[ท่านแม่คนจ๋วย ไม่ต้องกลัว เจาเจาจะช่วยท่านเอง เจาเจารักท่านแม่ จ๊วบ...]
ทันทีที่ก้มศีรษะลง สวี่ซื่อก็เห็นดวงตาใสแจ๋วของลูกสาวตัวน้อยกำลังจ้องมองกลับมา ทั้งยังทำปากจูจุ๊บส่งให้นางอีกด้วย
[ข้าอยู่ข้างท่านแม่ ดูซิว่าใครกล้าเป็นศัตรูกับท่านแม่]
[ลุยเลย ท่านแม่!]
ความอึดอัดในใจของสวี่ซื่อคลายลงไปหลายส่วน นางทำบุญอะไรมา ถึงได้มีลูกสาวที่น่ารักแบบนี้
นางอดไม่ได้ที่จะอุ้มลู่เจาเจาขึ้นมาหอมแก้มสักฟอด
ก่อนจะปาดน้ำตา แล้ววางเด็กน้อยลง
นางโยนหุ่นไม้แกะสลักลงไปในเตา เทน้ำมันตะเกียงใส่ จากนั้นจึงจุดไฟเผา
หลังจากเฝ้ามองหุ่นไม้มอดไหม้จนเหลือเพียงชั้นขี้เถ้าแล้ว สวี่ซื่อจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอกได้เสียที
“ฮูหยิน ล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นก่อนเถอะ ท่านยังอยู่ในช่วงอยู่ไฟหลังคลอด ไหนจะร้องไห้ ไหนจะเปียกโชกไปด้วยเหงื่ออีก” เติงจือสงสารฮูหยินจับใจ สองวันมานี้ ดูเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างจะกลับหัวกลับหางไปหมด
สวี่ซื่อรู้สึกอ่อนเปลี้ยเพลียแรงไปทั้งตัว นางรู้สึกราวกับร่างกายแทบจะหลุดออกจากกัน
นางเองก็รู้ดีว่าร่างกายของนางไม่อาจทนรับไหว
“ส่งคนไปดูเยี่ยนซูหน่อยสิ อย่าให้ใครรังแกเขา” ทุกวัน สวี่ซื่อจะไปเยี่ยมลูกชายคนโต แต่สองวันนี้ นางลุกไม่ไหว จึงไม่ได้ไปด้วยตัวเอง
“บ่าวได้ถ่ายทอดคำสั่งไปแล้ว ฮูหยินวางใจได้เจ้าค่ะ”
สวี่ซื่อถอนหายใจ แต่ความกังวลยังคงวนเวียนอยู่บนหว่างคิ้วของนาง
[ท่านแม่ ตอนนี้ยังล้มไม่ได้นะ ถ้าท่านแม่เป็นอะไรไป พวกเราจะตายกันหมด...ฮือๆๆ]
สวี่ซื่อก็รู้ดีเช่นกันว่าช่วงเวลานี้นางควรพยายามระงับอารมณ์ และตั้งใจอยู่เดือนให้ดี
ส่วนลู่หย่วนเจ๋อน่ะหรือ เขาไม่เคยกลับบ้านเลยแม้แต่ครั้งเดียว
หัวใจของนางเย็นลงเรื่อยๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์