ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย นิยาย บท 70

หากเป็นลั่วชิงยวนในอดีต เมื่อได้ยินเช่นนี้ นางคงจะรู้สึกอับอายและหนีไปจากที่นี่ทันที จากนั้นก็ซ่อนตัวและไม่เจอใครอีกเลย

แต่ลั่วชิงยวนในยามนี้ มองทุกคนที่พูดถึงนางต่อหน้าด้วยสายตาเย็นชาและสีหน้าไม่เปลี่ยน

“พูดพอแล้วหรือยัง? น่าเสียดายนักที่พวกเจ้าเป็นสตรีจากตระกูลสูงศักดิ์ ของแท้ของปลอมยังไม่แม้แต่จะแยกได้ แต่กลับนินทาและชี้นิ้วไปที่ผู้อื่น นี่คือสิ่งที่พวกเจ้าถูกสั่งสอนมาย่างนั้นรึ?”

เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา ทุกคนในที่นี้ต่างก็พลันหน้าซีด

ทุกคนต่างตกตะลึง ลั่วชิงยวนมิเคยกล้าพูดเช่นนี้ นับประสาอะไรกับการกล้ามองทุกคนเยี่ยงนี้ โดยเฉพาะการจ้องมองที่ดูถูกเหยียดหยามนั้น มันเหมือนกับการพยายามฉีกใครสักคนทั้งเป็น

คนผิวหน้าบางสองสามคนก็หน้าแดงกับคำพูดของลั่วชิงยวนทันที

บางคนถึงกับหน้าแดงด้วยความโกรธและพูดอย่างไม่พอใจว่า “เห็นได้ชัดว่าเจ้ากำลังใส่ของปลอม และน้องสาวของเจ้าก็เป็นพยานได้ เราจะพูดมิได้งั้นรึ?”

ลั่วชิงยวนเยาะเย้ยเบา ๆ สายตาเย็นชาของเธอกวาดไปรอบ “แขกผู้มีเกียรติที่นี่ยังพูดไม่พออีกรึ? สนุกกับการเยาะเย้ยผู้อื่น เป็นเหมือนพวกขี้นินทา พวกเจ้าได้เรียนรู้อะไรจากสี่ตำราห้าคัมภีร์ วิธีหัวเราะและทำให้ผู้อื่นอับอายเพื่อความสนุกสนานหรือไร?”

หากคนพวกนี้ไม่ได้พูดคำเยาะเย้ยเหล่านั้นต่อหน้าลั่วชิงยวน ลั่วชิงยวนคงไม่อารมณ์เสียขนาดนี้

เจ้าของร่างเดิมนั้นเก็บความแค้นไว้ในใจ เก็บมันไว้กับตัวเองมาตลอด

ยามนี้ลั่วชิงยวนต้องการระบายความแค้น และยืนหยัดเพื่อตน

มีคนโต้กลับด้วยความโกรธว่า “พวกข้าอยากพูดอะไรก็ย่อมได้ มิใช่ธุระกงการอันใดของเจ้า หากข้าเป็นเจ้า ช้าจะมุดหัวซ่อนตัวอยู่แต่ในเรือนมิออกมาอีก จะมิทำให้คนเกลียดชังเช่นนี้”

ลั่วชิงยวนหันไปมองผู้หญิงหน้าแดง สีหน้านิ่งเฉย พูดด้วยน้ำเสียงไม่แยแสว่า “ใช่ ปากของพวกเจ้าเป็นของพวกเจ้าจริง ๆ จะพูดอะไรก็ย่อมได้ ข้าควบคุมมิได้หรอก แต่ก่อนข้านิสัยดี แต่ยามนี้ไม่ใช่ พวกเจ้าลองพูดอีกคำเดียวสิ ดูว่าข้าจะตบพวกเจ้าสักสองสามทีหรือไม่”

คำพูดนี้ทำให้ทุกคนที่นี่กลัวและมีสีหน้าเปลี่ยนไป

หญิงผู้นั้นโกรธจนหน้าแดง เอ่ยวาจามิออกไม่แต่คำเดียว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย