ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย นิยาย บท 491

เมื่อฟู่เฉินหวนที่อยู่นอกประตูได้ยินวาจาเหล่านี้ก็อดมิได้ที่จะขมวดคิ้ว

จากนั้นเขาก็เดินเข้ามาในห้อง

ลั่วเยวี่ยอิงรู้สึกตื่นตกใจอยู่บ้างจึงรีบลุกขึ้น “ท่านอ๋อง”

ฟู่เฉินหวนเหลือบมองผู้ที่อยู่บนเตียงด้วยสายตาเฉยชาพลางกล่าวกับลั่วเยวี่ยอิงว่า “แม่นางฝูเสวี่ยได้รับบาดเจ็บ ให้นางพักผ่อนเถอะ”

“เพคะ คราวนี้แม่นางฝูเสวี่ยได้รับบาดเจ็บสาหัส หม่อมฉันจักลงครัวไปตุ๋นน้ำแกงไก่มาให้นาง”

ลั่วเยวี่ยอิงกล่าวด้วยสีหน้าเข้าอกเข้าใจ เมื่อมองจากภายนอกจึงทำให้แลดูใจดีมีเมตตายิ่งนัก

ทว่ากลับมิอาจซุกซ่อนแววตาคับข้องใจได้

ชวนให้คนยิ่งรู้สึกเศร้าใจแทนนางมากขึ้น

เมื่อลั่วเยวี่ยอิงออกจากห้องไป ฟู่เฉินหวนเฝ้ามองนางเดินจากไปแล้วกำหมัดแน่นโดยมิรู้ตัว

ภาพเหตุการณ์ฉากนี้ปรากฏแก่สายตาของลั่วชิงยวนเข้าพอดี

นางจึงยิ้มเยาะขึ้นมา “เลิกมองได้แล้วน่า ท่านมิเห็นหรือไรว่าคุณหนูรองของท่านต้องเจ็บปวดมากเพียงใด”

“นางคงน้ำตาตกในอยู่เป็นแน่ ทว่านางก็ยังต้องแสร้งทำเป็นใจกว้างและเข้าอกเข้าใจถึงขั้นยอมตุ๋นน้ำแกงไก่ให้ศัตรูหัวใจอีกต่างหาก”

“ท่านอ๋อง ไยท่านมิรีบหย่ากับหม่อมฉันแล้วคืนตำแหน่งพระชายาให้แก่นางเพื่อชดเชยให้นางเสียเล่าเพคะ”

น้ำเสียงของนางสงบนิ่งไร้อารมณ์ความรู้สึกใดเป็นพิเศษ

ทว่าท่าทียิ้มเยาะไม่แยแสเช่นนั้น กลับทำให้ฟู่เฉินหวนรู้สึกอึดอัดแทบหายใจไม่ออกโดยไร้สาเหตุ

ฟู่เฉินหวนหรี่ตาเล็กน้อยแล้วมองมาที่นาง “เจ้าตำหนิข้ารึ?”

ลั่วชิงยวนพลันหัวเราะขึ้นมา “คนชั่วอย่างหม่อมฉันจะกล้าทำเช่นนั้นได้อย่างไรกัน?”

“หม่อมฉันสมควรต้องทนทุกข์เช่นนี้แล้ว”

“ยามนี้หม่อมฉันมิกล้าคาดหวังถึงอิสรภาพเสียด้วยซ้ำไป"

วาจาประชดเหน็บแนมของนางเต็มไปด้วยหนามคม

ฟู่เฉินหวนหัวใจบีบรัด

นางกำลังตำหนิที่เขาส่งนางไปร่ายรำที่จวนตระกูลหลิวจนต้องได้รับความอัปยศอดสูมากมายถึงเพียงนั้น

เขามีความคิดที่ยากจะเข้าใจและมีหลายสิ่งที่อยากจะเอ่ย ทว่าเมื่อวาจามาถึงปากกลับพูดไม่ออกสักคำ

“เมื่อบาดแผลหายดีแล้ว เจ้าสามารถจากไปได้ทุกเมื่อ ข้าจักมิให้ผู้ใดล่วงรู้ตัวตนที่แท้จริงของเจ้า มิว่าเจ้าคิดทำอันใดข้าจักมิเข้าไปก้าวก่ายอีก”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย