หากเป็นลั่วชิงยวนในอดีต เมื่อได้ยินเช่นนี้ นางคงจะรู้สึกอับอายและหนีไปจากที่นี่ทันที จากนั้นก็ซ่อนตัวและไม่เจอใครอีกเลย
แต่ลั่วชิงยวนในยามนี้ มองทุกคนที่พูดถึงนางต่อหน้าด้วยสายตาเย็นชาและสีหน้าไม่เปลี่ยน
“พูดพอแล้วหรือยัง? น่าเสียดายนักที่พวกเจ้าเป็นสตรีจากตระกูลสูงศักดิ์ ของแท้ของปลอมยังไม่แม้แต่จะแยกได้ แต่กลับนินทาและชี้นิ้วไปที่ผู้อื่น นี่คือสิ่งที่พวกเจ้าถูกสั่งสอนมาย่างนั้นรึ?”
เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา ทุกคนในที่นี้ต่างก็พลันหน้าซีด
ทุกคนต่างตกตะลึง ลั่วชิงยวนมิเคยกล้าพูดเช่นนี้ นับประสาอะไรกับการกล้ามองทุกคนเยี่ยงนี้ โดยเฉพาะการจ้องมองที่ดูถูกเหยียดหยามนั้น มันเหมือนกับการพยายามฉีกใครสักคนทั้งเป็น
คนผิวหน้าบางสองสามคนก็หน้าแดงกับคำพูดของลั่วชิงยวนทันที
บางคนถึงกับหน้าแดงด้วยความโกรธและพูดอย่างไม่พอใจว่า “เห็นได้ชัดว่าเจ้ากำลังใส่ของปลอม และน้องสาวของเจ้าก็เป็นพยานได้ เราจะพูดมิได้งั้นรึ?”
ลั่วชิงยวนเยาะเย้ยเบา ๆ สายตาเย็นชาของเธอกวาดไปรอบ “แขกผู้มีเกียรติที่นี่ยังพูดไม่พออีกรึ? สนุกกับการเยาะเย้ยผู้อื่น เป็นเหมือนพวกขี้นินทา พวกเจ้าได้เรียนรู้อะไรจากสี่ตำราห้าคัมภีร์ วิธีหัวเราะและทำให้ผู้อื่นอับอายเพื่อความสนุกสนานหรือไร?”
หากคนพวกนี้ไม่ได้พูดคำเยาะเย้ยเหล่านั้นต่อหน้าลั่วชิงยวน ลั่วชิงยวนคงไม่อารมณ์เสียขนาดนี้
เจ้าของร่างเดิมนั้นเก็บความแค้นไว้ในใจ เก็บมันไว้กับตัวเองมาตลอด
ยามนี้ลั่วชิงยวนต้องการระบายความแค้น และยืนหยัดเพื่อตน
มีคนโต้กลับด้วยความโกรธว่า “พวกข้าอยากพูดอะไรก็ย่อมได้ มิใช่ธุระกงการอันใดของเจ้า หากข้าเป็นเจ้า ช้าจะมุดหัวซ่อนตัวอยู่แต่ในเรือนมิออกมาอีก จะมิทำให้คนเกลียดชังเช่นนี้”
ลั่วชิงยวนหันไปมองผู้หญิงหน้าแดง สีหน้านิ่งเฉย พูดด้วยน้ำเสียงไม่แยแสว่า “ใช่ ปากของพวกเจ้าเป็นของพวกเจ้าจริง ๆ จะพูดอะไรก็ย่อมได้ ข้าควบคุมมิได้หรอก แต่ก่อนข้านิสัยดี แต่ยามนี้ไม่ใช่ พวกเจ้าลองพูดอีกคำเดียวสิ ดูว่าข้าจะตบพวกเจ้าสักสองสามทีหรือไม่”
คำพูดนี้ทำให้ทุกคนที่นี่กลัวและมีสีหน้าเปลี่ยนไป
หญิงผู้นั้นโกรธจนหน้าแดง เอ่ยวาจามิออกไม่แต่คำเดียว
สุดท้ายแล้ว มันเป็นเรื่องจริงในอดีตที่ลั่วชิงยวนมิกล้าโต้เถียง ถึงนินทานางต่อหน้าและลับหลังนางอย่างกำเริบเสิบสาน
คราวนี้ถูกลั่วชิงยวนข่มขู่บ้าง แถมพวกตนยังเป็นฝ่ายผิด
หลายคนตรงนี้ต่างหน้าแดงด้วยความอับอาย
ลั่วเยวี่ยอิงถึงกับหน้าซีด นังบ้าคนนี้ ตอนนี้คำพูดถึงปราดเปรื่องมากเช่นนี้!
“ท่านพี่ ท่านพี่เป็นคนแรกที่ใส่ชุดปลอม เหตุใดต้องเผชิญหน้าถึงเพียงนี้เล่า ตามข้ากลับบ้านเถิด” ลั่วเยวี่ยอิงแกล้งทำเป็นใจดีและจับแขนของลั่วชิงยวน
สายตาของลั่วชิงยวนเปลี่ยนเป็นเย็นชา ตบหน้านางโดยไม่ลังเลเลย
เพี๊ยะ...
เสียงตบดังขึ้น ชั่วครู่ทั้งศาลาในสวนก็ตกอยู่ในความเงียบงัน
ผู้คนที่พูดคุยอยู่มิไกลล้วนหันมองไปในทิศทางนั้น
ทุกคนมองลั่วเยวี่ยอิงด้วยความตกใจ มองมือของนางที่ปิดแก้มสีแดง
ถูกคนมองมากเช่นนี้ ลั่วเยวี่ยอิงรู้สึกอับอาย รู้สึกโกรธมากขึ้น แต่ทำได้เพียงอดกลั้นไว้ หลั่งน้ำตาไหลพรากด้วยความเสียใจและพูดว่า “ท่านพี่......"
“เจ้ายังปล่อยข่าวลืออยู่รึ? เรียกข้าว่าท่านพี่เสียด้วย ช่างไพเราะนัก สัตว์ร้ายคู่ควรจะเป็นพี่น้องของข้ารึ? ” น้ำเสียงของลั่วชิงยวนเฉียบคม คำพูดนั้นอันน่าทึ่งทุกคนรอบข้างเบิกตากว้าง ต่างสงสัยในสิ่งที่ได้ยิน
ฟู่เฉินหวนเดินมาพอดี บังเอิญได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ว่า สีหน้าเคร่งขรึมทันที
“ลั่วชิงยวน!” เสียงเรียกที่เต็มไปด้วยความโกรธ
เมื่อได้ยินเสียงโกรธนี้ ผู้คนที่นี่ต่างสั่นสะท้านอยู่ในใจ
แต่ลั่วชิงยวน กลับเคยชินแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย
กลับมาอัพแล้ว เย่ๆ🥰...
รออ่านตอนต่อไปค่ะ...
รออ่านอยู่นะคร้าาาาาาา...
ไม่อัพแล้วรึคะ...
รออ่านอยู่ค่ะ...
ต่อค่ะต่อ...