หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์ นิยาย บท 1188

สรุปบท ตอนที่ 1188: หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์

สรุปตอน ตอนที่ 1188 – จากเรื่อง หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์ โดย Jaroen

ตอน ตอนที่ 1188 ของนิยายโรแมนติกโบราณเรื่องดัง หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์ โดยนักเขียน Jaroen เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

แต่สิ่งที่หรงเช่อไม่ได้พูดก็คือ ลูกศิษย์เหล่านั้นหวาดกลัวจนมีสภาพแย่สุด ๆ

“ถ้าไม่ใช่เพราะว่าโลกมนุษย์ไม่มีกำลังสามารถปกป้องตัวเองได้ เกรงว่าเจาเจาคงจะจากโลกไปนานแล้ว” หรงเช่อเดินตามเจาเจาไป และพยายามคาดเดาเจตนาของเทพเจ้า ดูเหมือนเทพเจ้าได้ละทิ้งโลกมนุษย์แล้ว

แต่เขาไม่กล้าพูดออกมา เพราะชาวบ้านกำลังหวาดหวั่นรู้สึกไม่ปลอดภัยอยู่ จึงคิดว่าจะเป็นภัยมากกว่าเป็นประโยชน์ เขาทำได้เพียงต้องคอยช่วยฮ่องเต้ผลักดันให้โลกมนุษย์บำเพ็ญเพียรตนอย่างแพร่หลายเท่านั้น

รถม้าเพิ่งจากไปได้ไม่นาน ก็ได้ยินยามเฝ้าประตูเอ่ยรายงานว่า “ฮูหยิน นายท่าน ผู้บำเพ็ญตนที่องค์หญิงเชิญมาถึงแล้วขอรับ”

หรงเช่อรีบพาทุกคนออกไปต้อนรับทันที

เดิมทีเขาคิดว่าเป็นลูกศิษย์ของนิกายหมื่นกระบี่ แต่กลุ่มคนที่มา ดูไม่เหมือน...ผู้ฝึกกระบี่เลยสักนิด

พอฮ่องเต้เซวียนผิงทราบข่าว แม้ว่าจะไม่ได้มาต้อนรับด้วยตัวเอง แต่ก็มอบของดี ๆ มากมายส่งมาให้ตระกูลลู่ และขอให้ตระกูลลู่เป็นตัวแทนตนจัดแจงต้อนรับผู้บำเพ็ญตนทั้งหมด

ทางด้านนอกเมือง

“ผู้บำเพ็ญตนที่เจ้าเชิญมาสอนที่สำนักหญิงเป็นศิษย์ของนิกายหมื่นกระบี่งั้นหรือ?” จุยเฟิงกระโดดลงมาจากรถม้า

ตอนนี้เซิ่งเหอ จงไป๋และเทพองค์อื่น ๆ สูญเสียสถานะความเป็นเทพและกลายเป็นมนุษย์ธรรมดาแล้ว ไม่สามารถเข้าไปในมิติได้แล้ว ดังนั้นลู่เจาเจาจึงซ่อนเอาไว้ในรถม้า เพื่อไปที่แคว้นฟั่นด้วยกัน

พื้นที่ในมิติมีพลังมาก แต่เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ลู่เจาเจานั่งยอง ๆ อยู่ริมแม่น้ำเพื่อล้างมือที่เต็มไปด้วยโคลน

นางส่ายหัวให้ “ตอนนี้นิกายหมื่นกระบี่ไม่มีใครสามารถเป็นเสาหลักให้ได้ ถ้ายังดึงตัวศิษย์เอกมาอีก นิกายหมื่นกระบี่คงตกอยู่ในอันตราย”

จุยเฟิงเห็นนางไม่อยากพูดถึง จึงไม่ได้ถามต่ออีก

“ใช่แล้ว ข้ารู้สึกว่าอาอู๋มีบางอย่างผิดปกติ...เจ้าอย่าได้ไปบอกเจ้ามังกรโง่ตัวนั้นเชียว เขาตอนนี้เหมือนกำลังโดนเล่นของใส่ ไม่สามารถรับฟังเรื่องที่ไม่ดีของภรรยาได้” จุยเฟิงคอยยืนมองอยู่จึงเห็นทุกอย่างชัดเจนดี และยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่ามันผิดปกติ

“ทุกการเคลื่อนไหวของอาอู๋ ทุกย่างก้าวเหมือนตั้งใจจะเอาใจเจ้ามังกรโง่นั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่นางทำ ล้วนตรงกับสิ่งที่เจ้ามังกรโง่ถูกใจ” มังกรโง่นั้นก็ยิ่งถลำลึกเข้าไปมากขึ้นทุกวัน

ยังมีการมาหัวเราะเยาะเย้ยใส่จุยเฟิงที่ครองตัวเป็นโสดพันปีอีก

“มีภรรยาแล้วอย่างไร? มีลูกแล้วอย่างไร?”

“ข้าไม่เคยเลยที่จะสนใจและไม่แม้แต่จะอยากหาด้วยซ้ำ”

“ก็แค่มีภรรยาและลูกคอยอุ่นเตียงให้ พอหนาวก็มีคนทำเสื้อผ้าให้ พอร้อนก็มีคนพัดให้ พอหิวก็มีคนทำอาหารให้เท่านั้น ไม่เห็นจะมีอะไรดีตรงไหนเลย!”

“ข้าบำเพ็ญเพียรฝึกตนมาตลอดทั้งชีวิต ไม่กลัวหนาวร้อนหรือกลัวหิวอยู่แล้ว”

“ถ้าขาดคนทำอาหารให้จริง ๆ ก็แค่ไปเชิญสาวใช้มาปรนนิบัติก็ได้แล้วไม่ใช่หรือ? ใช่ไหมเจาเจา?”

“ข้าคนเดียวกินอิ่มคนทั้งครอบครัวก็ไม่มีทางหิว ข้าไม่อิจฉาเขาหรอก” จุยเฟิงแบะปากและกลอกตาขาวหนึ่งที

พอพูดจบ ก็หันหลังเดินไปที่รถม้า

ทุกคนเดินทางกันมาหลายวันแล้ว ที่นี่ค่อนข้างจะห่างไกลและดูเหมือนว่าจะมีคนจากข้างนอกเข้ามาน้อยมาก

เมื่อเห็นว่าเป็นกองทัพทหารเข้ามาในหมู่บ้านพร้อมกับรถม้า ในตอนนั้นก็มีคนไปเชิญผู้ใหญ่บ้านมา

ผู้ใหญ่บ้านดูเป็นคนที่ค่อนข้างมีอายุมากแล้ว แต่ดูรวมๆแล้วยังคงรู้เรื่องดีอยู่ ทั้งสองด้านของบ้านมีเด็ก ๆ โผล่แต่หัวออกมา เหมือนกำลังแอบสังเกตคนนอกที่เข้ามาด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“ต้องขอรบกวนผู้ใหญ่บ้านแล้ว ตอนนี้ท้องฟ้าค่อย ๆ มืด อีกทั้งดูเหมือนว่าจะมีฝนตกหนัก สามารถขอพักค้างแรมในสถานที่อันล่ำค่านี้สักคืนหนึ่งได้หรือไม่? แต่ถ้าหากพอมีบ้านที่ว่างอยู่ก็จะยิ่งดีมากเลย” จุยเฟิงก้าวขึ้นไปพูด และยื่นถุงเงินไปให้

ผู้ใหญ่บ้านตกใจเล็กน้อยและต้องการจะดันถุงเงินกลับไป

แต่น้ำหนักที่ไม่คาดถึงของถุงเงิน ทำให้การเคลื่อนไหวของเขาชะงักไป หมู่บ้านเดิมที่ก็ยากจนอยู่แล้ว เขาจึงทำได้เพียงต้องรับเงินเอาไว้ด้วยความละอายใจ

“เกรงใจแล้ว แขกอันทรงเกียรติเข้ามาในหมู่บ้านได้เลย ข้างศาลบรรพชนมีห้องว่างอยู่ ท่านเข้าไปอยู่ได้เลย”

“ในหมู่บ้านมีผักและผลไม้สดๆ หากแขกอันทรงเกียรติไม่รังเกียจ เดี๋ยวจะให้คนส่งไปให้ท่านเล็กน้อย” ผู้ใหญ่บ้านแอบมองทุกคนเล็กน้อย และเมื่อเห็นถึงรัศมีของความสง่างามและองอาจ อีกทั้งบรรดาทหารคุ้มกันรอบข้างก็เต็มไปด้วยความดุดัน จึงทำให้ในใจเกิดความยำเกรงมากขึ้น

“ขอบคุณผู้ใหญ่บ้านมาก” จุยเฟิงพยักหน้าให้

เมื่อเข้าไปในหมู่บ้าน มักจะมีเด็กที่มีความกล้าเข้ามาวิ่งอยู่รอบ ๆ

ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กผู้ชาย จะมีเด็กผู้หญิงเพียงไม่กี่คนที่คอยมองอยู่ไกลๆด้วยสีหน้าหวาดกลัว ไม่กล้าเข้ามาใกล้ๆ

“เจาตี้ยังไม่รีบกลับมาจุดไฟอีกหรือ! เจ้าไปตายที่ไหนแล้วเนี่ย? เจ้าตัวหายนะคร่าชีวิตพ่อตัวเองตาย ทำไมชีวิตของข้าถึงได้ลำบากเช่นนี้นะ...” ดูเหมือนว่าจะได้ยินเสียงด่าทอของฮูหยินเฒ่าคนหนึ่งดังมาไกลๆ และในฝูงชนก็มีเด็กหญิงคนหนึ่งที่ผอมแห้งจนเห็นกระดูกหดหัวลง และหันหน้าตะโกนเสียงดัง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์