หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์ นิยาย บท 1192

สรุปบท ตอนที่ 1192: หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์

ตอน ตอนที่ 1192 จาก หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 1192 คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายโรแมนติกโบราณ หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์ ที่เขียนโดย Jaroen เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

เรื่องที่ทำให้เขาตกใจมากที่สุดก็คือ วั่งเทียนชื่อถูกครอบครัวตามใจจนเสียคน บางทีในสายตาของพวกเขาชีวิตของหญิงสาวอาจไม่มีค่าพอที่จะพูดถึง ถึงแม้ว่ายังไม่โตเป็นผู้ใหญ่แต่แค่รากฐานที่มีก็เน่าเละไปหมดแล้ว

ท่านเซียนตกใจไปชั่วขณะ และเสียงโห่ร้องสนับสนุนที่ดังขึ้นรอบบริเวณ ทำให้เขาภาคภูมิใจอย่างมาก

“ท่านเซียน ท่านดูสิ ทุกคนต่างก็สนับสนุนให้เด็กผู้ชายสวมรอยแทนเด็กผู้หญิง”

“ถ้ายังไงก็เห็นด้วยเถอะ”

“อีกอย่างเด็กผู้หญิงมีดีอะไรงั้นหรือ? ฉลาดเฉียบแหลมมีความสามารถไปจะมีประโยชน์อันใด? ภายภาคหน้าไม่ใช่ว่ายังต้องแต่งงานหรอกหรือ อีกทั้งยังต้องเป็นของเล่นให้กับผู้ชายอีก เป็นของที่ไม่มีค่าอะไรเลย ไม่เหมือนกับข้า ข้าเป็นผู้ชายสามารถเป็นหน้าเป็นตาแก่บรรพชนและสืบทอดตระกูลได้”

เสียงรอบข้างดังกระหึ่มขึ้นมาทันที

ผู้ใหญ่บ้านหัวใจเต้นรัว ๆขึ้นมา จบสิ้นแล้ว วันนี้ท่านเซียนจะต้องลงมือกับพวกเขาเพื่อสยบความคึกคะนองของชาวบ้านเป็นแน่! มิฉะนั้นจะไม่สามารถควบคุมได้

ท่านเซียนไม่มีความลังเลที่จะลงมือ ส่วนนายอำเภอที่ยืนหน้าตึงอยู่ข้างๆเขาก็เอ่ยสั่งการออกมาว่า “ใครก็ได้ ไปจับครอบครัวนักโทษมาลงโทษพร้อมกันให้หมด และต้องรีบลงทัณฑ์ในทันที!”

ผู้ใหญ่บ้านวิ่งกลับมาทางทางลัดด้วยความรีบร้อน ใบหน้าของเขาซีดขาวไร้เลือดสูบฉีดเพราะความหวาดกลัวตั้งนานแล้ว

พอทุกคนที่ได้ยินเช่นนี้ สีหน้าก็ซีดขาวราวกับกระดาษทันที

“ท่านเซียนสับสนไปแล้ว...เทียนชื่อของพวกเราจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร ตระกูลวั่งของข้าขาดสิ้นผู้สืบทอดแล้ว!” หญิงผู้นั้นร้องไห้อย่างโศกเศร้า

ขณะพูดก็แตะไปที่เจาตี้ที่หดตัวอยู่ด้านข้างหนึ่งที

“ยัยตัวอัปมงคล เป็นเพราะสวมเลยแทนที่เจ้าแท้ๆถึงทำให้ลูกชายของข้าต้องมารับโทษเช่นนี่ เป็นความผิดของเจ้า! เจ้าตายไปสิบครั้งก็ยังไม่พอ!”

เทียนชื่อบนเกวียนวัวร้องไห้ทั้งน้ำมูก “เพราะอะไร? ข้าก็แค่อยากจะมีชีวิตที่ดี ๆ ทำไมต้องไปให้นางคนไม่มีค่าด้วย!”

“ท่านแม่ ฆ่านางคนไร้ค่าแล้วโยนลงคูน้ำทารกเถอะ”

“ข้าไม่สามารถมีชีวิตที่ดีได้ นางเองก็อย่าหวังจะได้ดี!”

หญิงผู้นั้นรีบคว้าตัวเจาตี้แล้วฉุดกระชากทันทีทันใด จู๋มั่วทะยานตัวออกไปแตะหญิงคนนั้นกระเด็นออกไปจนร่างกายกระแทกเข้ากับกำแพงอย่างแรง

ลู่เจาเจากวักมือเรียกนาง เจาตี้จึงไปหลบอยู่ข้างหลังนางโดยที่ไม่คิดจะลังเลแม้แต่น้อย

“ข้าไม่ได้ทำอะไรเลยนะ เห็นชัดๆอยู่ว่าข้าไม่ได้ทำอะไรเลย” ในที่สุดเจาตี้ก็ทนไม่ไหว ปล่อยโฮออกมาเสียงดัง

ลู่เจาเจามีสีหน้าที่แย่อย่างที่สุด

ในขณะที่ความขัดแย้งกำลังจะปะทุ เสียงกุบกับของกีบม้าก็ดังมาจากนอกหมู่บ้าน

“คนจากทางการมาเอาความผิดแล้ว...” ไม่รู้ว่าใครตะโกนขึ้นมา เหล่าคนชรา ผู้หญิง และเด็กๆจึงพากันวิ่งออกจากบ้าน มุ่งหน้าไปที่ภูเขา

ภายในหมู่บ้านเกินความวุ่นวายโกลาหลไปหมด มีทั้งวิ่งไปร้องไห้ไปและมีทั้งอาละวาดไปวิ่งหนีไป

ชนบทยากจนที่ห่างไกลแห่งนี้ไกลนัก หลายครั้งที่กฎในหมู่บ้านสูงกว่าศาลาว่าการ ถึงขั้นที่เกิดเรื่องใหญ่โตอะไรก็ไม่แจ้งศาลให้ทราบ แต่ทำเพียงรายงานกับผู้ใหญ่บ้านและจัดการกันเองภายในหมู่บ้านเท่านั้น

เช่นนี้จึงทำให้ทารกหญิงในหมู่บ้านเสียชีวิตนับไม่ถ้วน

พวกเขาค่อย ๆ เพิกเฉยต่อกฎหมายบ้านเมือง และไม่เห็นกฎระเบียบที่วางไว้ ทำการก่อตั้งระบบจัดการของตัวเองขึ้นมาในหมู่บ้าน

นี่ก็เป็นส่วนที่ยุ่งยากที่สุดของการจัดตั้งสำนักศึกษาหญิง

หากศาลาว่าการไม่สามารถรับช่วงต่อได้ หากไม่ลงมืออย่างเด็ดขาด และไม่ลงโทษให้หนักๆ เกรงว่าสถานการณ์คงจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงได้ และจะยังคงมีทารกหญิงอีกนับไม่ถ้วนต้องตายโดยไม่รู้อีโหน่อีเหน่

หมู่บ้านบนภูเขาเล็ก ๆ ที่ห่างไกลเช่นนี้ องค์หญิงกลับเสด็จมาพักอยู่ที่นี่เสียได้

เจ้าหน้าที่ทางการรีบลงมาจากม้าและทำความเคารพให้ทันที “คารวะองค์หญิงเจาหยาง คุณชายซื่อจื่อ...”

จากนั้นก็มองไปเห็นจู๋มั่วที่มีท่าทางดูสง่างาม จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามอย่างถ่อมตัว “ท่านผู้นี้คือ?”

จู๋มั่วหน้าเสียในทันที

“ผู้ติดตามของนาง...” เขาชี้ไปที่ลู่เจาเจา แล้วรีบหันหน้าหนีทันที

อ๊ากกกก ข้าคือรัชทายาทของเผ่ามังกรเลยนะ!!

ทำไมต้องถามด้วย? ข้าไม่มียางอายหรือไง?!

เจ้าหน้าที่ทางการทำสีหน้าสับสน แค่ผู้ติดตามคนหนึ่งเท่านั้นจะชักสีหน้าใส่ทำไม? แค่ถามนิดหน่อยเองก็ล่วงเกินเขาแล้วงั้นหรือ?

เจ้าหน้าที่ทางการพูดขึ้นมาทันที “ไม่ทราบเลยว่าองค์หญิงกับซื่อจื่อเสด็จมาด้วย ขออภัยที่มาต้อนรับช้า ผู้น้อยจะรีบไปเชิญท่านผู้ว่ามา...”

ยังไม่ทันได้พูดจบลู่เจาเจาก็โบกปัดมือเบา ๆ

“ไม่จำเป็นต้องรบกวนชาวบ้านหรอก ข้าแค่เดินทางผ่านมาที่นี่ไม่ได้จะอยู่พักนาน พวกท่านทำงานของท่านเถอะไม่ต้องสนใจข้าหรอก” ลู่เจาเจาทำสีหน้าเย็นชา จุยเฟิงจึงยกเก้าอี้มาให้ นางจึงเอนตัวบนเก้าอี้อย่างครุ่นคิด

เจ้าหน้าที่ทางการลองคิดไตร่ตรองดู ได้ยินมาว่าสำนักศึกษาหญิงแห่งนี้เป็นองค์หญิงที่ไปต่อสู้ต่อหน้าขุนนางบุ๋นบู๊ทั้งหลายเพื่อเรียกสิทธิ์ของผู้หญิง

เขาจึงไม่จำเป็นต้องไว้หน้าใคร เพียงแค่ทำตามกฎหมายก็พอ

ไม่นานเจ้าหน้าที่ทางการก็ลากครอบครัวที่สวมสิทธิ์ของผู้อื่นออกมา ชาวบ้านที่เมื่อครู่เพิกเฉยต่อกฎหมายบ้านเมือง ในตอนนี้สภาพดูเหมือนกำลังสูญเสียบิดามารดาไปก็ไม่ปาน “องค์หญิง ได้โปรดองค์หญิงไว้ชีวิตด้วย”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์