สายตาของเขาจ้องตาที่สวยงามที่ดูมีชีวิตชีวาตรงหน้า ความคิดของเจเรมี่เริ่มหลงทาง
เขาไม่ต้องการที่จะพูดว่า ‘ผมยอมรับ’ อยู่แล้ว
แต่เมื่อบาทหลวงถามเขาแบบนั้น ทำให้เขานึกถึงวันที่เขาได้แต่งงานกับมาเดลีน นั่นคือเหตุผลเดียวที่ทำให้เขายิ้มออกมาและสายตาของเขาดูอ่อนโยนลงในขณะนั้น
เมื่อมาเดลีนเห็นเจเรมี่กำลังใช้ความคิดอย่างหนัก เธอจึงเรียกเขา “เจเรมี่ คุณกำลังคิดอะไรอยู่?”
หลังจากคำถามนั้นถามออกมา โทรศัพท์ของเจเรมี่ได้ดังขึ้น
“ผมต้องจัดการบางอย่าง แล้วผมจะรีบกลับมาหาโดยเร็ว” เจเรมี่พูดหลังจากดูหมายเลขผู้โทรเข้ามา
“ไปเถอะค่ะ”
เจเรมี่พยักหน้า และในขณะที่เขากำลังจะปิดประตูเดินออกไปนั้น เขาเงยหน้าขึ้นมองผู้หญิงที่กำลังเอนตัวลงบนเตียงอยู่นั้น แววตาสุดท้ายของเขาเหล่านั้นชวนให้คิด
มาเดลีนขยับลุกออกจากเตียงเมื่อเธอได้ยินเสียงรถขับออกไป
เธอไม่คิดว่าเจเรมี่จะพาเธอกลับมาที่บ้านของเขา
แต่ทว่า ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่เธอคาด เจเรมี่ละทิ้งเมเรดิธและพาเธอออกมาด้วยความกังวลอย่างมาก นี่มันดีกว่าที่เธอคาดไว้มาก
มาเดลีนในตอนนี้ยิ้มกว้างขึ้น
เมเรดิธจะต้องหน้าซีดในทันที ใบหน้าของเธอต้องบูดเบี้ยวในรูปแบบที่น่าเกลียดน่ากลัวในขณะนี้แน่นอน
…
ในขณะที่เจเรมี่มาถึงคฤหาสน์วิทแมน ทุกคนมองมาที่เขาอย่างตำหนิ ในอีกด้านหนึ่ง เมเรดิธร้องไห้จนตาแดงก่ำ เธอหายใจหอบอย่างรวยริน
“เจเรมี่ นี่มันมากเกินไปแล้ว! นายทิ้งเมอร์ในงานแต่งงานและพา วีล่า ควินน์ ออกไป เมอร์จะรับมันไหวได้ยังไง? หนังสือพิมพ์พวกนั้นจะเขียนถึงเรื่องนี้ยังไง?” เอโลอิสถามเขาด้วยท่าทางที่น่ากลัวบนใบหน้าที่โกรธจัดของเธอ
“เจเรมี่ แกมันเหลวไหล! ไปปลอบเมอร์เดี๋ยวนี้” แม่ของเขาเตือนเขา
“คุณแม่คะ คุณนายวิทแมน ได้โปรดหยุดโทษเจเรมี่เถอะ มันไม่ใช่ความผิดของเขา” เมเรดิธสะอื้นพร้อมกับพูดว่า “เจเรมี่ ฉันไม่เป็นไร ถ้ามันทำให้คุณมีความสุข”
“ได้ยินไหม เจเรมี่? ลูกสาวฉันให้ใจนายมากแค่ไหน ทำไมถึงปฏิบัติกับเธอแบบนี้? นายมันไม่คู่ควรกับเมอร์!” เอโลอิสโกรธมากขึ้น
“ถ้าผมไม่คู่ควร งั้นผมก็ต้องขอตัว” เจเรมี่พูดอย่างตรงไปตรงมาและเย็นชา ทุกคนในที่เกิดเหตุต่างตกตะลึง
“เจเรมี่ หมายความว่ายังไง?” เอโลอิสถาม
เจเรมี่มองเมเรดิธที่กำลังดูเหมือนตกใจอยู่ “ผมจัดงานแต่งงานให้คุณตามสัญญาที่เคยให้ไว้แล้ว อย่าให้เห็นว่าคุณให้ข่าวอะไรที่โจมตีวีล่าทางออนไลน์อีก เรื่องนี้ระหว่างคุณกับผมสิ้นสุดลงแล้ว”
“...” ดวงตาของเมเรดิธเบิกกว้าง เธอไม่อยากจะเชื่อคนที่พูดกับเธออย่างไม่มีเยื่อใยได้ขนาดนี้คนคนนั้นจะเป็นเจเรมี่
“ผมไม่มีอะไรที่จะพูดหรืออธิบายให้พวกคุณฟังแล้ว เพราะงั้นหยุดรังควานผมได้แล้ว” หลังจากที่พูดออกมาสั้นแต่กระชับ เจเรมี่ได้หันหลังเดินจากไปทันที
หลังจากที่เขาเว้นระยะเดินห่างออกไปเพียงไม่กี่วินาที เมเรดิธรีบวิ่งตามไปอย่างรวดเร็ว
“เจเรมี่! เจเรมี่! อย่าไป!”
เธอวิ่งไปดักหน้าเจเรมี่ร้องไห้ออกมาอย่างหนัก
“เจเรมี่ อย่าทำอย่างนี้กับฉัน อย่า…”
ไม่มีอารมณ์ในสายตาเจเรมี่ในขณะที่เขามองไปยังผู้หญิงที่กำลังร้องไห้อย่างหนักต่อหน้าเขา
ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงใจสลายไปแล้ว
ไม่นะ
นั่นไม่ใช่
เขาคิดว่าเขาเคยใจสลายเพียงแค่ครั้งเดียว
ในตอนที่มาเดลีนหายใจเฮือกสุดท้ายในอ้อมแขนเขา ความรู้สึกที่เขามีในขณะนั้นให้ความรู้สึกเหมือนมดนับล้านกำลังแทะหัวใจของเขา
“เจเรมี่ คุณก็รู้ว่าสิ่งที่ฉันต้องการไม่ใช่งานแต่งงาน ฉันแค่อยากอยู่กับคุณตลอดไป! อย่าทิ้งฉันไป ตกลงไหม?ฉันเสียคุณไปไม่ได้! ฉันอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีคุณ!”
เมเรดิธร้องไห้แล้วไปจับแขนของเขา
“อย่าบังคับให้ผมต้องทำในสิ่งที่ผมเกลียด” เจเรมี่ผลักเมเรดิธที่จับเขาแน่นออกไปอย่างเมินเฉย จากนั้น เขาเดินจากไปอย่างไม่ไยดี
เมเรดิธมองไปที่ชายที่เดินจากไปพลางกัดฟัน ดวงตาของเธอเป็นสีแดงขณะที่เธอกำลังข่มอารมณ์ของตัวเอง “เจเรมี่ คุณต้องการที่จะตัดสัมพันธ์กับฉันจริง ๆ งั้นเหรอ?” น้ำเสียงของเธอฟังดูน่าขนลุก
“มันดูเหมือนว่าคุณกำลังขู่ผมอยู่นะ”
“เจเรมี่ ฉันจะขู่คุณทำไมกัน?” เมเรดิธหัวเราะเยาะตัวเอง “ฉันก็แค่อยากเตือนคุณว่าขี้เถ้าของมาเดลีนยังคงอยู่กับฉัน ถ้าคุณไม่ต้องการฉันแล้ว ถ้าอย่างนั้นฉันจะตายไปพร้อมกับขี้เถ้าของมาเดลีนเอง!”
หลังจากที่เธอปล่อยไม้เด็ดในมือออกไป เมเรดิธก็ต้องแปลกใจที่เห็นรอยยิ้มเฉยเมยบนใบหน้าของเจเรมี่
“ก็เอาสิถ้าคุณชอบซ่อนขี้เถ้าเหล่านั้นมาก งั้นคุณก็เก็บมันไว้ตามสบายเลย แต่หยุดทำร้ายวีล่า นี่เป็นคำแนะนำสุดท้ายของผมสำหรับคุณ”
อะไรกัน?
เมเรดิธอ้าปากค้าง
เขาไม่สนใจขี้เถ้าของมาเดลีนแล้วงั้นเหรอ?
เขาไม่กระตือรือร้นที่จะทำทุกอย่างที่ต้องการเพื่อที่จะได้ขี้เถ้าของมาเดลีนคืนอีกต่อไปเพราะวีล่างั้นเหรอ?
เป็น-เป็นไปได้ยังไง?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ