หัตถ์เทวะหมอเทวดา นิยาย บท 65

เวลาเที่ยงตรง ณ โรงแรมเย่ว์ไหล

สวี่เจี้ยนกงและฟังฮุ่ยสองสามีภรรยาเดินมาถึงประตูทางเข้า

“คุณว่า เถ้าแก่โจวคนนั้น จะเชื่อถือได้ไหม” ฟังฮุ่ยพูดเสียงเบา “เขาบอกว่าจะช่วยเราจัดการเรื่องนี้ จะจัดการได้ไหมนะ”

เถ้าแก่โจว คือผู้มีอิทธิพลที่หวงเหลียงแนะนำให้พวกเขารู้จักตอนเย็นเมื่อวานนี้

เย็นเมื่อวานสวี่เจี้ยนกงพูดถึงปัญหานี้ และเถ้าแก่โจวก็รับปากว่าจะช่วยจัดการให้

สวี่เจี้ยนกงรู้สึกว้าวุ่นใจ “ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปละกัน แต่ถึงยังไงเราก็ไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้วล่ะ”

“ถ้าจัดการได้ แน่นอนว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุด แต่ถ้าจัดการไม่ได้ ก็ตัดความคิดของปั้นซย่าออกไป แล้วไปขอความช่วยเหลือจากคุณชายชุยก็ยังได้!”

ฟังฮุ่ยพยักหน้า “ก็ถูก เรื่องของวันนี้ไม่ใช่กุญแจสำคัญหรอก แต่กุญแจสำคัญคือต้องให้ปั้นซย่าตัดความคิดออกไป!”

“ให้ฉันพูดนะ มันจะเหมาะสมที่สุดถ้าให้ปั้นซย่าแต่งงานกับคุณชายชุย”

“ตัวคุณชายชุยมีมูลค่าหลายร้อยล้าน ตระกูลก็มีกำลังเกรียงไกร ถ้าแต่งงานกับปั้นซย่า ธุรกิจของปั้นซย่าก็จะราบรื่นขึ้น”

“ถึงเวลานั้น แม้แต่พวกเรา ก็สามารถก้าวข้ามเข้าไปในเขตตระกูลใหญ่ในเมืองก่วงหยางได้ นับประสาอะไรกับพวกสวี่หย่งฉิ้งล่ะ“

ดวงตาของสวี่เจี้ยนกงวูบไหว ถูกตระกูลและสวี่หย่งฉิ้งเหยียบย่ำ ทำให้เขารู้สึกอัปยศอดสู ตอนนี้มีโอกาสแก้แค้นกลับแล้ว เขาจะไม่พลาดไปอย่างแน่นอน

“กุญแจสำคัญที่สุดอีกอย่างก็คือทำให้หลินมั่วหย่ากับปั้นซย่าซะ!” สวี่เจี้ยนกงกัดฟันกรอด “ถ้าไม่ใช่เพราะมันทำให้เดือดร้อน ป่านนี้ปั้นซย่าก็ได้แต่งงานกับคนร่ำคนรวยไปแล้ว!”

“ใช่!” ฟังฮุ่ยเดือดดาล “ก็ใช้ประโยชน์จากเรื่องวันนี้สิ มื้อเที่ยงนี้ ถ้าจัดการปัญหาไม่ได้ ก็ให้เขาหย่า!”

ทั้งสองมาถึงห้องส่วนตัวที่หลินมั่วพูดถึง

เมื่อผลักประตูเข้าไป ภายในห้องมีคนห้าคนนั่งอยู่ก่อนแล้ว

หลินมั่วและสวีปั้นซย่ามาถึงแล้ว และอีกสามคนคือ คุณหญิงจ้าว คุณชายจ้าวและภรรยาของคุณชายจ้าว

ภรรยาของคุณชายจ้าวชื่อว่า สวีจิ้ง ตอนนี้ใบหน้าหวานหยาดเยิ้มแอบอิงอยู่ข้างๆ คุณชายจ้าว ราวกับคู่บ่าวสาวข้าวใหม่ปลามัน

คุณชายจ้าวเป็นคนหยิ่งผยอง แต่เมื่อยามรอยยิ้มผลิบานเต็มใบหน้า ก็พัดพาความเสื่อมโทรมในอดีตไป

การฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศเมื่อคืนนี้ ทำให้คุณชายจ้าวรู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่เป็นมนุษย์อีกครั้ง

เมื่อตอนบ่าย ผู้อาวุโสเฮ่อก็ให้ยาเสี่ยวกุยหยวนกับคุณชายจ้าว

หลังจากรับประทานเข้าไป คุณชายจ้าวไม่เพียงแต่จะฟื้นจากอาการบาดเจ็บเท่านั้น แต่ยังมีพละกำลังมากขึ้นอีกด้วย

คุณชายจ้าวปีนี้อายุใกล้จะสี่สิบแล้ว แต่ปัจจุบันนี้ยังแข็งแรงมีชีวิตชีวาดี ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองยังอายุไม่ถึงสามสิบเลย

เรื่องพวกนี้ ทั้งหมดนี่ต้องขอบคุณหลิวมั่วล่ะ คุณชายจ้าวรู้สึกซาบซึ้งต่อหลินมั่วเป็นอย่างมาก

แน่นอนว่า แม้แต่สวี่ปั้นซย่า ก็ไม่รู้จักเกียรติศักดิ์ของครอบครัวคุณชายจ้าวเลย

สวี่เจี้ยนกงและฟังฮุ่ยเห็นสามคนนี้ ก็เกิดความสงสัยบนใบหน้า

หลินมั่วจึงรีบแนะนำทันที แต่คุณชายจ้าวก็ยื่นมือออกมาแล้วพูด “คุณลุงคุณป้า สวัสดีครับ ผมกับหลินมั่วเราเป็นพี่น้องกันครับ!”

สวี่เจี้ยนกงและฟังฮุ่ยมองหน้ากัน พี่น้องของหลินมั่ว? งั้นจะเป็นคนแบบไหนได้ล่ะ!

สวี่เจี้ยนกงและฟังฮุ่ยจึงไม่จับมือกับคุณชายจ้าว และนั่งลงไปอย่างไม่ยี่หระ “หลินมั่ว เข้าเรื่องเที่ยงวันนี้เถอะ แกอยากจะเชิญเพื่อนตัวเองเวลานี้ มันเหมาะสมไหม”

คุณชายจ้าวรู้สึกเก้อเขินเล็กน้อย สวี่ปั้นซย่าจึงรีบพูด “พ่อคะแม่คะ พี่ใหญ่จ้าวจะมาเป็นแขกรับเชิญในเที่ยงนี้ค่ะ”

“แขกรับเชิญ?” ฟังฮุ่ยยิ้มเยาะ “แกรู้ไหมว่าเที่ยงนี้เชิญใครมา?”

“ผู้จัดการเหยา ที่รับผิดชอบควบคุมธุรกิจส่วนใหญ่ของธนาคาร งั้นจะเชิญใครมาเป็นแขกรับเชิญก็ได้เหรอ?”

สวีปั้นซย่าทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก “แม่ มะ...แม่อย่าพูดมั่วๆ นะ!”

“พี่ใหญ่จ้าว ขอโทษด้วยนะคะ แม่ฉันแค่ล้อเล่นน่ะ!”

คุณชายจ้าวเห็นสถานการณ์ของหลินมั่วในบ้านนี้ ก็รู้สึกสงสัย แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก

สวี่เจี้ยนกงและฟังฮุ่ยดูถูกเหยียดหยามครอบครัวของคุณชายจ้าวมาตลอด

ในระหว่างการสนทนา การติฉินนินทาเป็นการเหน็บแนมอย่างชัดเจน

ยังดีที่วันนี้ครอบครัวของคุณชายจ้าวอารมณ์ดี มองไปที่หน้าของหลินมั่วและไม่ตอบโต้อะไร