เทพกระบี่มรณะ นิยาย บท 18

Chaotic Sword God ตอนที่ 18 อัตราการบ่มเพาะพลังด้วยแกนอสูร

“ได้รับแกนอสูรระดับหนึ่งทุกเดือนและสามารถเข้าไปใน 5 ชั้นแรกของหอหนังสือได้อย่างอิสระ” ได้ยินคำอธิบายเช่นนั้นของไป่เอิน หัวใจเจี้ยนเฉินพองโตขึ้นอย่างน่าพิศวง เป็นไปได้หรือที่จะมีลูกศิษย์ได้รับแกนอสูรระดับหนึ่งทุกเดือน และใครจะคาดคิดว่าหอหนังสือที่มีข้อจำกัดมากมายจะถูกอนุญาตได้เช่นนี้กัน

หลังจากรับเหรียญรางวัล เจี้ยนเฉินวางแผนเรียบร้อย ในการที่จะพูดคุยกับพี่ใหญ่ เจียงหยางหู่ เกี่ยวกับสิ่งนี้ทีหลัง เขาอยู่ในสำนักนี้เป็นเวลา 3- 4 วันแล้ว แต่ใช้เวลาถึง 3 วันไปกับการแข่งขันของเหล่าเด็กใหม่ แม้ว่าวันแรกที่เขาแทบให้เวลากับตัวเองกว่าค่อนวัน ดังนั้นเขาจึงมีเวลาน้อยมากที่จะหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสำนักนี้

หลังจากเจี้ยนเฉินออกจากเวทีการประลอง เถี่ยต้าและเทียนมู่หยงก็เดินเข้าไปรับรางวัลของพวกเขา หลังจากพิธีสิ้นสุด บรรดาลูกศิษย์ได้เริ่มแล้วจะแยกย้ายกันไป

น้องสี่ เจ้าช่างน่าตื่นตาตื่นใจมากจริง ๆ ! เจ้าได้รับอันดับหนึ่งในการแข่งขันจริง ๆ ด้วย หากท่านพ่อได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้ มันแน่นอนว่าเขาจะต้องมีความสุขมาก ขณะที่ทั้งสองเดินไปที่ห้องพักของเขา เจียงหยางหู่ นั้นไม่อาจเก็บความสุขของเขาไว้ได้ขณะที่พูดคุยกับเจี้ยนเฉิน

ขณะที่ทั้งสองยังคงพูดคุย เจี้ยนเฉินเริ่มที่จะหัวเราะอย่างช่วยไม่ได้ แต่เขารู้สึกอบอุ่นเมื่อระลึกถึงมารดาของเขา

ถ้าท่านแม่รู้เรื่องนี้ มันแน่นอนว่านางจะต้องมีความสุขมากทีเดียว เจี้ยนเฉินคิดกับตัวเอง

ชั่วพริบตาเดียวเจียงหยางหู่และเจี้ยนเฉินก็มาถึงที่หอพักและเข้าไปในห้องของเจี้ยนเฉิน เจียงหยางหู่ถามขึ้นด้วยความใจร้อน น้องสี่ เร็วเข้าสิ!. รีบเอาแกนอสูรขั้นสามมาให้ข้าดูหน่อย”

เมื่อเห็นท่าทีตื่นเต้นของเจียงหยางหู่ เจี้ยนเฉินหัวเราะและนำแกนอสูรออกมาจากเข็มขัดมิติ ยื่นมันไปยังเจียงหยางหู่

เจียงหยางหู่รับแกนอสูรมาถือไว้ในมือของเขาและหมุนดูรอบ ๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด เกือบราวกับว่ามันเป็นของรักของหวง เขาเดาะลิ้นตัวเองด้วยความชื่นชม น้องสี่ เจ้าช่างน่าตื่นตาตื่นใจยิ่ง เจ้าแทบจะได้รับแกนอสูรขั้นสามทันทีหลังจากที่เข้าสำนัก พี่ชายของเจ้าอยู่ที่สำนักนี้มากว่าสองปี มากที่สุดข้าก็ได้รับเพียงแกนอสูรระดับสอง นอกจากนี้ข้ายังต้องจ่ายเงินสำหรับมัน

ได้ยินอย่างนี้แล้ว เจี้ยนเฉินก็เพียงแค่หัวเราะออกมา พี่ใหญ่ ข้าเคยได้ยินว่าท่านได้มาถึงจุดสูงสุดของระดับสิบ และเร็ว ๆ นี้ท่านจะตัดผ่านไประดับเซียน ท่านควรจะใช้แกนอสูรระดับสามนี้ เจี้ยนเฉินไม่ได้ถือแกนอสูรเป็นสิ่งที่สำคัญนัก ถึงแม้ว่าแกนอสูรระดับสามจะเพิ่มอัตราการบ่มเพาะพลังก็ตาม เจี้ยนเฉินก็ไม่ได้ต้องการมันมากเท่าไหร่นัก

เจียงหยางหู่ตะลึงกับคำพูดของเจี้ยนเฉิน เขารีบยัดแกนอสูรระดับสามใส่มือของเจี้ยนเฉินและกล่าวว่า นั่นย่อมเป็นไปไม่ได้ แกนอสูรระดับสามอันนี้ น้องสี่ เจ้าได้รับมันด้วยความอุตสาหะของเจ้า แล้วจะให้พี่ใหญ่นำมันไปใช้เช่นนี้ได้อย่างไร

จ้องมองแกนอสูรที่กลับมาอยู่ในมืออีกครั้ง เจี้ยนเฉินยิ้ม เขาชื่นชมการกระทำของเจียนหยางหู่อย่างแท้จริง อย่างน้อยที่สุดเขาก็ไม่ต้องกังวลว่าเจียงหยางหู่จะเป็นเหมือนพี่สามของเขา เจียงหยางเค่อ และจะกลายเป็นอุปสรรคต่อเขา

อีกครั้งหนึ่งที่เจี้ยนเฉินวางแกนอสูรระดับสามใส่มือของเจียงหยางหู่ พี่ใหญ่ นี่เป็นแกนอสูรระดับสามที่เหมาะกับท่าน ครั้งนี้เจี้ยนเฉินอยากให้เจียงหยางหู่ยอมรับแกนอสูรอย่างแท้จริง

แน่นอนว่าไม่ ! เจียงหยางหู่ปฏิเสธที่ออกมาอย่างหนักแน่นและชัดเจน โดยไม่ต้องลังเลใด ๆ เขาส่งแกนอสูรกลับไปให้เจี้ยนเฉินและกล่าวว่า น้องสี่ แกนอสูรนี้ควรถูกใช้โดยเจ้า นี่คือรางวัลของเจ้าสำหรับการเป็นผู้คุมกฏ แน่นอนว่าสิ่งนี้ พี่ชายของเจ้าย่อมไม่ต้องการเอามันไปจากเจ้าเลยสักนิด

เมื่อเห็นการยืนกรานอย่างหนักแน่นของเจียงหยางหู่ เจี้ยนเฉินจึงรู้สึกช่วยไม่ได้ที่จะนำแกนอสูรระดับสามกลับมา

หลังจากนั้นเจี้ยนเฉินก็เริ่มที่จะถามพี่ชายของเขา ไม่กี่คำถามเกี่ยวกับความเป็นไปของสำนักนี้ กว่าหนึ่งชั่วยามที่เจียงหยางหู่ค่อย ๆ อธิบายกฎบางข้อที่เจี้ยนเฉินไม่เข้าใจอย่างละเอียดรอบคอบ ในไม่ช้าเจี้ยนเฉินก็คุ้นเคยกับสำนักแห่งนี้ ลำดับแรกคืออาจารย์ใหญ่ของสำนักคากัตนี้ซึ่งเป็นผู้ให้การช่วยเหลือแก่คนที่ไม่ได้มีพื้นเพมาจากตระกูลที่สูงส่ง ถ้าเขาพบว่ามีการกลั่นแกล้งลูกศิษย์สามัญผู้ยากจน แน่นอนว่าผู้ที่ทำจะไม่สามารถที่จะหลบหนีจากการลงโทษได้ หากเกี่ยวกับการต่อสู้ระหว่างคนชั้นสูง เขาจะทำเป็นปิดตาข้างหนึ่ง ตราบใดที่มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ หรือมากกว่านั้นคือเขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับพวกมันทั้งหมด

นอกจากนี้ภายในสำนักคากัต ลูกศิษย์จะต้องก้าวไปเป็นเซียนระดับสูงเพื่อที่จะสำเร็จการศึกษา บรรดาผู้ที่สำเร็จการศึกษา มีทางเลือกที่จะยังคงอยู่ในสำนักนี้หรือด้วยการแนะนำของสำนักคากัต พวกเขาสามารถให้คำมั่นว่าจะจงรักภักดีต่ออาณาจักรและเข้าร่วมในกองทัพได้ สำหรับผู้ที่มีศักยภาพสูงจะสามารถได้รับเงินเดือนที่สูงขึ้นด้วยข้อเสนอของสำนัก

ภายในสำนักแห่งนี้ ผู้ที่อยู่ต่ำกว่าระดับเซียนลงไปจะมีโอกาสได้รับแกนอสูรระดับหนึ่งทุกเดือนในการบ่มเพาะพลัง หากเป็นลูกศิษย์ระดับเซียนที่สามารถสร้างอาวุธเซียนจะได้รับแกนอสูรระดับสองทุกเดือน นอกเหนือจากนี้ ลูกศิษย์เหล่านี้ยังจะสามารถที่จะไปยังป่าที่ห่างจากสำนักคากัตราว 20 ไมล์ เพื่อล่าสัตว์อสูรและเอาแกนอสูรของพวกมัน แม้ว่าป่าจะไม่ได้ใหญ่มากนัก มันก็ยังคงกว้างถึง 10 กิโลเมตรจากพื้นที่บริเวณนั้น สัตว์อสูรที่อยู่ภายในป่าทั้งหมดนั้นสามารถล่าได้อย่างอิสระ แต่พวกมันส่วนใหญ่อยู่ในระดับต่ำ โดยทั่วไประดับของสัตว์อสูร พวกมันมีความแข็งแกร่งอยู่ในสัตว์อสูรระดับต่ำ และการโจมตีที่ได้รับก็ไม่ได้รุนแรงนัก

สำนักคากัตเพาะพันธุ์สัตว์อสูรระดับต่ำเหล่านี้สำหรับลูกศิษย์เพื่อฝึกฝนวรยุทธ์ของพวกเขาในสถานการณ์ต่อสู้จริง ตลอดจนเพื่อให้สัตว์อสูรปรับตัวให้เข้ากับป่า สัตว์อสูรที่แข็งแกร่งที่สุดในป่าก็ไม่แข็งแกร่งเกินไปกว่าระดับสอง ในขณะเดียวกันก็มีสัตว์มากมายที่เป็นเพียงแค่สัตว์ป่าปกติ ซึ่งไม่อาจวัดว่าเป็นสัตว์อสูรระดับหนึ่งด้วยซ้ำ แต่ถ้าสัตว์อสูรระดับสองปรากฏตัวขึ้นมา ทางสำนักจะส่งผู้เชี่ยวชาญไม่กี่คนไปดูแลป้องกันไม่ให้สัตว์อสูรทำร้ายลูกศิษย์บาดเจ็บ

โดยป่าถูกแยกออกเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกก็เต็มไปด้วยสัตว์ป่าที่ไม่ถึงระดับ 1 ของสัตว์อสูร ส่วนที่สองคือสถานที่ที่มีสัตว์อสูรระดับ 1 อาศัยอยู่ ส่วนสุดท้ายก็เต็มไปด้วยสัตว์อสูรระดับ 2 อาศัยอยู่ ทั้งสามส่วนได้รับการปิดผนึกและได้รับการปิดกั้นจากศัตรูอย่างสมบูรณ์ด้วยฝีมือของอาจารย์ใหญ่คนก่อน จึงไม่มีใครจะมีความกังวลเรื่องสัตว์อสูรหนีออกมาจากป่า

สำนักแห่งนี้ ยังมีหอหนังสือซึ่งได้รับการแยกออกเป็น 7 ชั้น ภายในหอหนังสือเต็มไปด้วยหนังสือจำนวนมากและข้อมูลที่หลากหลาย นอกเหนือจากหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของทวีป นอกจากนั้นยังมีคัมภีร์เคล็ดวิชาลับสำหรับผู้ฝึกยุทธอีกจำนวนหนึ่ง ลูกศิษย์ที่ยังไม่ถึงระดับเซียนจะสามารถเข้าถึงหอหนังสือได้เพียง 2 ชั้นแรกเท่านั้น ขณะที่ลูกศิษย์ระดับเซียนและสามารถกลั่นอาวุธเซียนของตัวเองได้ พวกเขาจะได้รับการยินยอมในการเข้าไปในชั้นสามและชั้นสี่ สำหรับชั้นที่สูงไปกว่านั้น มีเพียงแค่อาจารย์หรือลูกศิษย์ที่เป็นเซียนระดับสูงเท่านั้นที่จะเข้าไปได้

…..

ในที่สุดเจียงหยางหู่ก็สามารถอธิบายข้อมูลเกี่ยวกับสำนักแห่งนี้ให้เจี้ยนเฉินฟังจนหมด มันก็ดึกมากแล้ว เจียงหยางหู่จึงรีบออกมาจากหอพักของเจี้ยนเฉินและวิ่งกลับไปหอพักของเขาเอง

ในขณะเดียวกันที่ด้านบนสุดของหอคอยที่ตั้งอยู่ในใจกลางของสำนักคากัต รองอาจารย์ใหญ่ไป่เอินยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงาน ที่ด้านหน้าของเขาคืออาจารย์ใหญ่ที่เจี้ยนเฉินเคยพบมาก่อน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพกระบี่มรณะ