น้ำเสียงของเขาเย็นชา และดวงตาของเขาก็เย็นชายิ่งกว่าน้ำเสียงของเขา “ครั้งก่อนหน้านี้ที่คุณแม่ถูกลักพาตัวไป ลินนี่ก็เสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วยแม่เอาไว้ มันไม่เป็นไรนะ ถ้าแม่จะไม่ขอบคุณเธอ แต่นี่แม่กลับจ้องจะเล่นงานเธออีก! ผมสงสัยจริง ๆ ว่าแม่เป็นแม่แท้ ๆ ของผมจริงรึเปล่า”
“...” คาเลนเดือดดาลและแทบจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ “แกอยากจะให้ฉันขอบใจมันอย่างนั้นเหรอ? แกรู้ไหมว่าวันนั้นมันตบตีฉันและแหกปากตะโกนใส่ฉันน่ะ? ถ้าฉันไม่มีสมองล่ะก็ ป่านนี้คงถูกมันหลอกไปไหนต่อไหนแล้ว!”
เจเรมี่รู้สึกว่าเขาไม่มีอะไรจะต้องโต้เถียงกับคาเลนอีกต่อไปแล้ว
เขาจับมือแจ็คสันเอาไว้ “แจ็ค เดี๋ยวพ่อจะพาออกไปกินข้าวดี ๆ นอกบ้านนะ”
“แม่จะมากับเราด้วยไหมครับ?” แจ็คสันเอ่ยถามอย่างคาดหวัง
เจเรมี่ขมวดคิ้ว เขาบอกว่ากับแจ็คสันว่าให้ไปชวนเมเดลีนมารับประทานอาหารเย็นด้วยกันคืนนี้ แต่ทว่ากลับล้มเหลวไม่เป็นท่า
เขาพยายามโทรหาเธออยู่หลายสาย แต่เธอก็กดตัดสายตลอด
“แจ็ค แม่บอกว่ามีเรื่องบางอย่างต้องไปทำ เพราะงั้น เดี๋ยวพ่อไปกินข้าวเป็นเพื่อนลูกเองนะ” เขายิ้มให้เด็กน้อยอย่างอ่อนโยน “แล้ว น้องสาวลูกอยู่ไหนล่ะ?”
“ลิลลี่อยู่กับคุณยายครับ”
เจเรมี่ครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนที่จะพาแจ็คสันไปยังคฤหาสน์มอนต์โกเมอรี
เอโลอิสไม่สบายใจเลยเมื่อได้ยินว่าเจเรมี่ต้องการจะพาลิเลียนออกไปรับประทานข้าวข้างนอก เธอไม่รู้เหมือนกันว่าลิเลียนเป็นลูกสาวของเจเรมี่
ถึงกระนั้น ลิเลียนก็ชอบเจเรมี่เอามาก ๆ เธอทำแม้แต่การวิ่งเข้าไปกอดขาเขาพลางเรียกเขาด้วยเสียงอันอ่อนหวาน “คุณสุดหล่อ อุ้มหนูหน่อย!”
เจเรมี่ดีใจเป็นอย่างมาก เขาอุ้มเด็กน้อยน่ารักขึ้นมาและจูบไปที่แก้มของเธอเบา ๆ
เอโลอิสเห็นถึงความรักและความหลงใหลอย่างแท้จริงจากดวงตาของเจเรมี่ ดังนั้นเธอจึงไม่อยากทำให้เขาผิดหวัง
เจเรมี่พาสองพี่น้องมาที่ร้านอาหารที่ดีที่สุดและแพงที่สุดในเมืองเกลนเดล
ตอนนี้เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว และภาพวิวทิวทัศน์ของเมืองเกลนเดลสวยงามราวกับฉากหนังเมื่อมองผ่านหน้าต่างออกมา
เจเรมี่ที่กำลังมีความสุขมองดูเด็กน้อยทั้งสองข้างกาย รอยยิ้มของเขากว้างขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเห็นเด็กน้อยทั้งสองรับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย
เมเดลีนเดินออกมาจากร้านอาหารพร้อมกับเฟลิเป้ ตลอดทางที่ออกไปเธอรู้สึกว่าหัวของตัวเองหนักขึ้นเรื่อย ๆ
ไม่เพียงเท่านั้น แต่รู้สึกเหมือนกับว่าหัวใจเต้นแรงขึ้น และใบหน้าเริ่มร้อนผ่าวมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน
เธอดื่มไวน์ไปเพียงสองแก้วเท่านั้น เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะเมาแล้ว
คนขับรถนำรถมาจอดไว้ตรงหน้าพวกเขาทั้งสอง และเฟลิเป้ช่วยเปิดประตูให้กับเมเดลีนอย่างสุภาพ
เมเดลีนกำลังจะเดินเข้าไปในรถ แต่เธอกลับรู้สึกอ่อนแรงในทันใด ตอนที่เธอกำลังจะล้มลง เฟลิเป้ก็รีบวิ่งเข้ามาคว้าเธอเข้าไปไว้ในอ้อมแขนของเขา
“เอวลีน” เขาเรียกชื่อเมเดลีนออกมาอย่างอ่อนโยน แม้ว่าเมเดลีนจะยังไม่สูญเสียสติสัมปชัญญะไปโดยสมบูรณ์ แต่จิตใจของเธอก็เริ่มเตลิดออกไปไกลแล้ว
เฟลิเป้ก้มลงมองเห็นหญิงสาวที่มึนเมาในอ้อมแขนด้วยสายตาอันดำมืดและยากที่จะคาดเดาได้
เจเรมี่ขอร้องให้พนักงานช่วยดูแลเด็กสองคนนั้นและหาข้ออ้างไปห้องน้ำ อย่างไรก็ตาม เมื่อวิ่งออกมาจากร้านอาหาร เขาเห็นเมเดลีนอยู่ในอ้อมแขนของเฟลิเป้ นอกจากนั้นเฟลิเป้ยังโน้มตัวลงไปจูบเธอตรงหน้าผากอีกด้วย หลังจากนั้น เขาก็อุ้มเมเดลีนในท่าอุ้มเจ้าสาว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ
1...
1...
1...
นางเอกโคตรโง่เลย เชื่อผู้ชายคนนี้ได้ไง ก็รู้อยู่ว่าเขานิสัยไม่ดีและจะแย่งตัวเองมาจากสามี ดันไปเชื่อมัน เอายามาแอบฉีดให้สามีเฉยเลย แทนที่จะปรึกษากันก่อน...
ต่อให้ทำผิดแล้วก็ไม่ควรให้อภัยอ่ะ เพราะมันเลวมาก รู้ว่านังเมอร์ทำชั่ว แต่ก็ช่วยปกปิดสารพัด ขนาดฆ่าคนตาย ยังยึดหลักฐานไป ปล่อย ห้นางเอกรับโทษแทนตั้งสามปี ไม่เคยมาดูดำดูดี พอออกมาได้ก็ยังทุบตีสารพัด ไม่เข้าใจว่านางเอกจะกลับมารักได้ไง...
หวาดเสียวว่านางเอกจะกลับมารักสามีเก่า โอ่ย ไม่ไหวนะ ต้องท่องไว้ว่ามันทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจไว้หนักหนาสาหัส ทำลูกตายด้วยนะ ทำลายหลุมศพปู่กับลูกอีก...
ทำไมไม่เอาหลักฐานให้ลุง ลุงเป็นคนดี ต้องเชื่ออน่นอน มีอำนาจด้วย ช่วยคุยกับตำรวจได้...
อ้าว รีบบอกพ่อแม่สิ จะปล่อยอีชั่วนี่ไว้กับพ่อแม่ได้ไง...
เรื่องนี้อ่านแล้วโคตรโมโห นางเอกน่าจะฆ่าแม่งให้หมดทุกตัวเลย อย่าให้เป็นว่ายกโทษให้สามีนะ...
อย่าได้กลับไปอยู่กับสามีเลย ชั่วช้าขนาดนั้น ต้องแก้แค้นให้สาสม...