เมื่อไม่มีใครอยู่ในลานแล้ว ลั่วชิงยวนก็หยิบเข็มทิศออกมาและเดินไปที่ด้านข้างของบ่อน้ำ ดูเหมือนว่าวิญญาณชั่วร้ายถูกเปิดออก พวกมันพุ่งออกมาอย่างบ้าคลั่ง และแพร่กระจายไปทั่ว
นางขมวดคิ้วสงสัยในใจ พลางผูกเชือกเข้ากับเสา แล้วปล่อยมันห้อยลงไปในบ่อน้ำ ก่อนจะจับเชือกแล้วค่อย ๆ เดินลงไปด้านใน
นางต้องการตรวจสอบให้แน่ชัดว่า ด้านล่างนั้นมันเป็นอย่างไรกันแน่
บ่อน้ำนั้นไม่ได้ลึกอย่างที่นางจินตนาการไว้ นางจึงกลั้นหายใจและว่ายไปที่ก้นบ่อ ก่อนจะพบว่า มีกระจกยันต์แปดทิศอยู่ที่ก้นบ่อ แต่กระจกยันต์แปดทิศนั้นหนักมาก และตรงมุมมีเชือกผูกติดเอาไว้ นางมิสามารถนำมันขึ้นมาได้ วิญญาณชั่วร้ายถูกปล่อยออกมาจากกระจกยันต์แปดทิศนี้ แสดงว่ามันน่าจะเอาไว้สะกดวิญญาณศพที่อยู่รอบ ๆ และเมื่อศพถูกนำออกไป ตำแหน่งของกระจกยันต์แปดทิศจึงเปลี่ยน และได้ปลดปล่อยวิญญาณร้ายจะออกมา
นางแน่ใจได้เลยว่า นี่คือการรวมตัวของสิ่งชั่วร้ายในแคว้นหลี่
ตราบใดที่กระจกยันต์แปดทิศถูกผนึกอย่างดี พลังงานชั่วร้ายจะไม่รั่วไหลออกไป และโดยทั่วไปแล้วตรวจจับได้ไม่ง่ายนัก เมื่อพลังงานชั่วร้ายรวมตัวกัน และมีพลังเพียงพอ เมื่อมันถูกเปิดออกอีกครั้ง พลังงานชั่วร้ายจะครอบคลุมทุกพื้นที่ มันรวมตัวกันอยู่ที่นี่เป็นเวลานาน ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งปี พวกมันจะถูกแย่งอาหาร โกรธจัด และตายอย่างทารุณ
การจัดวางสิ่งที่มีขนาดใหญ่เช่นนี้นั้นไม่ง่าย คนที่อยู่เบื้องหลังไม่น่าจะมีเพียงคนที่มามาจากแคว้นหลี่เท่านั้น หรือว่าแคว้นหลี่จะมีลู่ทาง มิฉะนั้น มิน่าจะสามารถจัดวางสิ่งที่รวบรวมวิญญาณชั่วร้ายจำนวนมากขนาดนี้ได้ หากมิใช่ลั่วเยวี่ยอิงที่ฆ่าใครสักคน แล้วโยนลงไปในบ่อเก็บศพ และคนที่กอบกู้ได้ทำลายรูปแบบของผนึกนี้ นางอาจจะมิได้รับรู้ถึงการมีอยู่ของความชั่วร้ายที่รวมตัวกันอยู่ที่นี่มาสักระยะแล้วก็เป็นได้
ตอนแรกคิดว่า นางเป็นคนของแคว้นหลี่เพียงคนเดียวที่อยู่ในอาณาจักรเทียนเชวีย แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ตำหนักอ๋องแห่งนี้จะมีเสือซุ่มมังกรซ่อนเสียแล้ว
นางหยิบเข็มทิศออกมาและผนึกวิญญาณชั่วร้ายไว้ในกระจกยันต์แปดทิศชั่วคราว ถึงแม้ว่าวิญญาณร้ายเหล่านี้จะมิได้ร้ายกาจสำหรับนักบวชระดับสูงอย่างนาง แต่ตอนนี้นางอยู่ในร่างของลั่วชิงยวน และถูกวางยาพิษจนทำให้กลายเป็นโรคอ้วน นางจึงกลัวว่าจะถูกวิญญาณร้ายสิงอีก และนั่นจะยิ่งทำให้นางฟื้นฟูได้ยากยิ่งขึ้น
“พระชายาเจ้าคะ! พระชายา!” ทันใดนั้นเสียงร้องอย่างลนลานของจือเฉาก็ดังมาจากด้านบน เสียงที่ตื่นตระหนกนั้นอาจนึกว่านางตายในบ่อน้ำแล้วกระมัง
ลั่วชิงยวนกำลังจะปีนกลับขึ้นไป แต่ทันใดนั้นก็ถูกดึงดูดด้วยแสงที่ส่องมาจากมุมมุมหนึ่ง นางตกใจเล็กน้อย ก่อนจะหันหลังกลับไปหยิบปิ่นหยกชิ้นนั้นขึ้นมา แล้วว่ายกลับขึ้นไปอย่างรวดเร็ว
“พระชายา! ท่านลงไปในบ่อน้ำทำไมกันเพคะ? บ่าวจะไปเรียกคนมาช่วยนะเจ้าคะ!” จือเฉาตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก
ลั่วชิงยวนรีบพูดขึ้นย่างรวดเร็ว "ไม่จำเป็น ข้าจะขึ้นไปเอง!"
นางคว้าเชือกและปีนขึ้นไปทีละนิด แม้จะต้องใช้ความพยายามอยู่บ้าง แต่นางก็สามารถปีนออกมาจากบ่อน้ำได้ในที่สุด
จื่อเฉารีบเข้ามาพยุงทันที ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความกังวลใจ "พระชายา ท่านลงไปทำอะไรในบ่อน้ำหรือเจ้าคะ มีอะไรก็สั่งให้คนรับใช้ให้ทำแทนเถิดเจ้าค่ะ นี่มันอันตรายเกินไปสำหรับท่านนะเจ้าคะ"
“ไม่เป็นไร ข้าจะไปเปลี่ยนชุด”
หลังจากกลับไปที่เรือน และเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว นางก็หยิบปิ่นหยกปักผมชิ้นนั้นขึ้นมาดู มันเป็นของลั่วเยวี่ยอิงเป็นแน่ เพราะเพิ่งจะเห็นนางปักมันเมื่อสองวันก่อนนี้เอง
นางหยิบมัน และรีบไปหาฟู่เฉินหวนทันที
ฟู่เฉินหวนอยู่ในห้องตำรา ลั่วชิงยวนเคาะประตู และผลักประตูเข้าไปโดยไม่รอการตอบรับจากด้านใน นางเดินตรงไปข้างหน้าของฟู่เฉินหวน และวางปิ่นหยกลงบนโต๊ะต่อหน้าใบหน้าที่เย็นชาของเขา
"หม่อมฉันพบสิ่งนี้จากบ่อน้ำ ท่านน่าจะทราบดีว่ามันเป็นของใคร!" น้ำเสียงของลั่วชิงยวนไม่พอใจ ตอนนี้แก้มของนางก็ยังระบมอยู่ และมันยิ่งเจ็บปวดเมื่อส่วนที่ถูกแหวนของเขาบาดนั้นโดนน้ำ
ฟู่เฉินหวนชำเลืองมองปิ่นหยกย่างเฉยเมย เขาเงยหน้าขึ้นอย่างไม่แยแส "แล้วอย่างไร?"
"แล้วอย่างไรงั้นรึ?" ลั่วชิงยวนไม่อยากจะเชื่อ "ดังนั้นท่านจะไม่ขอโทษหม่อมฉันหน่อยหรือ! ไม่ว่าอย่างไรหม่อมฉันก็ยังเป็นมนุษย์คนหนึ่ง มิใช่สัตว์ที่จะต้องมาโดนท่านทุบตีและดุด่าเยี่ยงนี้!"
เขาเมินต่อรอยขีดข่วนบนข้อมือของลั่วเยวี่ยอิง แล้วปิ่นปักผมอันนี้เขายังจะแสร้งทำเป็นตาบอดอีกหรือ?
หลังจากลงไปที่บ่อน้ำครั้งนั้น เมื่อกลับมาลั่วชิงยวนก็เจอกับความหนาวเย็น ซึ่งน่าจะเกี่ยวข้องกับพลังงานชั่วร้ายที่แข็งแกร่งในบ่อน้ำ นางเพิ่งรู้ตอนนี้เองว่าร่างกายนี้บอบบางเพียงใด
แม้ว่าร่างกายจะดูใหญ่โต แต่จริง ๆ แล้วสุขภาพนั้นแย่มาก ไม่รู้ว่ามีพิษสะสมในร่างกายนี้มากมายเพียงใด และเป็นไปมิได้ที่จะกำจัดมันภายในชั่วข้ามคืน ดังนั้นหลังจากดื่มยาที่จือเฉาต้มให้แล้ว นางก็ห่มผ้าและนอนไปหนึ่งวันเต็ม
เมื่อกินยาในตอนกลางคืน นางก็เข้านอนอีกครั้งโดยไม่กินอาหาร นางรู้สึกมึนหัวตลอดทั้งคืน และสะดุ้งตื่นขึ้นมาค่อนข้างบ่อย จนรู้สึกเหนื่อยเป็นอย่างมาก
วันต่อมา
ท้องฟ้าเริ่มสว่าง ลั่วชิงยวนยังคงหลับอยู่ จือเฉาจึงรีบปลุกนางขึ้นมา "พระชายา พระชายาเจ้าคะ! วันนี้เป็นวันที่ต้องกลับจวนอัครเสนาบดีเพื่อเคารพญาติผู้ใหญ่ และตอนนี้รถม้าก็เตรียมพร้อมแล้วนะเจ้าคะ"
ลั่วชิงยวนตื่นขึ้นมาด้วยความงุนงง นางไม่อยากไปเพราะรู้สึกไม่สบาย แต่นี่คือกฎ
ตอนนี้ไม่มีใครในจวนต้อนรับนาง และนางก็มีแต่เรื่องฉาวโฉ่ หากมิปฏิบัติตามกฎอีก นางจะต้องโดนด่ามากกว่านี้เป็นแน่
นางลุกขึ้นเปลี่ยนเสื้อผ้า และมาถึงประตูตำหนักอ๋อง
มีรถม้าเพียงคันเดียว นางอยากพาจือเฉาไปด้วย แต่ใครจะรู้ว่าทันทีที่ก้าวเข้าไปในรถม้า นางก็เห็นลั่วเยวี่ยอิงและสาวใช้อีกสามคนนั่งจนเต็มรถม้าแล้ว จือเฉาไม่สามารถขึ้นมาได้
ทันทีที่นั่งลง ตัวของนางก็เบียดไปที่เฉียงเวย นางจึงมองมาอย่างโกรธเคือง พลางดึงมุมเสื้อตัวเองขึ้นแล้วบ่นออกมาว่า "ก้นของพระชายานั้นไม่เล็กเลยเจ้าค่ะ คนคนเดียวนั่งกินพื้นที่ตั้งสองคน!"
ลั่วเยวี่ยอิงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ปิดปากหัวเราะเยาะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย
อ่านมาสามร้อยกว่าตอน ยอมรับว่านางเอกเป็นคนเก่ง เก่งแต่ทำเรื่องโง่ๆ โง่จนอ่านไปเจ็บอกไป โมโหจนจะเป็นลม ทำเพื่อผู้ชายแบบอิอ๋องไม่รู้กี่รอบ อีกกี่ตอนนางเอกถึงจะฉลาด...
หายไปไหน ไม่อัพหลายวันแล้ว ติดอยู่ตอนที่ 1386 รออ่านนะคะ เป็นกำลังใจให้น๊า...
รู้ว่ารวยแย่เองก่อความวุ่นวายไม่จบไม่สิ้น ทำไมไม่วางยาให้เป็นใบ้ บางบทก็ฉลาดเกินบทจะโง่ก็สุดจริง...
อาจารย์ก็ถูก รั่วให้เพียงใช้ประโยชน์ ตัวเองก็ถูกสู้เชิงหัวใจประโยชน์ เกือบตายหลายครั้ง แต่ก็ไม่ไปไหนสักที คอนจบรักกันดูดดื่มแน่นอนสินะ 5555...
มือสังหารในวังอ๋องก็องค์ชายห้าแหละ เดาตั้งแต่หมอกู้พูดว่า ไปหมดแล้วท่านเลิกแสดวได้แล้ว 555...
องค์ชายห้าตั้งใจ นางเอกก็รู้ทั้งรู้ว่ายิ่งเข้าใกล้องค์ชายห้ายิ่งมีเรื่องแต่ก็ไม่เลิก55555...
ยังรออ่านนะคะ...
นางเอกปลอมตัวเป็นผู้ชายทำไมถ้านิสัยยังเหมือนเดิม...
ผัวอย่างเลว้าย แต่นางเอกก็คงรักผัวขั้นสุด เกือบทิ้งชีสิตหลายครั้งเพราะช่วยผัว ในขณะที่ผัวก็พยายามฆ่าตัวเองตลอด กู่คงเป็นเพียงข้อองมากกว่า 5555...
เกิดอะไรขึ้นคะ ไม่เขียนต่อแล้วเหรอ...