“ถ้าเป็นความลับ ผมจะบอกคนอื่นง่าย ๆ ได้ยังไง?” ดูเหมือนอดัมจะไม่ได้อยากบอกรายละเอียดเพิ่มเติม ทว่าเขาก็ไม่ได้ปิดบังเช่นกันว่ามันคือความลับ เขาสบตากับเจเรมี่อย่างมีเลศนัยแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เจเรมี่ ถ้าผมบอกคุณว่า ผมไม่ได้เป็นคนสร้างยาพิษนี่ขึ้นมา คุณจะเชื่อผมไหม?”
หากเป็นเมื่อก่อน แน่นอนว่าเจเรมี่คงจะไม่เชื่อ
แต่ตอนนี้เขากลับตอบได้อย่างไม่ลังเล “เชื่อสิ”
แววตาของอดัมเป็นประกายเมื่อได้รับคำตอบ และมีความเศร้าหมองปรากฏขึ้นบนใบหน้าดูดีของเขาแทน
“รู้ไหมว่าทำไมผมถึงอยากเป็นหมอ?”
เจเรมี่ครุ่นคิดก่อนจะตอบ “เกี่ยวข้องกับพ่อแม่ของคุณหรือเปล่า?”
อดัมไม่แปลกใจเลยที่เจเรมี่จะคาดเดาเช่นนั้น “ดูเหมือนว่าคุณคงสืบประวัติผมมาแล้วสินะ”
“ผมอ่านประวัติของคุณกับไรอันแล้ว” เจเรมี่ยอมรับอย่างใจกว้าง
อดัมจึงยิ้มจาง ๆ แล้วหลุบตาลงเล็กน้อย แสงสะท้อนบนแว่นทำให้ยากที่จะมองเห็นดวงตาและสีหน้าที่แท้จริงของอดัมในตอนนี้
“ตั้งแต่วินาทีที่ผมได้เป็นหมอ ผมสาบานกับตัวเองว่า ผมจะใช้ทั้งชีวิตช่วยเหลือรักษาคนเจ็บและช่วยชีวิตคนที่กำลังจะตาย แต่หลังจากนั้นผมก็ตระหนักได้ว่า หมอไม่ใช่พระเจ้า และยังมีอะไรที่เราทำไม่ได้ เมื่อเป็นโรคที่รักษาได้ยาก"
เขาหยุดพูดและเงยหน้ามองตาเจเรมี่
“ยาที่ผมให้เอวลีน และยาที่เพิ่งฉีดให้คุณไปเมื่อกี้นี้ไม่ใช่สิ่งทดลองอะไร แต่มันเป็นยาที่ผ่านการทดสอบมาแล้วอย่างเข้มงวดและได้มาตรฐาน
“สิ่งที่เรียกว่าการทดลองเป็นเพียงการแสดงเท่านั้น
“ผมคิดว่าผมให้ความเคารพชีวิตมากกว่าพวกคุณทุกคนเสียอีก อย่างน้อยผมก็จะไม่ทำในสิ่งที่ทั้งคุณและเอวลีนกำลังทำ การเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยกันและกัน”
คำพูดของอดัมจับใจเจเรมี่อย่างลึกซึ้งและทำให้เขามีความหวัง
“ถ้าอย่างนั้น ผมจะรอดหรือเปล่า?”
เอโลอิสมีอาการฟั่นเฟือนเหมือนที่เมเดลีนบอก
ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครคาดคิดว่าเมเดลีนจะกลายเป็นแบบเดียวกัน และที่จริงเธอดูย่ำแย่กว่าเอโลอิสเล็กน้อย เพราะอย่างน้อยเอโลอิสก็รู้ว่าฌอนคือสามีของเธอ แต่เมเดลีนกลับไม่รู้เลยว่าเจเรมี่คือใคร
ฌอนรู้สึกไม่สบายใจเมื่อได้รู้เรื่องราวสภาพในตอนนี้ของเมเดลีน เขาคิดไม่ถึงเลยว่าทั้งภรรยาและลูกสาวจะต้องกลายเป็นแบบนี้ก็เพราะผู้ชายที่ชื่อไรอัน
ฌอนไม่ได้เจอเจเรมี่เลยตั้งแต่เกิดเหตุไฟไหม้ที่คฤหาสน์มอนต์โกเมอรี
เขาตะคอกใส่เจเรมี่ทันทีที่เห็นสภาพของเมเดลีนในปัจจุบัน “เจเรมี่ คุณบอกว่าจะดูแลเอวลีนอย่างดี แต่ดูสิ่งที่เกิดขึ้นสิ! คุณรักษาคำพูดบ้างหรือเปล่า?
“ไม่เพียงแค่ล้มเหลว แต่คุณยังทำร้ายจิตใจเอวลีนด้วยการหลงเชื่อลาน่า แล้วเผาบ้านเรา จนฉันกับเอลลี่เกือบตายไปแล้ว! คุณแค่สูญเสียความทรงจำ แต่คุณไม่มีความเป็นคนหลงเหลืออยู่เลยได้ยังไง?”
เจเรมี่ไม่ตอบโต้เรื่องที่เขาล้มเหลวต่อการปกป้องคนที่เขารัก ทว่าเขาก็รู้สึกว่าต้องบอกความจริงเรื่องเหตุไฟไหม้ที่คฤหาสน์มอนต์โกเมอรีกับฌอนให้ได้
“พ่อครับ ในวันนั้นผมไม่ได้เป็นคนจุดไฟ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ
1...
1...
1...
นางเอกโคตรโง่เลย เชื่อผู้ชายคนนี้ได้ไง ก็รู้อยู่ว่าเขานิสัยไม่ดีและจะแย่งตัวเองมาจากสามี ดันไปเชื่อมัน เอายามาแอบฉีดให้สามีเฉยเลย แทนที่จะปรึกษากันก่อน...
ต่อให้ทำผิดแล้วก็ไม่ควรให้อภัยอ่ะ เพราะมันเลวมาก รู้ว่านังเมอร์ทำชั่ว แต่ก็ช่วยปกปิดสารพัด ขนาดฆ่าคนตาย ยังยึดหลักฐานไป ปล่อย ห้นางเอกรับโทษแทนตั้งสามปี ไม่เคยมาดูดำดูดี พอออกมาได้ก็ยังทุบตีสารพัด ไม่เข้าใจว่านางเอกจะกลับมารักได้ไง...
หวาดเสียวว่านางเอกจะกลับมารักสามีเก่า โอ่ย ไม่ไหวนะ ต้องท่องไว้ว่ามันทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจไว้หนักหนาสาหัส ทำลูกตายด้วยนะ ทำลายหลุมศพปู่กับลูกอีก...
ทำไมไม่เอาหลักฐานให้ลุง ลุงเป็นคนดี ต้องเชื่ออน่นอน มีอำนาจด้วย ช่วยคุยกับตำรวจได้...
อ้าว รีบบอกพ่อแม่สิ จะปล่อยอีชั่วนี่ไว้กับพ่อแม่ได้ไง...
เรื่องนี้อ่านแล้วโคตรโมโห นางเอกน่าจะฆ่าแม่งให้หมดทุกตัวเลย อย่าให้เป็นว่ายกโทษให้สามีนะ...
อย่าได้กลับไปอยู่กับสามีเลย ชั่วช้าขนาดนั้น ต้องแก้แค้นให้สาสม...