“เจเรมี่ วิทแมน ตอนนี้แกก็ได้แหวนกลันคืนไปแล้ว แต่จำเอาไว้ด้วยนะ ว่าอย่าโผล่หน้าไปให้คุณเอวลีนเห็นอีก ถ้าไม่อย่างนั้น แกจะได้รู้ซึ้งถึงผลที่ตามมาแน่นอน” ชายในชุดสูทกล่าวเตือน
เจเรมี่หัวเราะเยาะเบา ๆ “ขนาดเจ้านายแกยังไม่กล้ามาเจอหน้าฉันตรง ๆ เลย แล้วทำไมฉันจะต้องปล่อยให้คนอย่างแกมาสอนด้วยว่าต้องทำยังไง?
“แก…” ชายคนนั้นได้แต่กัดฟันกรอด เขาจ้องมองเจเรมี่ด้วยดวงตาอันน่าเกลียด
“ส่งแหวนมาได้แล้ว” น้ำเสียงของเจเรมี่เยือกเย็นและกดดันอย่างมาก
เมื่อเห็นมือที่ยื่นออกมา ชายคนนั้นเยาะเย้ยขึ้นมาทันที “ผมจะคืนแหวนให้คุณเดี๋ยวนี้แหละครับ คุณวิทแมน เอารับนะ”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงของชายคนนั้น มันส่อเจตนาไม่ดีออกมาอย่างชัดเจน
ความจริง เขาจงใจขว้างแหวนให้มือเจเรมี่
แหวนหลุดผ่านร่องนิ้วมือเจเรมี่และกลิ้งตกลงบนพื้นปูนเสียงดังกริ๊ง
ชายคนนั้นหัวเราะชอบใจอย่างผู้ชนะ จากนั้นขึ้นรถและขับออกไป
เจเรมี่รีบคุกเข่าลง ยื่นมือไปข้างหน้าคลำหาแหวนที่ตกอยู่บนพื้นอย่างกังวล
เมเดลีนสลดไปทั้งใจเมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า
‘ชายคนนั้นคือเจเรมี่ วิทแมนอย่างนั้นเหรอ?
‘ใช่คนเดียวกับคุณชายวิทแมนที่สูงส่งและสง่างามในสายตาคนอื่นนั่นจริง ๆ เหรอ?
ตอนนี้เขาดูสิ้นหวังมาก เขาได้แต่คลำหาแหวนที่ตกอยู่ใกล้กับเท้าเขานิดเดียวอย่างน่าสงสาร
เขาหาไม่เจอเลยไม่ว่าจะพยายามมากแค่ไหน ความวิตกกังวลปกคลุมใบหน้าอันหล่อเหลาและละมุนของเขา
เขาดูเหมือนเด็กกำลังโตที่สูญเสียของรักไป และทำได้เพียงคลำหาของสิ่งนั้นไปทั่วอย่างเป็นกังวล
เขามองไม่เห็นจริง ๆ
เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอกำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขา และยืนมองชายหนุ่มที่น่าสงสารอยู่
เมเดลีนรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาทันใด ราวกับว่ามีหนามแหลมทิ่มแทงจิตใจอยู่ในตอนนั้น
สายตาของเจเรมี่อ่อนโยนลง เขาลูบไล้แก้มของเด็กน้อยอย่างรักใคร่ “แจ็ค ทำไมลูกมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ? ไม่ได้ขึ้นเครื่องบินไปกับแม่เหรอลูก?
“แจ็คกำลังจะไป แต่อยู่ดี ๆ แม่ก็พาแจ็คมาหาพ่อ” แจ็คสันพูดขึ้นพลางมองไปยังเมเดลีนที่ยืนอยู่ไม่ไกล
“...” เจเรมี่ชะงักไปเมื่อได้ยินเช่นนั้น สายลมที่พัดผ่านทำให้หัวใจของเขาเต้นไม่เป็นจังหวะไปครู่หนึ่ง “แม่ของลูกก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ?”
“ครับ” แจ็คสันตอบออกมาอย่างไม่ลังเล “แม่ครับ มานี่เร็วสิครับ พ่อเขามองไม่เห็น พวกเราเลิกเล่นซ่อนหากับพ่อได้แล้วนะครับ”
น้ำตาของเมเดลีนร่วงหล่นลงมาทันใด
เจเรมี่นิ่งไปสักพัก จากนั้นจึงยืนขึ้นอย่างช้า ๆ เขารีบมองไปยังที่ที่เมเดลีนยืนอยู่ด้วยสัญชาตญาณ ความรีบร้อนบางอย่างปรากฏขึ้นบนใบหน้าในขณะที่ดวงตาส่องประกายฉายแววของความกระอักกระอ่วนออกมาในตอนนี้ อย่างไรก็ตาม เขาเผยรอยยิ้มอันอ่อนโยนออกมา
“เด็กโง่ พ่อจะมองไม่เห็นได้ยังไง? ไปขึ้นเครื่องบินกับแม่ของลูกเถอะ” เขายิ้มออกมาพลางผลักแจ็คสันไปทางที่เมเดลีนยืนอยู่ก่อนที่จะพูดขึ้น “ลินนี่ พาแจ็คกลับไปเถอะ ผมมีอะไรต้องทำน่ะ หวังว่าในอนาคตเราจะได้เจอกันอีกนะ”
เขารีบหันหลังกลับไปเมื่อพูดจบ แต่ด้วยสภาพที่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ทำให้เข้าสูญเสียประสาทรับรู้เรื่องทิศทางไป ทันทีที่หันหลังกลับ เขาชนเข้ากับกระถางดอกไม้จนเกือบล้ม
เมเดลีนสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านไปทั่วทั้งหัวใจเมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า เธอหัวเราะออกมาและพูดขึ้น “เจเรมี่ นายไม่อยากเจอหน้าฉันขนาดนั้นเลยเหรอ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ
1...
1...
1...
นางเอกโคตรโง่เลย เชื่อผู้ชายคนนี้ได้ไง ก็รู้อยู่ว่าเขานิสัยไม่ดีและจะแย่งตัวเองมาจากสามี ดันไปเชื่อมัน เอายามาแอบฉีดให้สามีเฉยเลย แทนที่จะปรึกษากันก่อน...
ต่อให้ทำผิดแล้วก็ไม่ควรให้อภัยอ่ะ เพราะมันเลวมาก รู้ว่านังเมอร์ทำชั่ว แต่ก็ช่วยปกปิดสารพัด ขนาดฆ่าคนตาย ยังยึดหลักฐานไป ปล่อย ห้นางเอกรับโทษแทนตั้งสามปี ไม่เคยมาดูดำดูดี พอออกมาได้ก็ยังทุบตีสารพัด ไม่เข้าใจว่านางเอกจะกลับมารักได้ไง...
หวาดเสียวว่านางเอกจะกลับมารักสามีเก่า โอ่ย ไม่ไหวนะ ต้องท่องไว้ว่ามันทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจไว้หนักหนาสาหัส ทำลูกตายด้วยนะ ทำลายหลุมศพปู่กับลูกอีก...
ทำไมไม่เอาหลักฐานให้ลุง ลุงเป็นคนดี ต้องเชื่ออน่นอน มีอำนาจด้วย ช่วยคุยกับตำรวจได้...
อ้าว รีบบอกพ่อแม่สิ จะปล่อยอีชั่วนี่ไว้กับพ่อแม่ได้ไง...
เรื่องนี้อ่านแล้วโคตรโมโห นางเอกน่าจะฆ่าแม่งให้หมดทุกตัวเลย อย่าให้เป็นว่ายกโทษให้สามีนะ...
อย่าได้กลับไปอยู่กับสามีเลย ชั่วช้าขนาดนั้น ต้องแก้แค้นให้สาสม...