สีหน้าของเติงจือซีดขาว ท่าทางหวาดกลัวเสียยิ่งกว่าตอนออกไปอีก มือที่ผลักประตูสั่นระริก
“ฮูหยิน...” เมื่อผ่านประตูเข้าไปด้านในแล้ว นางคุกเข่าลงกับพื้นทันที
นางไม่กล้าแม้แต่จะเอื้อนเอ่ยคำพูดใดๆ มือที่สั่นรัวรีบล้วงเอาห่อผ้าสีขาวที่ซุกซ่อนอยู่ใต้เสื้ออกมา ภายในคือหุ่นไม้แกะสลักตัวเล็กๆ
[โอ้ๆ นี่มันมนตร์ดำที่ทำร้ายให้ท่านลุงใหญ่ต้องตายไม่ใช่เหยอ] เจาเจาตัวน้อยมัวแต่เป่าฟองน้ำลายเล่น ไม่ยอมนอน
มือของสวี่ซื่อสั่นเทาจนเกือบจะทำหุ่นไม้ร่วงหล่นลงบนพื้น
“มีคนเฝ้าประตูอยู่ ฮูหยินวางใจได้” เติงจือพยายามระงับความตื่นกลัว
ตอนที่นางพบของสิ่งนี้ แข้งขาก็อ่อนแรงไปหมด
หากถูกพบเจอเข้า ตระกูลสวี่คงจบสิ้น
ตระกูลสวี่กุมอำนาจสำคัญ หากมีใครพบเจอสิ่งไม่เหมาะไม่ควรเข้า ก็จะทำให้ฮ่องเต้สงสัยพวกเขาได้
ผู้เฒ่าสวี่เคยดำรงตำแหน่งเป็นราชครูในราชสำนัก แต่เพราะฮ่องเต้ระแวงเขา เขาจึงขอลาออกจากราชการและกลับมาใช้ชีวิตบั้นปลายอยู่ที่บ้าน
กว่าจะลบล้างความระแวงของฮ่องเต้ได้ก็ยากเย็นแสนเข็ญ หากเกิดเรื่องนี้ขึ้นมาอีก ตระกูลสวี่ก็คงต้องพิสูจน์ความบริสุทธิ์ด้วยเลือด!
พี่ชายใหญ่ในเวลานี้เป็นขุนนางชั้นเอกระดับสาม แต่ด้วยบารมีของบิดา ผู้คนในราชสำนักจำนวนไม่น้อยจึงให้ความเคารพต่อตระกูลสวี่
และนี่ก็เป็นเหตุผลที่จงหย่งโหวมาสู่ขอนาง!
สวี่ซื่อพินิจมองหุ่นไม้แกะสลัก หุ่นไม้ตัวนี้ดูเหมือนจะเคยผ่านการแช่ในเลือด มีกลิ่นอายบางอย่างให้ความรู้สึกน่าขนลุก รอยขีดข่วนที่แกะด้วยมีดบนหุ่นไม้ยิ่งชวนให้รู้สึกสยดสยอง
ด้านหลังของหุ่นไม้ มีวันเดือนปีเกิดของฮ่องเต้ถูกสลักอยู่
“ลายมือนี้...” สวี่ซื่อเม้มริมฝีปากแน่นพลางขบกรามแน่น จนมีเลือดไหลออกมาจากมุมปาก
“นี่เป็นลายมือของนายท่านใหญ่” เติงจือเติบโตมาในบ้านตระกูลสวี่ นางย่อมจำลายมือของใต้เท้าสวี่ได้
สวี่ซื่อน้ำตาไหล “ไม่ ของข้าเอง!”
ขนทั่วทั้งร่างกายของสวี่ซื่อลุกชัน ความรู้สึกในยามนี้คือความเสียใจ ความหวาดวิตก แต่ที่มากมายยิ่งกว่าคือ...
ความโล่งใจ
นางเป็นบุตรสาวคนเล็กของตระกูล พี่ชายใหญ่เป็นคนเลี้ยงดูนางให้เติบใหญ่ กระทั่งอักษรของนาง พี่ใหญ่ก็เป็นคนสอน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์