หัตถ์เทวะหมอเทวดา นิยาย บท 2278

สิ่งที่ทำให้คนตกในจนพูดไม่ออกก็คือ

แม้การฉีดยาชะลอวัยจะมีราคาที่สูงลิ่วเช่นนี้

แต่ผู้หญิงทั่วโลกก็ยังคงแห่กันไปมากมาย

ว่ากันว่ามีการต่อคิวสั่งจองล่วงหน้าจนถึงฤดูร้อนของปีถัดไปเลย และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอีกด้วย

สิ่งนี้ผลักดันให้ความนิยมของกิจการสมิทไปสู่จุดสูงสุด

“สวัสดีครับคุณปั้นซย่า รู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้พบคุณ…

…คุณเป็นผู้หญิงที่สวยและมีเสน่ห์มากเลยครับ”

ขณะที่กำลังพูดอยู่นั้น เขาก็แสดงกิริยามารยาทที่เป็นมาตรฐานของสุภาพบุรุษด้วย

เขาจับมือของสวี่ปั้นซย่าขึ้นมา เดิมทีตั้งใจจะจูบที่มือของเธอ

แต่เมื่อเห็นใบหน้าถมึงทึงของหลินมั่ว

สมิท คอนเนอร์ก็นึกอะไรขึ้นมาได้และหยุดการกระทำนี้ลง

เมื่อเห็นเช่นนั้น สวี่ปั้นซย่าก็ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยเช่นกัน

ช่างเป็นผู้ชายที่ใจแคบเสียจริงเชียว

ในด้านงานเลี้ยง ทุกคนต่างรอคอยกันนานแล้ว

จั่งโหลวเห็นว่าหลินมั่วยังคงคุยทักทายกันอยู่ จึงเดินออกมาอย่างรีบร้อน

“พวกเราหิวจนไส้จะขาดแล้ว มีเรื่องอะไรไว้คุยกันทีหลังเถอะครับ”

หลังจากพูดจบ เขาก็ดึงหลินมั่วออกมาและพาไปที่งานเลี้ยง

“คุณสมิท เราก็ไปนั่งกันเถอะ”

หลังจากยิ้มอย่างเก้อเขิน สมิท คอนเนอร์ก็นั่งลงประจำที่

ด้านหน้าของเขามีโต๊ะกลมขนาดใหญ่ บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารมากมายตระการตา

แน่นอนว่าทั้งหมดนี้เป็นอาหารตุ๋นยาจีนที่หลินมั่วลงมือทำด้วยตนเอง

เช่น เนื้อหงส์ตากแห้งผักใบเขียว ถังเช่าไก่ผัดเสาวรส ไก่หั่นเต๋าผัดซอส โสมอุ้งมือหมี ไป๋เจ๋ออวิ๋นเซีย ตีนเป็ดตุ๋นและอื่นๆ อีกมากมาย

วัตถุดิบมากมายอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมฟุ้ง

เหล่าบรรดาลูกศิษย์หยิ่นจงพากันกลืนน้ำลายทันทีเมื่อเห็นอาหารเหล่านี้

“มาเถอะ พวกเรามาดื่มอวยพรให้พ่อตาและแม่ยายของหลินมั่วกันก่อน”

ตามการเสนอของต้วนซือ

ทุกคนก็ยกแก้วขึ้นมา

สำหรับฟังฮุ่ยซึ่งเป็นแขกคนหลักในงานนี้ ถึงแม้เธอจะไม่เต็มใจมากนัก

แต่เห็นแก่หน้าตาของลูกเขย เธอจึงแกล้งทำเป็นยกแก้วขึ้นตอบตามมารยาท

แต่หลังจากที่เธอนั่งลงแล้ว เธอก็อดไม่ได้ที่จะกระซิบถามข้างหูหลินมั่วเบาๆ

“เสี่ยวมั่ว หุบเขาไป่เฉ่า เขาชิงเฟิง เรือนเทียนหยาเป็นการรวมตัวกันแบบไหนหรือ”

แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะแนะนำตัวเองกันไปแล้วก็ตาม

แต่นอกจากจะมีงานใหญ่อย่างการแข่งขันยอดหมอเทวดา หรือการเปลี่ยนผู้นำสมาคมศิลปะการต่อสู้

สำนักหยิ่นจงคงไม่ปรากฏอยู่ในโลก

หลินมั่วจึงไม่ได้เชิญผู้อาวุโสคนอื่นๆ

ยกเว้นพ่อตาแม่ยาย ที่เหลือโดยทั่วไปแล้วก็เป็นคนรุ่นราวคราวเดียวกันทั้งนั้น

ดังนั้นฟังฮุ่ยและสวี่เจี้ยนกงจึงกลายเป็นบุคคลที่อาวุโสที่สุดในงานเลี้ยงนี้ไปโดยปริยาย

ด้วยเหตุนี้ หลังจากรอให้ฟังฮุ่ยกล่าวพูดจบ

กลุ่มลูกศิษย์สำนักลับทั้งหลายก็เริ่มลงมือทานอาหารทันที

“อะ ปั้นซย่านี่คือดอกบัวเมฆและซุปหอมหมื่นลี้ ช่วยคลายความเหนื่อยล้าได้ดีเลย”

ในขณะที่หลินมั่วยื่นซุปให้ภรรยา

จั่งโหลวก็เป็นหัวโจกเริ่มโห่แซวทันที

“พี่หลินมั่ว ผมก็อยากได้เหมือนกัน”

“ให้ผมด้วยสิ!”

“ใช่ครับพี่ใหญ่หลิน ผมก็อยากดื่มเหมือนกันนะ”

นำเสียงนั้นช่างน่าหมั่นไส้เสียจริง

เสียงเอ่ยแซวดังขึ้นเจี๊ยวจ๊าว

ทำให้สวี่ปั้นซย่าหน้าแดงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

ยิ่งเห็นเธอเป็นแบบนี้ ก็ยิ่งมีคนแซวเธอมากยิ่งขึ้น

ในงานเลี้ยงอันยิ่งใหญ่นี้เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและชวนตลกขบขันสับเปลี่ยนไปมาอย่างต่อเนื่อง