั้น นางก็รู้สึกราวกับถูกสายฟ้าฟาด เลือดทั่วร่างพลันแข็ง
มองดูรอยยับบนเตียง นึกถึงคนที่บุกเข้ามาในห้องหอเมื่อคืนนี้ นางรู้สึกละอายใจ และโกรธเป็นอย่างมาก ชายผู้ที่ควรจะร่วมหอด้วย กลับนั่งอยู่ในห้องนี้ทั้งคืนและมองดูชายเหล่านั้นฉีกเสื้อผ้าของนาง…
“เหตุใดท่านถึงทรงเกลียดชังหม่อมฉันได้มากเพียงนี้เพคะ!” นางทรุดตัวลงกรีดร้อง น้ำตาไหลริน
ชายที่รักมากที่สุด สั่งให้คนรับใช้มาพรากพรหมจรรย์ของนาง ทำลายนางทั้งกายและใจในคืนวันแต่งงาน
หัวใจราวกับถูกเขาฉีกออกเป็นชิ้น ๆ มันเจ็บปวดจนยากที่จะหายใจ
นางชื่นชมเขาตั้งแต่ยังเยาว์วัย เมื่อก่อนฮองไทเฮาเคยชื่นชมทั้งสองว่าช่างเหมาะสมกันราวกิ่งทองใบหยก สมบูรณ์แบบดั่งสวรรค์สร้าง และยังบอกว่าจะให้ทั้งสองแต่งงานกันเมื่อโตขึ้น
ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงคำพูดลอยลม แต่นางก็จำไม่เคยลืม
แต่เมื่ออายุได้สิบสามปีนางก็เกิดป่วย ทำให้นางมีรูปร่างอ้วนท้วม และหน้าตาน่าเกลียด ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา สิ่งที่นางพบเจอคือสายตาที่เย็นชา และน้ำเสียงเยาะเย้ย มีเพียงสายตาจากเขาเท่านั้นที่ไม่เปลี่ยนแปลง นางจึงสาบานว่า ถ้าหากไม่ใช่เขา นางก็จะไม่แต่งงานเป็นอันขาด
แต่หลังจากที่รอแล้วรอเล่า สิ่งที่รอกลับเป็นการแต่งงานระหว่างเขากับน้องสาวต่างมารดาของนาง
นางไม่เต็มใจที่จะเป็นได้เพียงคนแปลกหน้ากับเขา ดังนั้นเมื่อน้องสาวขอให้นางแต่งงานแทน นางจึงตอบตกลงโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย
นางคิดเพียงว่า ขอแค่ได้แต่งงานกับเขา สักวันหนึ่ง นางคงจะสามารถเอาชนะใจเขาได้
คืนวันแต่งงานที่เฝ้ารอ กลับกลายเป็นคืนแห่งความอัปยศที่แสนเจ็บปวด
เมื่อได้ยินคำพูดของนาง เขาทำเสียงขันเบา ๆ ก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้ามาอย่างช้า ๆ และมองลงไปที่นาง
“เกลียดงั้นรึ? เจ้ามองตัวเองสูงส่งเกินไปแล้ว ข้าก็แค่ขยะแขยง และรังเกียจเจ้าก็เท่านั้น!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย
พระเอกก็โง่ นางเอกก็งี้เง่าไม่สมเหตุสมผลอะไรสักอย่าง ตอนแรกก็อวยยศเป็นถึงปรมาจารย์ แต่สกิลอ่อนด๋อยมาก เสียเวลาอ่านจริงๆ จะครึ่งเรื่องละยังไม่มีสาระอะไรเลย...
หลงเข้ามาอ่านเสียเวลาตั้งนาน ในเรื่องมีแต่พวกสติไม้เต็ม พระเอกปัญญาอ่อน+ ไบโพล่า กลับกลอกชิบหาย นางเอกก็โง่จนเอียนหวังพึ่งพอ ช่วยพอ.มันทำห่าอะไร ทำดีไม่เคยได้ดี ประสาทแดก...
นังเอกนี่ควายมั้ย โง่บรม...
กำลังสนุกเลยค่ะต่อๆค่ะ...
เนื้อเรื่องไม่มีความฉลาดเลย แต่ละคน บ้าบอมาก...
ตายๆ ไปซะ นางเอกไร้น้ำยา ทำอะไรก้ไม่ได้ดีซักอย่าง...
พระชายยา เหี้ยไร ไร้น้ำยาสิ้นดี เหมือนนางทาส...
นางเอกก็หน้าด้านชิบหาย ผัวเกลี่ยดขนาดนี้ ก็ยังหน้าด้านทน...
🫠...
อ๋องคือโง่มากอะ เหมือนจะฉลาดแต่ก็ไม่พกสติเลย นางเอกก็โดนทรมานเกิน...