เทพกระบี่มรณะ นิยาย บท 509

ตอนที่ 509: ความแข็งแกร่งของเซียนผู้คุมกฎ (3)

“นั่นอดีตหัวหน้านิกาย ! เขามาแล้ว ! ” เมื่อเห็นม่านพลังขวางกั้นผู้คนเอาไว้ หัวหน้านิกายคริสก็ได้แสดงสีหน้ายินดีออกมาพร้อมกับพูดขึ้นด้วยความประหลาดใจ

เซียนผู้คุมกฎของนิกายพยัคฆ์มังกรในที่สุดก็ปรากฏตัวออกมาซึ่งนั่นทำให้นักสู้ทั้งหลายจากนิกายแสดงความปิติยินดีออกมาบนใบหน้าของตน ภัยพิบัติที่เกือบจะเกิดขึ้นได้หายไป ทักษะต่อสู้ระดับสวรรค์ทั้งเจ็ดนั้นสามารถทำให้ฐานที่ตั้งของนิกายล่มสลายไปแต่มันก็ได้ถูกปกป้องด้วยม่านพลังอันนี้ แม้ว่าการปะทะนั้นอาจจะไม่ได้ทำให้ศิษย์ตายหลายคนแต่นั่นก็เหมือนเป็นการดูหมิ่นนิกายอย่างรุนแรง

“อดีตหัวหน้านิกายนั้นแข็งแกร่งอย่างมาก แม้ว่าเขาจะไม่แสดงตัว แต่เขาก็ได้สร้างม่านพลังไว้ตรงหน้าทักษะทั้งเจ็ด นี่คือความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเซียนผู้คุมกฎงั้นหรือ ? นี่ช่างเป็นความแตกต่างอันยิ่งใหญ่ระหว่างระดับเซียนสวรรค์และเซียนผู้คุมกฎ” ฮูป้าพึมพำ เขามีใบหน้าที่ซีดขาวและได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก เขาได้มองไปที่ม่านพลังนั่น อดีตหัวหน้านิกายของนิกายพยัคฆ์มังกรนั้นได้เก็บตัวอยู่ในภูเขาเพื่อฝึกตนและไม่เคยปรากฏตัวออกมาให้ผู้ใดได้พบเห็น แม้ว่ามีหลายคนรู้ว่ามีเซียนผู้คุมกฎอยู่ในนิกาย แต่ไม่มีใครพบเห็นเซียนผู้นั้นมาเป็นเวลาหลายร้อยปีแล้ว และยังไม่เคยมีผู้ใดเคยต่อสู้กับเซียนผู้คุมกฎโดยตรง

คนที่สังเกตเห็นคนแรกนั้นคือฮูป้า ตั้งแต่เด็กจวบจนกระทั่งตอนนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นเซียนผู้คุมกฎลงมือด้วยตนเอง

เมื่อคนทั้งหลายจากนิกายพยัคฆ์มังกรได้เห็นอดีตหัวหน้านิกายก็เกิดความดีใจ สำหรับพวกเขาแล้ว ถ้าอดีตหัวหน้านิกายอยู่ที่นี่ แม้จะมีปัญหาใหญ่หลวงเพียงใดมันก็ดูเล็กน้อย สำหรับอาณาจักรฉินหวงแล้ว เซียนผู้คุมกฎนั้นเป็นตัวตนที่น่าหวาดหวั่น

อีกด้านหนึ่ง สมาชิกทั้งสิบคนจากอาณาจักรฉินหวงและแม่ทัพทั้งสามก็ได้แสดงให้เห็นถึงใบหน้าที่เคร่งเครียดออกมา พวกเขาไม่แปลกใจเลยว่าเซียนผู้คุมกฎของนิกายพยัคฆ์มังกรจะปรากฏตัวออกมา

“ศิษย์ของนิกายพยัคฆ์มังกร ถอยกลับไปก่อน ! ” ทันใดนั้นเสียงของชายชราก็ดังก้องบนท้องฟ้า เสียงนี้มันดังจากไหนไม่ทราบได้ แต่เสียงมันยังคงดังก้องและสะท้อนไปทั่ว

“ขอรับ อดีตหัวหน้านิกาย ! ” เซียนสวรรค์ของนิกายพยัคฆ์มังกรได้บินกลับเข้าไปภายในนิกายของตนอย่างเชื่อฟัง

“คริส, ฮูป้า, และม่อเหยียน เจ้าทั้งสามคนอยู่นี่เสียก่อน” เสียงของหัวหน้านิกายคนก่อนดังขึ้นอีกครั้งเพื่อรั้งชายทั้งสามไว้

เมื่อได้ยินดังนั้นทั้งสามก็ตกตะลึง เท้าของพวกเขาหยุดชะงักอยู่กับที่ทันทีโดยไม่มีแม้แต่เสียงเอ่ยถามออกมา

รองหัวหน้านิกายฮูป้านั้นตะลึงอย่างมาก เขาไม่คิดว่าอดีตหัวหน้านิกายจะทราบชื่อของเขา สำหรับเขาแล้วการที่อดีตหัวหน้านิกายรู้จักชื่อของเขานั้นเป็นเกียรติสำหรับตัวเขามาก

ทุกคนจากอาณาจักรฉินหวงยืนอยู่กับที่โดยไม่เคลื่อนไหวใด ๆ เมื่อต้องต่อกรกับเซียนผู้คุมกฎ มันทำให้พวกเขารู้สึกได้ว่าการเคลื่อนไหวของเขานั้นถูกจำกัดไว้ มันไม่ง่ายเหมือนกับการต่อสู้กับเซียนสวรรค์

เมื่อเจี้ยนเฉินเห็นชายทั้งสามคนที่สู้กับเขานั้นได้หยุดอยู่กับที่ ใจของเขาก็หล่นลงไปที่ตาตุ่มทันที เขาตระหนักได้ว่าสถานการณ์ตอนนี้มันจะย่ำแย่กว่าเดิม

ชายทั้งสามคนนั้นถูกรั้งให้อยู่ที่นี่ หนึ่งในนั้นอาวุธเซียนของพวกเขานั้นแตกหักเนื่องจากปะทะกับพลังงานดั้งเดิมและได้รับบาดเจ็บสาหัส ถ้าเซียนผู้คุมกฎบอกให้พวกเขาอยู่ที่นี่นั่นแปลว่าเซียนผู้นั้นจะช่วยเหลือพวกเขางั้นหรือ?

ผู้ฝึกตนทั้งสิบคนจากนิกายพยัคฆ์มังกรได้รีบล่าถอยกลับเข้าไปในนิกายของตน พวกเขาเข้าไปอยู่ในม่านพลังและคอยสังเกตการณ์ ในตอนนั้นเองก็มีเสียงของเซียนผู้คุมกฎดังขึ้นอีกครั้ง “คนจากอาณาจักรฉินหวง ดูจากเจตนาแล้วพวกเจ้าต้องการจะปะทะกับนิกายพยัคฆ์มังกรของข้า นี่พวกเจ้าคิดว่านิกายของข้านั้นโดนข่มเหงได้ง่าย ๆ เช่นนั้นหรือ?” ในตอนที่เขาได้พูดนั้นน้ำเสียงที่แสดงออกถึงความสุภาพได้ปรับเปลี่ยนเป็นแข็งกระด้างราวกับเหล็ก

“อดีตหัวหน้านิกายแห่งนิกายพยัคฆ์มังกร เรื่องนี้นั้นเริ่มต้นขึ้นจากนิกายของท่านเอง แม้ว่าพวกเราเพิกเฉยสิ่งที่เกิดขึ้นในอาณาจักรอินทรีสวรรค์ แต่มันยังมีเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อหลายวันก่อนด้วย คำสั่งที่เราได้มานั้นคือจับกุมคนร้ายจากอาณาจักรอินทรีสวรรค์และนำตัวเขากลับไป แต่ในตอนนั้นเองก็ได้มีคนจากนิกายของท่านเข้ามาขัดขวางพวกเรา ไม่เพียงแต่ช่วยผู้ร้ายหนีไปแต่ยังทำให้ลูกชายของข้าได้รับบาดเจ็บอย่างหนักอีกด้วย ข้านั้นอยากจะขอให้ท่านไตร่ตรองถึงเรื่องนี้ด้วย” ฉินหวู่หมิงพูดขึ้น

“เหลวไหล คนร้ายของอาณาจักรฉินหวงงั้นหรือ ? องค์ชายรองของอาณาจักรอินทรีสวรรค์นั้นเป็นหนึ่งในสมาชิกของนิกายพยัคฆ์มังกร แล้วจะให้ส่งตัวเขาเหมือนกับว่าเป็นคนร้ายให้กับอาณาจักรฉินหวงของเจ้างั้นหรือ? อาณาจักรอินทรีสวรรค์นั้นเป็นที่ซึ่งนิกายของเราปกครองและยังเป็นฐานที่มั่นของพวกเราด้วย พวกเราได้เพิกเฉยต่อการที่อาณาจักรของเจ้าเข้ามาปกครองอาณาเขตของพวกเรา แต่พวกเจ้ายังต้องการมาจับกุมคนของเรา นั่นมันมีเหตุผลเยี่ยงไร ? ” รองหัวหน้านิกายฮูป้าคำรามออกมา

เซียวเทียนตอบกลับไป “เมื่อไหร่กันที่องค์ชายรองได้กลายเป็นหนึ่งในพวกเจ้า จากที่พวกข้ารู้ อาณาจักรอินทรีสวรรค์นั้นไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับนิกายพยัคฆ์มังกรเลย”

“นั่นถูกต้อง คาโลวเป็นองค์ชายรองของอาณาจักรอินทรีสวรรค์ แต่แม่ของเขานั้นเป็นหลานของหัวหน้านิกายคริสและเพราะเหตุนั้นจึงถือว่า คาโลวเองก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของนิกายเราเช่นกัน และสำหรับอาณาจักรอินทรีสวรรค์ กษัตริย์ของอาณาจักรนั้นได้ตัดสินใจมอบดินแดนแห่งนี้ให้กับนิกายของเราเมื่อนานมาแล้ว นั่นจึงเป็นอาณาเขตของพวกเรา” ครั้งนี้ม่อเหยียนพูดขึ้น แม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บอย่างหนักแต่น้ำเสียงของเขายังคงราบรื่นไม่สะดุด

ไม่นานหลังจากนั้นคนจากทั้งสองฝั่งก็ได้ถกเถียงกันก่อนที่สุดท้ายแล้วเซียนผู้คุมกฎก็ได้พูดขึ้น “พอ จะไม่มีการถกเถียงกันอีกแล้ว !”

เมื่อคำพูดนั้นดังขึ้นคนทั้งสองฝั่งก็ได้ปิดปากลง พวกเขากล้าที่จะพูดถึงหลักเหตุและผลกับเซียนผู้คุมกฎ แต่มิกล้าที่จะต้องขัดแย้งกับเขา

เซียนผู้คุมกฎได้เอ่ยปากขึ้น “องค์ชายรองของอาณาจักรอินทรีสวรรค์นั้นเป็นหนึ่งในสมาชิกของนิกายของเรา ด้วยเหตุผลข้อนั้นทำให้เราส่งตัวเขาให้กับอาณาจักรฉินหวงมิได้ คนจากอาณาจักรฉินหวงเอ๋ย พวกเจ้านั้นนั้นได้เข้ามาทะเลาะกัน ณ ที่แห่งนี้ เรื่องทุกอย่างควรจบเสียตรงนี้ และสำหรับอาการบาดเจ็บที่พวกเจ้าได้รับจากคนของเรานั้น เราจะจ่ายคืนด้วยอาณาจักรอินทรีสวรรค์ ตอนนี้พวกเจ้าก็กลับไปได้แล้ว”

เมื่อได้ยินแบบนั้นทุกคนจากอาณาจักรฉินหวงก็ได้แสดงใบหน้าน่าเกลียดออกมา แม้ว่าคำพูดเขาจะฟังดูโอบอ้อมอารี แต่ความหมายนั่นเหมือนกับแสดงอำนาจของตนเอง ไม่เพียงแต่ปกป้ององค์ชายรอง แต่เขายังผลักความรับผิดชอบของนิกายพยัคฆ์มังกรทิ้งด้วย อาณาจักรอินทรีสวรรค์นั้นถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรฉินหวงอยู่แล้ว การที่จะให้รึไม่ให้นั้นมิได้แตกต่างอะไรเลย หรือว่านิกายพยัคฆ์มังกรอยากจะสู้กับอาณาจักรฉินหวงเพื่ออาณาเขตเช่นนั้นหรือ?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพกระบี่มรณะ