“พวกเราคือหนึ่งเดียวกันมาแต่แรก เจ้ากำจัดข้าออกไป คนที่จะลำบากก็คือเจ้า!”
มือของเสวียนอู่เต็มไปด้วยเลือดสด แสงสีแดงอยู่ในกำมือของของ ใบหน้าของเขาได้ซีดขาวราวกับกระดาษ ราวกับว่ามันไรซึ่งสีเลือด
“ข้าจะให้เจ้ากลับสู่สังสารวัฏ อนาคตจะเป็นเช่นไร เจ้าจะได้เป็นคนกำหนดเอง”
มารจิตดิ้นรนอยู่ในเงื้อมมือของเขา “เสวียนอวี้ เจ้าอย่าได้เสียใจภายหลัง! สักวันหนึ่งลู่เจาเจาจะเป็นของข้า!”
เสวียนอวี้พิงกำแพง เขาเจ็บปวดเสียจนไม่สามารถลืมตาขึ้นได้ ชุดสีฟ้าเหลือบขาวของเขาเต็มไปด้วยรอยเลือด
ตอนที่เขาเดินทางติดตามลู่เจาเจานั้น เขาเคยได้ไปแดนปรภพ
ในขณะนั้นเองเขาได้ไปช่วยชีวิตคนคนหนึ่งเอาไว้ ตอนนั้นเขารีบร้อนลงจากเขา จึงได้เรียกอีกฝ่ายมาและได้มอบจิตมารอันอ่อนแอให้กับอีกฝ่ายไป
“เรื่องนี้รบกวนท่านแล้ว หว่างว่าท่านจะปิดปากเงียบ” หลังจากที่กำจัดมารจิตแล้ว ตัวเขาก็ไม่สามารถสงบนิ่งได้อีก
“วางใจเถอะ ศิษย์พี่เสวียนอู่มีบุญคุณเคยช่วยชีวิตข้า เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ไม่นับว่าเป็นอะไร” การเข้าสู่งสังสารวัฏของวิญญาณที่น่าเวทนานั้นเป็นเรื่องปกติในปรภพ
แม้กระทั่งการกลับสู่สังสารวัฏนั้นวิญญาณจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นรูปร่างขึ้นและค่อยๆ สมบูรณ์ขึ้น
เสวียนอวี้เดินเซกลับมายังภูเขาสัจธรรม เขาเหม่อมองแสงไฟสีเหลืองอันอบอุ่นภายในเรือนเล็ก
เชาก้มหน้าลงและพึมพำเสียงเบาว่า
“ดวงจันทร์สวมควรอยู่บนท้องฟ้า ไม่ใช่อยู่ในโคลนตม...” ข้าไม่ผิด
ฟ้าเพิ่งจะสาง เสวียนอวี้ก็ศิษย์ของนิกายกระบี่พามายังห้องโถงใหญ่
ลู่เจาเจากุมศีรษะ นางรู้สึกเพียงปวดหัว
“เจ็บจัง...ใครมาแอบตีหัวข้าตอนข้าหลับกัน” นางกุมหัว แก้มที่เคยมีเจือไปด้วยฤทธิ์สุรานั้นจางไป ดวงตาของนางกระจ่างใส
“ท่านอาจารย์ ท่านจำอะไรไม่ได้เลยหรือขอรับ” จงไป๋มองนางอย่างหวาดกลัว
“ข้าจะไปจำได้อย่างไรกัน ข้าดื่มสุราไปหน่อย กินปูหมักสุราไปสองตัว แล้วก็กลับไปพัก” ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความใสซื่อแล้วหาวออกมา
ท่าทางอันเกียจคร้าน ไหนเลยจะดูเหมือนกับเทพกระบี่ที่แข็งแกร่งที่สุดในสามภพ
นางทำจมูกฟุดฟิดดมกลิ่น ที่แท้กลิ่นสุราก็หายไปหมดแล้ว
เหลือเพียงความหอมเบาบาง
นางเงยหน้ามองไปทางหน้าต่างก็เห็นว่ากลีบดอกไม้อ่อนนุ่มสีขาวต่างพากันประชันกันเบางบาน ดูสวยงามเป็นอย่างมาก สีสันอย่างหนึ่งในฤดูใบไม้ผลิได้เพิ่มขึ้นมาอีกอย่าง
“ปัญหาอยู่ที่สุรา ท่านดื่มสุราจนเมามายในโลกเซียน ท่านเจ้าสำนักไม่ได้นอนมาทั้งคืนและไปขอให้ท่านปู่ไปยอมรับผิดกับท่านย่า”
“ท่านเจ้าสำนักกำลังโมโหอยู่เลย”
ลู่เจาเจาชะงักไป ดื่มเยอะไปงั้นหรือ
นางลุกขึ้นจากที่นอนนุ่ม จนทำให้สมบัติหล่นกระจายลงพื้น...นางได้มาเมื่อคืนนี้
ลู่เจาเจา...
“บัลลังก์ของมหาเทพทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?!” นางชี้ไปยังบัลลังก์หยกอันสว่างไสวของมหาเทพที่อยู่อีกทุท
ทุกคนพูดพร้อมกันว่า “ข้าจะกำจัดจิตใจสกปรกออกไปและปกป้องประชา!”
ผู้อาวุโสคุมกฎลุกขึ้นยืน “เชิญกระจกส่องจิตมาร!”
“พาเสวียนอวี้ขึ้นมา!”
ถึงแม้ว่าเสวียนอวี้จะเปลี่ยนชุดแล้ว บนตัวของเขาไม่มีรอยเลือดเลยสักนิด แต่ใบหน้าของเขาซีดขาวมาก แม้ว่าจะกินยารวมปราณแล้วแต่ก็ยังคงซีดขาว
ศิษย์พี่ศิษย์น้องหลายคนมองเขาอย่างเป็นห่วง
แต่เสวียนอวี้กลับหลบสายตาของลู่เจาเจา เขากลัวว่าจะเห็นความผิดหวังจากสายตาของอาจารย์
ตอนนี้ถ้าพูดชื่อลู่เจาเจาขึ้นมา หัวใจของเขาไม่เต้นแรง แต่กลับมีความข่มขื่นกดทับอยู่ในนั้น...
“เสวียนอวี้ เจ้าเป็นคนที่อายุน้อยที่สุดในสำนักกระบี่ และเข้าสำนักมาช้าที่สุด แต่เจ้าก็เป็นศิษย์ที่ลำบากมากที่สุด ตอนแรกข้านึกว่าเจ้าจะเดินบนเส้นทางนี้ไปจนสุด...”
“แต่คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะมีจิตมาร” เจ้าสำนักพูดเสียงเบาและถอนหายใจออกมา
ความจริงแล้วเขาชอบเสวียนอวี้มากที่สุด
เขามีความโหดร้ายและดื้อรั้นในตัว เสวียนอวี้เงียบไปอยู่นานโดยไม่พูดอะไร
“ไม่ใช่ว่าเหล่าผู้อาวุโสใจร้ายกับเจ้า แต่กฎของสำนักเป็นเช่นนี้มาตลอด” จิตมารจะเปลี่ยนนิสัยของคนคนนั้นไปเลย ต่อให้ศิษย์ของสำนักกระบี่ไม่สามารถกำจัดมารออกไปได้ แต่ก็ไม่สามารถกลายเป็นฆาตรกร
กฎทุกข้อนั้นสร้างมาจากชีวิตของมนุษย์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์
ทำไมตัดเหรียญไปแล้วแต่ตอนไม่ปลดล็อคคะ ขึ้น error แต่หักเหรียญติดแจ้งปัญหาก็ไม่ได้...
ทำไมช่วงนี้ error บ่อยจังเลยคะ...
เติมเหรียญแล้วทำไมถึงปลดล็อคไม่ได้คะ...
ทำไมปลดล็อคไม่ได้คะ...
บท 613 ไม่ลงแล้วหรือค่ะ...
ไม่ลงต่อแล้วเหรอคะ...
อ่านบทที่ 613 กันที่ไหนคะ...
รอค่ะ แต่ช้าจัง สนุก รอค่ะ...
รอตอนต่อไปค่าา...
สนุกมากค่ะ รอตอนต่อไปอยู่ค่ะ...