หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์ นิยาย บท 1186

สรุปบท ตอนที่ 1186: หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์

ตอนที่ 1186 – ตอนที่ต้องอ่านของ หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์

ตอนนี้ของ หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์ โดย Jaroen ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนติกโบราณทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 1186 จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ในใจเขามักจะรู้สึกว่าไม่สามารถสนิทสนมด้วยได้ กลัวว่าหากทุ่มเทให้ใจมากเกินไป ภายภาคหน้าลูกอาจจะโหดเหี้ยมเกินไป จนตัวเขาเองก็ไม่สามารถที่จะลงมือได้ลงคอ

แต่พอลูกโตเป็นผู้ใหญ่แล้วและเมื่อมองดูใบหน้าที่คล้ายกับตัวเองและสวี่สืออวิ๋น เขาก็ชอบมากขึ้นทุกวัน

ภายในจิตใจก็ยิ่งหวาดหวั่นมากขึ้น และหวังเพียงแค่เขาจะเป็นคนที่มีจิตใจดีเมตตาคนหนึ่ง

“ลูกเอ๋ย เจ้าจะต้องเชื่อฟังคำสั่งสอนของพี่สาวเจ้ารู้หรือไม่? ที่ผ่านมาพ่อกับแม่ไม่อาจลงไม้ลงมือตีเจ้าได้ แต่เจาเจากล้าลงมือกับเจ้าจริงนะ ฉะนั้นจงเชื่อฟังนางให้ๆมากจะได้โดนทุบตีน้อยหน่อย”

“เป็นลูกผู้ชายชาตรี ตรงไหนสามารถยอมให้ได้ก็ควรยอม คำว่าศักดิ์ศรีอะไรนั้นกินไม่ได้”

“หน้าหนาเข้าไว้จึงจะโชคดี”

“เจ้าคงรู้อยู่แล้วกระมัง? ทั่วทั้งใต้หล้าต่างบอกว่าแม่ของเจ้าเป็นคนมีวาสนาดี มีลูกๆก็ได้ความทุกคน ที่จริงๆ แล้ว...คนที่มีวาสนามากที่สุดก็คือข้า”

“เจ้าดูสิ พ่อของเจ้าจากที่เป็นแม่ทัพโสดหัวเดียวกระเทียมลีบ หนังหน้าหนาไร้ยางอายคนหนึ่งยังสามารถเป็นลูกเขยตระกูลใหญ่ได้ ในชั่วพริบตาข้าก็มีลูกชายที่ประสบความสำเร็จ และมีลูกสาวที่เป็นดั่งองค์หญิงตัวน้อย อีกทั้งยังมีภรรยาอันเป็นที่รัก ข้ามีครบทุกอย่างแล้ว! เจ้าดูสิว่าข้าโชคดีขนาดไหน?”

“กลายเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตแล้วเรียบร้อย!”

“ปีนั้นตอนที่ข้าเข้าจวนมา ทั่วทั้งเมืองหลวงต่างด่าว่าข้าไม่มีศักดิ์ศรี ตัวเองมีฐานะเป็นถึงลูกชายคนเดียวของเจิ้นกั๋วกงแต่กลับแต่งเข้าจวน ซี๊ด...ในปีนั้นด่าข้าดุเดือดที่สุดเลย ตอนนี้คนที่อิจฉาตาร้อนอยู่ทุกวันๆล้วนเป็นพวกเขานั่นแหละ” สวี่สืออวิ๋นยังให้ซ่านซ่านแซ่หรงอีก ยิ่งทำให้คนกลุ่มนี้อิจฉาจนตาร้อนมากกว่าเดิม

“เจ้าหนูเจ้าต้องหน้าด้านกว่านี้หน่อย พยายามเอาอกเอาใจพี่สาวสักหน่อย ศักดิ์ศรีของแบบนี้โยนทิ้งไปเถอะ” หรงเช่อเป็นคนที่มีประสบการณ์ผ่านอะไรมาก่อน จึงตั้งใจจะถ่ายทอดหลักการการดำรงชีวิตที่มีความสุขของเขาให้กับลูกชาย

หลักการสำคัญก็คือต้องทำตัวไร้ยางอายเข้าไว้

พอพูดจบยังเลิกคิ้วขึ้นอย่างภาคภูมิใจ “พ่อของเจ้านะ มีวาสนาดี ชีวิตนี้พ่อได้ดีก็เพราะมีภรรยาดี”

ผ่านไปสักพัก สวี่สืออวิ๋นก็เดินเข้าประตูมาด้วยดวงตาแดงก่ำ

เซี่ยอวี้โจวถูกไล่ออกจากจวนอ๋องไปตั้งแต่เช้าตรู่ ในขณะนี้ได้นั่งรออยู่บนรถม้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ส่วนจู๋มั่วประคองอาอู๋อย่างระมัดระวัง แต่อาอู๋ปัดมือเขาออกด้วยความโกรธ “เพิ่งจะตั้งท้องได้แค่สองเดือน ไม่ได้บอบบางถึงขนาดนั้นสักหน่อย” ถึงกระทั่งที่ยังมองไม่ออกเลยว่าท้อง และไม่รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวใดๆของทารกในครรภ์เลยด้วยซ้ำ

จู๋มั่วไม่ได้โกรธแต่อย่างใด “ระวังหน่อยก็ดี”

“ข้าได้ใส่เบาะนุ่ม ๆ เอาไว้ที่รถม้าแล้วและเพิ่มเสริมแผ่นรับแรงกระแทกที่ด้านล่างแล้วด้วย จะได้ไม่ทำให้เจ้ากับลูกต้องรู้สึกนั่งลำบาก”

อาอู๋ก้มตาลงมองเล็กน้อย และมือที่แนบอยู่ข้างตัวก็กำแน่นขึ้นเล็กน้อย

นางพูดขึ้นมาเหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไร “ได้ยินเจาเจาบอกว่าท่านเคยแต่งงานกับเผ่าหงส์มาก่อนอย่างงั้นหรือ?”

จู๋มั่วตัวเกร็งขึ้นมากะทันหัน ใบหน้าเผยให้เห็นถึงความตึงเครียดเล็กน้อย ก่อนจะอธิบายด้วยน้ำเสียงร้อนใจ “อาอู๋ เจ้าอย่าได้คิดมากไป ข้ากับองค์หญิงเผ่าหงส์แต่งงานเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างสองเผ่าเท่านั้น ข้าไม่ได้รู้สึกอะไรกับนางเลย” น้ำเสียงของเขาแสดงให้เห็นถึงความรังเกียจเล็กน้อย

“เป็นนางที่ดื้อดึงไม่ยอมออกไปจากเผ่ามังกร ข้ากับนางไม่มีอะไรเกินเลย...ในใจข้ามีเพียงแต่เจ้าและลูกของพวกเราเท่านั้น”

อาอู๋สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดพร้อมกับยิ้ม “ท่านจะตื่นเต้นไปไย? ข้าก็ไม่ได้โกรธสักหน่อย”

อาอู๋หัวเราะและรอเขาพูดจบจึงเอื้อมมือไปปิดปาก

“อย่าได้พูดจาไร้สาระ เหนือศีรษะสามฟุตยังมีเทพเจ้าสถิตอยู่ ข้าเชื่อท่านว่า...จะสามารถให้ความสุขแก่ข้าและลูกได้อย่างแน่นอน”

“อืม หลังจากยุ่งเรื่องพวกนี้เสร็จสิ้นแล้ว ข้าจะมารับเจ้ากลับไปที่เผ่ามังกร”

“เจ้ากำลังตั้งครรภ์ทายาทของเผ่ามังกรอยู่ ไม่รู้ว่าเหล่าผู้อาวุโสเผ่ามังกรเหล่านั้นจะมีความสุขมากแค่ไหนกันเชียว” ในเวลานั้น แม้ว่าจะมีเผ่าหงส์คอยกดดันอยู่ก็ตาม แต่เขาก็สามารถพาอาอู๋เข้ามาในเผ่าได้อยู่ดี

อาอู๋ลูบท้องและยกมุมปากกระตุกยิ้มจาง ๆ

“รอให้คลอดลูกออกมาก่อนค่อยกลับไปเถอะ...” ความลังเลและความไม่แน่ใจที่มีในดวงตาหายไปอย่างไร้ร่องรอย

จู๋มั่วกลับรู้สึกว่า ภรรยาของเขาอ่อนโยนกับเขามากกว่าเดิม

ในโลกมนุษย์มักกล่าวกันว่า คู่ที่สามารถอยู่กันได้ถึง 3 ปีไม่เลิกถือว่ามีไม่มาก และหากคู่ไหนอยู่ได้ถึง 7 ปีก็จะเริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายในชีวิตคู่

แต่เขากลับรู้สึกว่าเมื่อเวลาผ่านไปมากเท่าไร เขาก็ยิ่งรักอาอู๋มากขึ้นเรื่อย ๆ

“อาอู๋ เจ้าไปพักผ่อนในรถม้าก่อนนะ”

จู๋มั่วประคองอาอู๋ขึ้นรถม้า ในรถม้ายังมีโต๊ะเล็ก ๆ วางเอาไว้ด้วย และบนโต๊ะนั้นยังมีขนมและเม็ดแตงวางเตรียมไว้ พอนั่งลงบนเบาะนุ่มๆก็ไม่รู้สึกเหนื่อยเลยสักนิด มันนุ่มและสบายอย่างมาก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์