หลังเซียวชูจากไป ซูโหยวมักส่ายหัวถอนหายใจ “พระชายาเก่งกาจจนสามารถรู้เรื่องของชายแดนใต้ได้ น่าจะช่วยแม่ทัพใหญ่ฉินจัดการเรื่องนี้ได้เช่นกัน มิคิดว่า…”
ประโยคนี้ทำฟู่เฉินหวนชะงักอีกครั้ง
นัยน์ตาเขาราวกับมีเมฆครึ้มเกาะกลุ่ม เสียงของเขาทั้งทุ่มต่ำและเยือกเย็น “หากว่า… มีคนเอาเรื่องที่ชายแดนใต้ไปบอกนางล่ะ?”
ซูโหยวตะลึง “มีคนบอกหรือ? กระหม่อมก็เพิ่งรู้เรื่อง จะมีผู้ใดที่รู้เรื่องเร็วกว่านี้อีกหรือขอรับ?”
“ในวัง” ฟู่เฉินหวนเขียนต่อ ตาที่มองต่ำแฝงไปด้วยความเหน็บหนาวลึกซึ้ง
ซูโหยวแสดงสีหน้าตกตะลึง
จริงด้วย ข่าวเช่นนี้ต้องส่งถึงในวังก่อน ในวังต่างหากที่รู้เรื่องนี้เร็วที่สุด
และช่วงนี้องค์ชายห้าเข้าวังทุกวัน
ดังนั้น องค์ชายห้าเป็นคนบอกพระชายางั้นหรือ?
……
ลั่วเยวี่ยอิงรู้เรื่องที่ลั่วชิงยวนถูกรถม้าของจวนแม่ทัพใหญ่ส่งกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ โกรธจนตัวสั่นระริก
นางอดทนไม่เขวี้ยงของ แต่หยิบกรรไกรมาตัดใบไม้ในกระถางจนเละ
“ลั่วชิงยวนนังสารเลว! นังชั่ว!”
เห็นลั่วชิงยวนที่รู้จักกับอำนาจยิ่งอยู่ยิ่งมาก ในใจของลั่วเยวี่ยอิงร้อนเป็นฟืนเป็นไฟ นางอยากจะหักห้าม แต่เนื่องด้วยใบหน้าของนางยังไม่หายดี นางจึงมิกล้าออกจากจวน
แต่ตอนนี้ นางตระหนักได้ว่า นางรอต่อไปมิได้แล้ว!
นางเปลี่ยนชุดสวมใส่ผ้าคลุมหน้า และก้าวขาเดินออกจากจวน
“คุณหนูรอง ท่านจะไปที่ใดกัน?” เฉียงเวยถามอย่างสงสัย
“ข้าจักกลับบ้านไปเอาของ มิต้องตามข้ามา” ลั่วชิงยวนเดินออกไปอย่างเด็ดขาด ไม่แม้แต่จะหันหน้ามามอง
ครั้งนี้ นางจะต้องเฉียบไว!
มิให้โอกาสแก้ตัวกับลั่วชิงยวน!
……
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย
หลงเข้ามาอ่านเสียเวลาตั้งนาน ในเรื่องมีแต่พวกสติไม้เต็ม พระเอกปัญญาอ่อน+ ไบโพล่า กลับกลอกชิบหาย นางเอกก็โง่จนเอียนหวังพึ่งพอ ช่วยพอ.มันทำห่าอะไร ทำดีไม่เคยได้ดี ประสาทแดก...
นังเอกนี่ควายมั้ย โง่บรม...
กำลังสนุกเลยค่ะต่อๆค่ะ...
เนื้อเรื่องไม่มีความฉลาดเลย แต่ละคน บ้าบอมาก...
ตายๆ ไปซะ นางเอกไร้น้ำยา ทำอะไรก้ไม่ได้ดีซักอย่าง...
พระชายยา เหี้ยไร ไร้น้ำยาสิ้นดี เหมือนนางทาส...
นางเอกก็หน้าด้านชิบหาย ผัวเกลี่ยดขนาดนี้ ก็ยังหน้าด้านทน...
🫠...
อ๋องคือโง่มากอะ เหมือนจะฉลาดแต่ก็ไม่พกสติเลย นางเอกก็โดนทรมานเกิน...
กลับมาแล้ว ว้าวววววววววววว...